คุณเป็นใคร…ทำความรู้จักกันหน่อย

โดย สาวตา เมื่อ 27 มีนาคม 2010 เวลา 0:01 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สสสส.๒, สังคม, เล่าสู่กันฟัง, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 1215

บรรยากาศในตอนเช้าของอยุธยาเงียบสงบ อากาศสบายๆ ฟ้าของเช้านี้ไร้เมฆ เมื่อลงมายังห้องอาหาร หลายๆคนจัดการท้องให้อิ่มกันอยู่แล้ว นั่งคุยกับก๊วนเฮฮาศาสตร์ที่มีทั้งลุงเอก อ.ไร้กรอบ กอล์ฟ และพ่อครู อยู่ด้วยกันเป็นครู่ จนทั้งก๊วนกับน้าแห่งชาติเจอกัน จึงพากันมาที่ห้องเรียน

ริมแม่น้ำในยามเช้า

ถึงเวลาของการเรียน น้องปอทีมงานของลุงเอกให้ทุกคนเช็คอินตัวเองด้วยการตอบคำถาม ๒ ข้อ กลัวอะไร คาดหวังอะไร ตอบกันแล้วก็คืนให้ แล้วน้องปอและทีมก็นำไปจัดกลุ่มติดไว้ที่บอร์ดให้ได้อ่านกัน

ต่อจากนั้น คุณสุริยะ ทูตสันติภาพ ก็โชว์ฝีมือเพลงพร้อมดีดกีต้าร์ปืนให้ทั้งห้องฟัง อารมณ์ที่ผ่อนคลายเปิดให้เกิดความสงบขึ้นในห้อง

ผู้ชี้ชวนให้ร่อนนกกระดาษสีขาวโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า

แล้วก็ถึงเวลาแห่งบทเรียนจากอาจารย์วรภัทร อาจารย์มาเป็นกระบวนกรนำพาการเรียนรู้ เริ่มต้นด้วยการเปิดพื้นที่เคาะกระโหลกของผู้เข้าเรียนปลุกต่อมเอ๊ะให้ตื่นตัวกับการทรุดตัวลงบนพื้นและก้มศีรษะลงคารวะแบบในหนังจีน หลังจากนั้นก็เปิดประเด็นนำพาให้นักเรียนโข่งทั้งหลายเอ๊ะกับปัญญาตัวเอง

สิ่งที่แลกเปลี่ยนสำคัญที่อาจารย์ชวนให้เรียนหนีไม่พ้นปัญญา ๓ ฐาน ฐานกาย-สติ ฐานใจ ฐานคิด ในขณะที่ฟังอาจารย์ฉันว่ามีหลายคนที่เห็นปัญญาของตนแล้วลงมือฝึกตนไปพร้อมกัน

ความคาดหวัง- ฐานคิด-ใช่หริอเปล่า

ความกลัวที่มีคนเดียวตอบว่า “กลัวใจตัวเอง”-ฐานใจ-ใช่มั๊ยๆ

ฝึกสำคัญที่อาจารย์ท้าทายนักเรียนโข่งและชวนเอ๊ะหนีไม่พ้น “ฝึกสิ้นคิด” แถมด้วยชี้ให้ฝึกตนมองมุมใหม่กับการศึกษาไทย รวมทั้ง “เฉโก” แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตัวเองให้เห็นจะๆว่า “การฝึกฐานกายให้อะไรคืนมา”

ยามค่ำคืนก่อนหลับลงมีหลายคนที่ตื่นรู้วิธีฝึก “สิ้นคิด” แล้วสามารถสร้างปัญญาให้ตัวเอง ความดีใจที่ทำได้ง่ายขึ้นกว่าที่เคยทำทำให้เรื่องราวถูกนำมาเล่าสู่กันฟังในเช้าวันถัดไปว่าทำได้เพราะคำว่า “สิ้นคิด” นี่แหละค่ะ

จอมยุทธที่เอื้อเวลามาเคาะกระโหลกให้รู้จัก “สิ้นคิด”

เรียนรู้ “เฉโก” กันหน่อย

มวยไทยมีเคล็ดดีๆไม่แพ้ชี่กงนะครับอาจารย์…ไม่เชื่อไปชุมพรซิครับ

อาจารย์มีงานต่อที่ร่มธรรมจึงกลับก่อน กอดอย่างอบอุ่นมอบให้แก่กันก่อนบอกลา เป็นสัญญาบอกกันว่ามิตรภาพระหว่างกันเกิดจากใจประสานใจ ใช่แค่มารยาทในสังคม

ดูก่อน..เพื่อนเอ๋ย…ว่าบรรยากาศผ่อนคลายแค่ไหน…อิอิ

เมื่อนักเรียนโข่งผ่อนพักกายสมควรแก่เวลาแล้ว กอล์ฟรับไม้ต่อนำพาเรียนรู้ความแตกต่างของผู้คนผ่านบทเรียนผู้นำ ๔ ทิศ

การรวมกลุ่มตามทิศเชื่อมสัมพันธ์คนในกลุ่มให้รู้จักปูมหลังของแต่ละคนเพิ่มมากขึ้น เสียงคุยจ๊อกแจ๊กจอแจและเสียงหัวเราะดังขึ้นไม่ขาด

