ก่อนเริ่มเรียนก็เจอโจทย์ทั้งในงานและนอกงาน

โดย สาวตา เมื่อ 23 มีนาคม 2010 เวลา 0:57 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สสสส.๒, สังคม, เล่าสู่กันฟัง, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 989

พอกลับจากงาน HA Forum มาแล้ว คงเหลือเวลาทำงานอยู่ไม่มากวันสำหรับการสะสางงานทั้งหลาย  การรู้จริตของตัวอยู่ว่าถ้าหากว่าใจห่วงพะวงอยู่กับงานแบบถึงลูกถึงคนจะทำให้เรื่องราวหลายอย่างที่ควรได้จัดการให้ลงตัวจะไม่ได้ลงมือ

สิ่งที่ลงมือทำลงไประหว่างเวลาที่เหลือวันทำงานอยู่จึงเป็นเรื่องการรู้ว่าเรื่องอะไรที่ผ่อนการลงมือให้ทำไปแบบช้าๆได้  ก่อนจะผ่องถ่ายความคิดขยายความ ชี้แนวพร้อมบอกผลลัพธ์ที่ต้องการในส่วนของตนขั้นต่ำเอาไว้ให้ลูกน้องได้รู้ แล้วปล่อยวางลงในมือพวกเขา ปล่อยให้ทำต่อไปโดยอิสระอย่างท้าทายตัวของเขาเอง

วันแรกที่เปิดทำงาน ฝ่ายงานพัฒนาคุณภาพก็แจ้งเวียนแผนปฏิบัติการประจำปีของร.พ.ที่แล้วเสร็จมาถึงมือ มีเอกสารแนบบอกมาด้วยว่าให้ส่งกลับแผนการลงมือหรือกิจกรรมหรือโครงการคืนกลับภายในเวลาไม่เกิน ๓ เดือนข้างหน้า

ไล่เรียงดูเวลาแล้วหากไม่จัดการเรื่องราวส่วนขยายของแผนการลงมือเหล่านี้ให้ชัดและเข้าใจตรงกันซะก่อน  หัวหน้างานจะเกิดเรื่องเครียดได้อีกบานตะไทตามมากับเรื่องของการบริหารผลประโยชน์ให้ลูกน้องไม่ลงตัวในรอบ ๒ ของการประเมินผลงานส่วนบุคคลตามแบบใหม่ ของก.พ.

๓ วันทำงานที่มีอยู่ใช้ไปกับเรื่องการแลกเปลี่ยนแนวคิดและบอกถึงสิ่งที่ต้องการเริ่มวางฐานให้กับอนาคตของหน่วยงานที่อยู่ในใจของฉันกับหัวหน้างาน

เป็นเรื่องดีที่ตัดสินใจชวนหัวหน้างานให้มาอธิบายที่มาที่ไปของแผนงานทีละคนๆ ด้วยทำให้ความต่างของมุมคิดของเขาและฉันถูกคลี่ออกมารับรู้ร่วมกัน

การรับรู้ร่วมทำให้มองเห็นทางก้าวเดินที่เื้อื้อให้คนทำงานได้แสดงฝีมือเต็มความสามารถ การรับรู้ร่วมทำให้สามารถเห็นจังหวะของการลงมือทำหน้าที่โค๊ชของแต่ละคน  การรับรู้ร่วมทำให้ความเครียดที่หัวหน้างานเคยรู้สึกต่อความคาดหวังผ่อนคลายลง

กะปิที่ใช้วัดงานที่กำหนดร่วมกันไปนั้นฉันฟันธงว่าขอวัดที่การใช้ความสามารถในการทำงานโดยผูกโยงไปกับผลสำเร็จของงานแต่ละชิ้นใน ๓ แง่มุม มุมแรก คือ ผลสำเร็จที่งานส่งมอบให้กับความสำเร็จในเชิงยุทธศาสตร์ขององค์กร  มุมต่อมา คือ ผลสำเร็จของการลงมือทำงานในเชิงความเชี่ยวชาญตามวิชาชีพที่ส่งมอบผลงานให้กับผู้ใช้บริการ  มุมสุดท้าย คือ ผลสำเร็จของการมีพลวัตรหมุนไปของกระบวนการพัฒนาคุณภาพที่ซ่อนอยู่ในงานประจำวันตามจริตที่แต่ละคนอยากทำ

