ปรับตัว ปรับวิธีเรียน พบผู้รู้ที่หลากหลาย
ตื่นเช้าเก็บของใส่เป้แบกแล้วพาตัวมาคืนห้อง ดูแลตัวเองให้อิ่มท้องแล้วออกเดินทาง ไม่รู้จักศูนย์ราชการที่นักเรียนโข่งต้องไปรายงานตัวว่าอยู่ตรงไหน จึงได้แต่ส่งแผนที่ซึ่งได้จากสถาบันพระปกเกล้าให้โชเฟอร์ช่วยดูแลพาไปให้ถึง เมื่อหมุนล้อถึงที่หมายก็ตะลึง อุแม่เจ้า สถานที่แห่งนี้ทำไมมันกว้างขวางซะมากมายอย่างนี้
คุณโชเฟอร์ใจดีช่วยเต็มที่ เขาเล่าว่าเคยมาส่งคนอื่นที่นี่บ้างจึงรู้ว่าสถานที่แห่งนี้กว้างขวางใหญ่โต ถ้าปล่อยลงผิดที่จะต้องเดินไกลมาก สัมผัสถึงใจที่มีเมตตาของเขานะคะ เขาช่วยถามทางให้จนสามารถพาฉันไปลงตรงจุดใกล้ที่สุดของจุดนัดหมายได้ แถมก่อนที่พารถจากไปยังรออยู่จนฉันหาทางเข้าไปในตึกได้โดยไม่หลงทาง ซึ้งในน้ำใจของเขาจริงๆ
เมื่อพาตัวผลุบเข้าทางประตูแรกที่เห็นพร้อมกับเป้ใบใหญ่บนหลัง ผ่านประตูเข้าไปมองเห็นผู้ชายยืนขวักไขว่เต็มไปหมดในห้องๆหนึ่ง ความหนักของเป้ทำให้นึกว่าเป็นทางเดินเข้าห้องที่นัดหมายมั๊ง แต่พอสอดสายตามองต่ำลงเพื่อมองให้ชัด นั่นอะไรสีขาวๆ ปากเว้าแหว่งคุ้นชินตาวางอยู่ แล้วก็ขำตัวเอง…อีกแล้วสิ….ถูกโฉลกกับห้องน้ำชายอีกแล้ว….5555…..เกือบเดินเข้าไปด้วยสำคัญผิดว่าเป็นทางเดินเข้าตึกทางลัดแล้วมั๊ยละ
เดินต่อไปอีกจนเห็นชายหญิงในเสื้อสูทเขียวเดินกันขวักไขว่ มีโต๊ะลงทะเบียนให้เห็นอยู่ไกลๆด้วย เดินเข้าไปวางเป้ลงกองกับพื้นตรงจุดข้างโต๊ะที่มีกระเป๋าวางกองอยู่มากมาย แสดงตัวลงชื่อว่ามาแล้ว รับรู้การจัดการที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ให้ เจ้าหน้าที่ชี้บอกให้ไปรับเสื้อสูทสีเขียวที่อยู่ในห้องใกล้ๆ จากนั้นเดินเข้าห้องประชุมรอกิจกรรมตามหมายกำหนดการ มีคนที่ร่วมรอกันอยู่ราวครึ่งห้อง ใครใคร่ทักทายใครก็ทักทายกันไปตามประสา เป็นการเริ่มของการมีสัมพันธภาพต่อกัน ดูเหมือนคนที่มาร่วมรอนั้นบ้างเป็นเพื่อนกันมาก่อน บ้างเป็นคนใหม่ต่อกัน ปนๆกันไปหลากหลายอาชีพ หลากหลายสาขาของผู้เชี่ยวชาญ
เวลา ๙ โมงตรงเผงพิธีกรรมก็เริ่มขึ้น ลุงเอกเป็นผู้ทำหน้าที่กล่าวรายงานเกี่ยวกับหลักสูตรให้ประธานในพิธีรับทราบ เช้านี้ประธานในพิธีตัวจริงคือประธานรัฐสภาติดภารกิจมาไม่ได้ อ.บวรศักดิ์ อุวรรโณ เลขานุการสถาบันพระปกเกล้าัรับมอบการปฏิบัติภารกิจแทน
ประมวลจาก ๒ ท่านบอกเล่า ผลที่หลักสูตรนี้คาดหวังเป็นเรื่องของการป้องกันและการเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งที่ทำลายบูรณภาพและเอกภาพในสังคม ความเปลี่ยนแปลงที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นกับผู้เข้าอบรมเป็นมุมของความรู้ ทักษะ ทัศนคติ และการนำไปใช้ สมานฉันท์เป็นผลพวงที่เกิดขึ้นจากความสามารถในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความต่างอย่างมองเห็นและยอมรับความต่างว่าเป็นความงดงาม แล้วปรับตัวอยู่กับมันอย่างสันติในรูปแบบที่บูรณาการมโนสันติ วจีสันติและกายสันติเข้าด้วยกันได้
วันแรกที่เริ่มต้นหลักสูตรนี้มีรุ่นพี่ ๔ส.๑ มาเข้าร่วมพิธีเปิดหลายคน วันนี้ถือว่าเป็นโชคดีในชีวิตฉันอีกวันที่มีโอกาสได้ยินข้อคิดจากปากผู้ที่น่าเคารพนับถืออย่างอ.ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรมกับหู
อาจารย์ได้ให้ข้อคิดสะกิดต่อมคิดไว้สั้นๆชี้ประเด็นให้รับรู้มุมมองของการก้าวเดินที่เชื่อมโยงกับเงื่อนเวลาของการก่อร่างสร้างสมานฉันท์ ๓ ระยะ เห็นแล้วให้ลงมือทำให้เหมาะกับกาล
๓ ระยะที่ว่านั้นมีระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ระยะสั้นเป็นเรื่องการเจรจา ระยะกลางเป็นเรื่องการยอมรับกติกาโดยทุกฝ่าย ระยะยาวเป็นเรื่องการสร้างความเป็นธรรม
อาจารย์พูดสั้นๆว่า วิธีเรียนที่ดีที่สุด คือ การลงมือทำ การร่วมกันทำจะทำให้ได้ความรู้ เจตคติและทักษะที่ลึกขึ้น การไม่ลงมือทำไม่ได้ความรู้ที่ลึก เจตคติจะเกิดขึ้นเมื่อคนได้สัมผัสกับความจริง การสัมผัสกับความจริงได้ธรรมะ ก่อนจากกันก็ย้ำเรื่อง “คิด ทำ ร่วมกันทำ” ทิ้งไว้ให้นักเรียนโข่งไตร่ตรองใคร่ครวญ
ฉันรู้สึกว่าการเรียนเริ่มต้นอย่างเข้มข้น เมื่ออาจารย์ศรีศักร์ วัลลิโภดมเป็นผู้กรุณาให้เวลาแก่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นคนต่อมา ความเข้มข้นของเรื่องเล่าที่พรั่งพรูออกมาจากปากอาจารย์นั้นมีความน่าสนใจอย่างมากมาย
เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่อาจารย์นำมาแลกเปลี่ยน ฉันเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรอีกหลายอย่างที่ฉัน “ต้อง” ปรับตัวให้ลงตัวกับบริบทแห่งการเรียนรู้อีกครั้งในชีวิตแล้วหละค่ะ
ที่ใช้คำว่า “ต้อง” ก็เพราะว่าหากเปรียบอาจารย์เป็นเครื่องส่งความถี่สูง วันนี้ฉันเป็นได้แค่เครื่องรับที่มีความถี่แคบๆ รับได้แค่บางความถี่เท่านั้นเอง มีคลื่นๆดีที่อาจารย์ส่งออกมาหลายประเด็นที่ฉันไม่สามารถปรับเครื่องรับของฉันรับมาแปลงไปสู่คลื่นที่มีความแรงเท่ากันแล้วส่งออกมาเป็นบันทึกได้ค่ะ
ขอออกตัวไว้ก่อนนะคะว่าเรื่องราวที่นำมาบันทึกไว้นี้เป็นเพียงส่วนเสี้ยวที่อาจารย์ได้เล่าสู่กันฟังแล้วเครื่องรับอย่างฉันรับได้ทันและแปลงคลื่นออกมาตามประสาฉันแล้วบันทึกเล่าสู่กันฟังนะคะ
เรื่องราวที่อาจารย์ได้แลกเปลี่ยนเป็นมุมมองย้อนยุคของรากสังคมที่สังเคราะห์จากปูมหลังอันยาวนานของสังคมไทยด้วยความเชี่ยวชาญที่อาจารย์มี
การแลกเปลี่ยนที่ดำเนินไปนั้นมีศัพท์หลายคำหลุดจากปากอาจารย์ที่ฉันงง งงเพราะไม่คุ้นศัพท์และความหมายของศัพท์ค่ะ พองงก็เชื่อมโยงเรื่องที่ได้ยินให้เกิดความเข้าใจได้ช้าหรือไม่เข้าใจก็มี บางช่วงตามไม่ทันด้วยความที่ยังงงอยู่ก็มีค่ะ
คลื่นที่แปลงมาเป็นบทเขียนแล้วพบเพี้ยน โปรดเข้าใจแล้วหยวนให้หน่อยแล้วกันค่ะ
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๓
« « Prev : ก่อนเริ่มเรียนก็เจอโจทย์ทั้งในงานและนอกงาน
Next : เอ๊ะกับคำว่า “อบรมเพื่อความมั่นคงทางสังคม” » »
2 ความคิดเห็น
มาต้อนรับรุ่นน้องที่นี่ อิอิ
สสสส.๑ จัดงานเลี้ยงต้อนรับจะมีขึ้นวันที่ ๒๒ เม.ย.นี้ครับ ผมจะไปร่วมด้วยครับ อย่างน้อยทิพย์วัลย์ ปิ่นภิบาล (สสสส.๑) ปะทะสุชาติ ชวางกูร (สสสส.๒) แฮ่ๆ
เชื่อๆๆๆว่า มัน ฮาแน่นอน
ก็ได้แต่บอกรุ่นพี่ว่า….รุ่นน้องหลายคนพากันออกตัวไว้ก่อนว่า “ไม่ๆๆๆนะ การแสดงนะไม่นะ” เมื่อเห็นห้องเรียนในช่วงกลางคืน
ไม่รู้ถึงเวลาจริงๆ…จะมันเหมือนรุ่นพี่หรือเปล่า..5555