กระบวนการในภาคเช้าจบลงที่เรื่องราวของผู้นำ ๔ ทิศ

เรียน ๔ ทิศ

บ่ายเริ่มจากพ่อครูเกริ่นเรื่องราวเกี่ยวกับโจทย์ของการเรียน หลายคนฟังเสียงนิ่มๆของพ่อครูก็พาตัวเข้าสู่การผ่อนพักตระหนักรู้ ก่อนส่งคิวต่อให้หลวงพี่ติ๊กเล่าสู่กันฟังเรื่องฮาที่ ๔ส๑ ดูแลพระ ลุงเอกจึงชวนสลับไมค์มาให้คุณต้น สุชาติ ชวางกูร โชว์เพลงเสนาะหูให้ฟัง แล้วจึงเป็นคิวของหลวงพี่ติ๊ก ซึ่งเห็นหน้าฉัน ท่านก็แซว ดูเหมือนท่านแปลกใจเหมือนเจ้านายฉันค่ะ ว่าทำอีท่าไหนจึงเข้ามาเรียนร่วมได้

ลุงเอกลุ้นนกกระดาษอยู่ข้างหลัง โค๊ชหรั่งปล่อยอารมณ์สุนทรีย์ตามเพลงไป

นักร้องเชิดหน้าปลุกใจแล้วพระก้มหน้าปลุกอะไรอยู่…ใครรู้ยกมือให้เหมือนกัน

หลังจากนั้นก็มีการนัดหมายไปเที่ยววัด อ๊ะๆอย่าเข้าใจผิด คนนัดไม่ใช่หลวงพี่ติ๊กหรอก นักเรียนโข่งเสนอกันเองเพื่อเอาฤกษ์กับวันดีเสาร์ ๕ ค่ะ

ก่อนไปเที่ยวกอล์ฟชวนให้ร่วมกันสะท้อนเรื่องเรียนรู้ผ่านบทเรียน body map แล้วปิดกิจกรรม

รุ่นพี่๔ส๑.กระตุกคิดเรื่องอะไร กระบวนกรนำพาเรียนอะไร แกะรอยตามรู้หน่อยซิ

เรียนรู้ mind map มาแล้วเรียน body map บ้างเหอะ

๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓

« « Prev : ตั้งหลักเตรียมกอด

Next : เริ่มชิมลางฝึกการลงพื้นที่ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 มีนาคม 2010 เวลา 1:43

    พี่ชอบใจฐานกาย ฐานใจ ฐานคิด เข้าใจว่าท่านอ.ไร้กรอบย่อยเอามาจาก มหาสติปัฎฐาน 4 คือ กาย เวทนา จิต ธรรม อันเป็นหนทางพ้นทุกข์ ท่านอาจารย์ย่อยเอามาให้ง่ายและดัดแปลงให้ปุถุชนพึงพิจารณานำไปใช้ปฏิบัติ

    พี่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องใหม่ แปลกของหลายท่าน แต่เป็นเรื่องคุ้นชินของหลายท่านเช่นกัน หาก หลักสูตรนี้หวังมากกว่าการผ่านสาระดีดีเหล่านี้ นั้น น่าที่จะให้ผู้รู้และผู้ปฏิบัติ มาออกแบบกระบวนการนี้ให้มากขึ้นในแง่ที่ หลักสูตรได้เริ่มในสิ่งดีงามเช่นนี้ แล้ว ทำอย่างไร จะมีกิจกรรมง่ายๆอะไรที่ทุกวันที่เข้าชั้นเรียนจะได้ทำกิจกรรมนั้นๆเพื่อปฏิบัติตาม ฐานกาย ฐานใจ ฐานคิด หากทำได้ หลักสูตรนี้ไม่เพียงนำสาระเยี่ยมๆมาให้ผ่านแก่ทุกท่านแล้ว ยังฝึกปฏิบัติตลอดหลักสูตรอีกด้วย ตลอด 9 เดือนนี้ หากมีกิจกรรมอะไรที่ง่ายๆ ดีดีและฝึกตลอดหลักสูตร พี่เชื่อว่า จบออกไป เปลี่ยนคนไปเลยก็อาจเป็นได้ครับ

    หรือ ตลอดหลักสูตรนี้มีนักกระบวนกร นักการศึกษาภาคปฏิบัติสัก สองคนติดตามหลักสูตรนี้ไปตลอด แล้วพยายามยกระดับหลักสูตรนี้ให้เป็นเชิงปฏิบัติมากขึ้น หรือนำสาระของเนื้อหาดีดีนั้นนั้นมาพัฒนา  ทราบว่าเมื่อสิ้นสุดหลักสูตรดูเหมือนมีการประชุมเพื่อพัฒนาหลักสูตรแล้ว  แต่การกระทำเมื่อสิ้นสุดหลักสูตรนั้นก้ดีอยู่ แต่หากทำไปทุกช่วงของหลักสูตรก็น่าที่จะดีกว่าครับ

    จากฐานกาย ฐายใจ ฐานคิด หากสร้างกิจกรรมง่ายๆทำทุกเช้าก่อนเข้าหลักสูตร หรือทำทุกช่วงเมื่อสิ้นหลักสูตร ก็น่าจะสร้างสมสิ่งดีงามให้ติดตัวไปเมื่อจบหลักสูตรนี้ไปด้วยครับ

    นี่เป็นคนนอกที่มองมาข้างในโดยไม่เห็นสาระรายละเอียดอะไรนะครับ ผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วยครับ แค่คิดไปเท่าที่เข้ามาเรียนรู้น่ะครับ  ชอบครับ

  • #2 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 มีนาคม 2010 เวลา 14:02

    ดูหัวข้อของงานกลุ่มและได้ฟังจากรุ่นพี่ ๔ส๑ ที่เจอกันที่สถาบันพระปกเกล้า น้องรู้สึกว่าหลักสูตรนี้ผสมผสานความหวังหลายมุมเข้าด้วยกันค่ะพี่ ส่วนจะมีมุมไหนอีกนั้น คงได้รู้เมื่อได้เรียนต่อไปค่ะพี่


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.327476978302 sec
Sidebar: 0.63046598434448 sec