วิธีวัดลงมือทำอย่างไรจึงสามารถสรุปผลใน ๓ แง่มุมได้ในเมื่องานปลีกย่อยมีเยอะแยะไปหมด ฉันได้ให้เหล่าหัวหน้างานลงมือทำการประเมินแทนฉันก่อนไป HA Forum แล้ว ซึ่งต่างก็ร้อง “โอ๊ย…จะเป็นคนเก่งที่รัฐต้องการนี่ยากจังเลย” แต่หลังจากร้องโอ๊ยกันแล้ว ความเข้าใจของพวกเขาก็เกิดขึ้นโดยพลันนะคะ

เรื่องราวเป็นมาอย่างนี้แหละค่ะที่ทำให้ฉันไม่ห่วงกับการวางงานไว้ในมือให้เขาทำกันไปโดยอิสระ ตกลงกันไปว่าขอให้แผนกิจกรรมทั้งหลายขยายความในรายละเอียดให้มาร่วมรับรู้ภายในเดือนเมษายน

สำหรับงานที่ขอวางฐานให้กับอนาคตของหน่วยงานนั้นก็เริ่มลงมือทำเลยในเวลา ๒ ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง เกริ่นเรื่องราวและบอกเล่าปูมพื้นฐานที่เกี่ยวข้องให้กับทีมงานที่สนใจจากหน่วยงานอื่นๆที่ชวนมานั่งคุยแล้วก็พาตัวเผ่นมาขึ้นเครื่อง ปล่อยไว้ในส่วนที่เหลือให้ลูกน้องคนหนึ่งสานต่อไป

บินถึงกรุงเทพฯในช่วงเย็นแล้วนึกถึงเสียงโทรศัพท์ที่ส่งเข้ามาหาแล้วเงียบไปเป็นครู่ระหว่างงาน HA Forum แล้วเรื่องราวการสูญเสียในครอบครัวหนึ่งก็พรั่งพรูเล่าตามออกมา เรื่องราวนี้ติดใจของฉันอยู่จึงตัดสินใจเป็นคนใจง่ายอีกครั้งเดินทางต่อไปยังจังหวัดใหญ่แห่งหนึ่งในภาคกลางเพื่อเยี่ยมเยียนเจ้าของเสียง การเดินทางได้สิ้นสุดลงในเวลาใกล้สองยามของคืนนั้น

เรื่องราวของความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาให้เรียนรู้แบบไม่รู้ตัวของผู้เป็นกัลยาณมิตรได้ถูกปลดปล่อยออกมาให้ร่วมรับรู้จวบจนเวลาผ่านเลยไปยามสาม

ในวันรุ่งขึ้นความหวั่นไหวบางมุมที่แฝงเร้นอยู่ในใจของเจ้าของเรื่องราวก็ถูกปลดปล่อย  เธอได้สติกลับคืนได้ข้อตัดสินลงมือทำให้การอยู่ร่วมกับพี่และน้องของเธอมีความหมายมากขึ้นที่ลงตัวกับความปลอดภัยของผู้เป็นแม่ที่กำลังป่วยซึ่งเธออยากแทนคุณ ดีใจกับการตัดสินใจนำพาตัวมาหาเธอของตัวเองจริงๆ

ใช้เวลากับครอบครัวของกัลยาณมิตรอยู่ค่อนครึ่งวันทีเดียวเชียว  เวลาที่ใช้ไปคุ้มค่ากับการช่วยให้เกิดความผ่อนคลายกับผู้คนที่สัมพันธ์กันฉันเครือญาติ ปลดชนวนความรู้สึกในแง่ลบที่กัลยาณมิตรมีต่อเพื่อนร่วมอาชีพของฉัน การตัดสินใจเพื่อคนป่วยที่คลุมเครืออยู่เกิดความลงตัวมากขึ้นในบางแง่มุมของการตัดสินใจร่วมระหว่างพี่น้องอย่างน่าดีใจไปด้วย

