ร่วมเรียนรู้และก้าวเดินไปด้วยกัน

โดย สาวตา เมื่อ 13 กุมภาพันธ 2010 เวลา 23:45 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1813

มีเบื้องหลังอยู่มากมายกับการเตรียมการเพื่อรับการเข้ามาร่วมเรียนรู้ของสรพ.ในครั้งนี้ที่เมื่อมองย้อนไปแล้วสะดุดใจกับบางสิ่งบางอย่าง สิ่งหนึ่งที่รับรู้แล้วแน่นอนคือมั่นใจต่อความจงรักภักดีต่อองค์กรของคนทำงานส่วนใหญ่ได้เลย และผู้คนส่วนใหญ่ที่ได้เห็นมีทั้งลูกหม้อเก่าๆและกลางเก่ากลางใหม่ในองค์กรแทบทั้งนั้น  ความผูกพันอย่างแท้จริงต่อองค์กรเกิดขึ้นตามธรรมชาติในยามสู้ศึกด้วยกันที่แสดงออกมาน่าชื่นใจ

สรพ.เข้าเยี่ยมคราวนี้มีแปลก แปลกตรงท่าทีที่เปลี่ยนมาดจาก “อาจารย์” เป็น “โค๊ช” เวลาที่ลงเยี่ยมสำรวจเมื่อโค๊ชเจอนักกีฬาใหม่ที่ไม่เข้าใจเกมส์ที่หน้างานก็อธิบายแล้วยกโจทย์้ให้ใคร่ครวญเรียนรู้ สอนต่อด้วยว่าเป็นตัวอย่างชวนให้เรียนเพื่อให้เป็นตัวของตัวเอง จะได้พลิกผันเกิดเป็นฝีมือเฉพาะตัวของแต่ละคนตามสไตล์ตัวเอง นักกีฬาเก่าที่หน้างานก็ได้รับการโค๊ชไปด้วย ทีมนำและบอร์ดบางคนที่ติดตามไปก็ได้รับการสอนงานไปด้วย

การสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างลงเยี่ยมสำรวจพื้นที่มีคำกล่าวบอกอย่างชัดเจนว่า การมาครั้งนี้ไม่ได้มาหาเด็กดีที่ยินดีทำตามสรพ.ทุกย่างก้าวเดิน แต่เป็นการมาหาเด็กดื้อหรือมีสติแตกที่ชอบแหกคอกทำอะไรท้าทายสรพ.อยู่เรื่อยๆ ไม่ทำอะไรไปตามเช็คลิสต์นั้นยิ่งดีใหญ่ ชอบใจอย่างยิ่งที่จะได้พบเจอและร่วมเรียนรู้

การเป็นโค๊ชที่ดำเนินไปแฝงเรื่องการประเมินว่านักกีฬาที่ตนเคยฝึกฝนไว้แล้วปล่อยเดี่ยวให้ก้าวเดินอย่างลำพัง ก้าวหน้าไปในฝีมือแล้วอย่างไรบ้าง มีถอยหรือหมดพลังอย่างไรไปบ้างกลายๆแบบไม่ทำให้ไก่ตื่น วิธีโค๊ชก็ใช้วิธีชวนให้ดูด้วยตาของคนที่ติดตามไปว่าสิ่งที่มาขอเยี่ยมและสำรวจนั้นพยานหลักฐานที่เก็บมาได้นั้นเห็นอะไรด้วยตาตัวเองบ้าง แล้วช่วยกันบอกสิ่งที่เรียนรู้ออกมาก่อนได้รับการโค๊ช

ในขณะเดียวกันระหว่างการสำรวจ ทีมสรพ.ก็ทำตัวเป็นแมวมองค้นหาดาราไปด้วย เจอหน้าของใครที่มีแววดีจะเป็นดาราได้ก็จีบเจ้านายขอคว้าตัวไปฝึกต่อให้กลับมาเป็นโค๊ชขององค์กรต่อไป แล้วเจ้านายก็บ้าจี้ ตอบรับไปว่า “ยินดี”

ในส่วนเบื้องหลังของการเตรียมรับการเข้าเยี่ยม ไม่เหนื่อยกับงานที่ทำๆกันอยู่เป็นประจำเลยสักนิดเดียว ก็งานคุณภาพนั้นทำงานกันอยู่ทุกวันและอยู่ในวิธีคิดและจิตใจระหว่างทำงานกันทั้งนั้นเลย ที่เหนื่อยมากอย่างที่ไม่เคยเหนื่อยกันมาก่อนคือการรวบรวมนำเอากะปิทั้งหลายเป็นตัวเลขมาส่งให้กันแถมด้วยการเขียนเรื่องเล่าบอกกล่าวกันที่ผู้เข้าเยี่ยมสำรวจต้องการไปไว้ในมือเพื่อประกอบเป็นวัตถุพยานนำส่งให้กับบอร์ดของสรพ.