ได้เห็นมุมของผลการศึกษาที่บุคคลอาชีพเดียวกับฉันถูกฝึกฝนมา  ได้เห็นวิธีคิดของผู้คนที่แตกต่างซึ่งส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ผู้คนมีต่อกันแล้วส่งให้เกิดเป็นความคิดด้านลบที่ชัดจริงๆ เข้าใจกับคำว่า “แขวนไว้” ในอีกหนึ่งมุม แล้วอ้อว่า ผลของความสัมพันธ์ที่ก่อความขัดแย้งระหว่างผู้คนเกิดจากการแขวนความคิดไม่เป็นหรือแขวนช้าไปแขวนไม่ทันนี่เอง

เห็นอย่างนี้ทำให้นึกไปถึงโรงเรียนที่มีหลักสูตรฝึกให้แขวนความคิดได้ก่อนคุยกันซะจริงๆ มีโรงเรียนอย่างนี้อยู่ที่ไหนบ้างก็ไม่รู้  แต่ที่แน่ๆในงาน HA Forum ได้ยินผ่านหูมาบ้างแล้วจากห้องๆหนึ่งที่ตั้งชื่อธีมของห้องว่า “คนเล็กๆเพื่อภารกิจที่ยิ่งใหญ่” แล้วเมื่อว่างฉันจะเล่าเรื่องที่ได้เรียนรู้จากห้องนี้ให้ฟังค่ะ

ระหว่างเดินทางย้อนกลับเข้าสู่เมืองกรุงในยามบ่าย ใจฉันก็ตุ้มๆต่อมๆกับการคาดว่าจะพบอุปสรรคจากม็อบในระหว่างทางอยู่บ้าง เส้นทางเดินที่เลือกเดินทางครั้งนี้ฉันเลือกใช้รถโดยสารประจำทางธรรมดาๆที่ขาขึ้นจากเมืองกรุงเสียค่าเดินทางต่ำกว่าขากลับลงมาเมืองกรุง ชวนให้แปลกใจมั๊ยค่ะ

การพาตัวเข้ามาเมืองกรุงครั้งนี้มีภารกิจติดมาด้วยอีกเรื่องนอกเหนือจากการเข้าร่วมปฐมนิเทศในฐานะนักเรียนโข่ง ลูกสาวเธอมอบหน้าที่ช็อปปิ๊งมาให้ค่ะ กลับถึงเมืองกรุงใช้เวลาทำหน้าที่จนเสร็จจึงพาตัวกลับเข้าที่พักนอนพักรอ

ระหว่างนอนพักรอเวลาที่จะมาถึง ตื่นเต้นอยู่ว่าจะพบหน้าใครบ้างพร้อมกับใจไม่วายพะวงกับเรื่องราวก่อนพาตัวเผ่นขึ้นเครื่อง ภาพเหตุการณ์ที่ย้อนรอยมองเห็นในห้วงนึก เดี๋ยวเลขาฯเจ้านายโทรมาหา เดี๋ยวเจ้านายก็โทรมาเองพร้อมคำถามจะเดินทางเข้ากรุงเมื่อไร พร้อมบอกเรื่องมีงานที่เตรียมจะมอบต่อด้วยเหตุผลว่ารองแพทย์อีกคนก็ไม่อยู่ติดเวลาอบรมยาวเหมือนกันผุดขึ้นมาให้พะวง อย่างนี้กลับไปแล้วเจ้านายจะถอนคำอนุญาตให้ฉันเดี้ยงกับการเป็นนักเรียนโข่งมั๊ยหนอ

นึกสยองกับคำลงนามในหนังสือที่เหล่าเพื่อนๆเคยล้อเลียนกันเล่นจริงๆ  ไม่รู้ใครในลานฯเคยเจอบ้างมั๊ยกับวจียอดฮิต “เห็นชอบ มอบรองฯ”…อิอิ

๑๘ มีนาคม ๒๕๕๓

« « Prev : คนดูใบ

Next : ปรับตัว ปรับวิธีเรียน พบผู้รู้ที่หลากหลาย » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "ก่อนเริ่มเรียนก็เจอโจทย์ทั้งในงานและนอกงาน"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.18390583992004 sec
Sidebar: 0.58896398544312 sec