เหล่าคนทำงานที่เป็นเด็กดีทั้งหลายต่างก็ทำตามสรพ.กันมาตลอดเวลาหลายเดือนแล้ว เขียนส่งเรื่องราวการพัฒนาคุณภาพทางคลินิกไปให้ แต่ว่าในด้านส่งเสริมสุขภาพที่บรรดามีทั้งหลายทำๆกัน ทุกงานทำตัวเป็นเด็กดื้อไม่ยอมลงมือเขียนอะไรส่งเลย  บรรดาพี่เลี้ยงหลักของงานคุณภาพก็ตามบอกกล่าว จนถึงวันที่ ๕ ก.พ. ก็ไม่มีให้เห็น มันก็ต้องเลยตามเลยไม่เขียนก็ไม่เขียน ไม่มีก็คือไม่มี แล้วฉันจึงลงมือทำเรื่องร่างนำเสนอเพื่อส่งคืนให้พี่เลี้ยงดูตามเรื่องราวที่ฉันเคยรู้เห็น พี่เลี้ยงก็ชักชวนคนทำงานมาร่วมดูเพื่อยืนยันความตรงจริง

แล้วในวันนัดหมายชวนกันมาดูสไลด์ที่ทำขึ้นให้นั่นแหละพี่ท่านก็เบี้ยวโยนกลองมาให้ฉันนำเสนอ ทั้งๆที่บอกกล่าวกันไปแล้วว่าฉันลองใคร่ครวญหลายรอบมาก่อนหน้าแล้วจะไม่ทำสไลด์นำเสนอ ขอให้พาเยี่ยมชมของจริงถามคนทำงานจริงๆก็แล้วกัน เพราะที่ทำงานๆกัน ฉันแทบไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยรวมทั้งวิธีคิดของคนทำงาน

เอาละซีโยนกลองมาให้อย่างนี้ ในระยะเวลาที่วิกฤตอย่างนี้จะทำยังไง ใครทำอะไรบ้างแล้วทำกะปิวัดงานตัวเองอย่างไรฉันไม่รู้เรื่องเขาเลย  ในวันที่ ๕ ก.พ.ถามไถ่กันก็ยังไม่รู้เรื่องเลย มองหน้าหลายๆคนเพื่อรอฟังเรื่องของเขาดูเหมือนยังงงๆกับบทบาทของตัวเองอยู่ อย่างนี้เมื่อสรพ.ชวนสนทนาให้เล่าเรื่องราววิธีคิดจนได้งานคุณภาพชิ้นนั้นออกมาด้วยคำถามปลายเปิดแล้วโยงคำถามเชื่อมโยงไปสู่ภาพรวมขององค์กรจะตอบได้อย่างไร

เห็นหน้าพรรคพวกในวันนั้นทำให้ตัดสินใจ  เรื่องของงานส่งเสริมสุขภาพที่รู้เห็นและเคยผ่านตามีทำๆกันอยู่หลายแนว  ต่างคนต่างฉีกแนวทำในบริบทตามสไตล์ของตัว เมื่อโดนถามให้บอกแนวคิดว่าทำแล้วโยงและเชื่อมอยู่กับผลลัพธ์ภาพรวมขององค์รวมอย่างไรแล้วให้โยงผูกไปถึงเรื่องของเครือข่ายจะทำให้สมองบวมคิดไม่ทันได้  แล้วมีหลายเรื่องที่ฉีกแนวไปที่หลายเรื่องราวซับซ้อนยิ่ง มีแต่คนทำเท่านั้นที่รู้ดีีและตอบได้นั่นยิ่งแล้วใหญ่

สไตล์ผู้เชียวชาญนี่หลากหลายจริงๆ ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างรู้ มองเห็นความยากของการนำเสนอ มองเห็นเหตุผลว่าทำไมพี่เลี้ยงคุณภาพมีความกังวลและเครียด ตัดสินใจเอาตัวเข้าไปแบกอีกแล้ว ฉันตัดสินใจรับคำพี่เลี้ยงคุณภาพว่าจะลองดู ขอให้ร่วมมือรวบรวมเรื่องมาให้ทันก็แล้วกัน  มีเวลาให้ทำงานด้วยกันแค่ ๓ วันทำงานที่เหลืออยู่ของสัปดาห์หน้าเท่านั้นเอง

รับปากแล้วความคิดก็ไปก่อนแล้ว จะเป็นไปได้หรือ รวบรวมเรื่องมาให้ได้้นำเสนอในเวลาที่เหลืออีก ๓ วัน แล้ววันนี้ข้อมูลเป็นสูญ ถ้าหากนำมาให้ฉันก่อนวันสรพ.มา ๑ วัน ฉันจะใช้เวลาไหนเล่าทำเรื่องสไลด์นำเสนอได้ทัน ปากหนักไม่เอ่ยความคิดออกมาให้ได้ยินกันดังๆไปได้ยังไงไม่รู้่ เลิกงานกลับบ้านกันไปหมดแล้วจึงฉุกคิดเรื่องนี้

กลับบ้านแล้วฉันจึงตัดสินใจลงมือทำงานเตรียมร่างสไลด์ทันทีไม่รอเวลาแล้ว คิดไปทำไปไม่คิดว่างานเตรียมนำเสนอในครั้งนี้จะเหนื่อยหนักแต่ก็เหนื่อยมากๆๆๆี ไม่เคยนอนดึกสำหรับงานเตรียมนำเสนออย่างนี้นานมากแล้ว เหนื่อยเหมือนตอนไปเรียนหลักสูตรหนึ่งด้านบริหารเมื่อหลายปีก่อนเลยเชียว ทำงานทุกวันกับการรวบรวมคัดกรองเพื่อคั้นหัวกะทินำเสนอ ๕ วัน ๔ คืนกับการทำงานนำเสนอบนฐานข้อมูลที่ไม่พร้อม ทำแล้วก็แก้แล้วก็ทำอยู่นั่นแล้ว ตรวจทานความคิดกับเจ้าของงานทีละคนทีละคนเพื่อเรียนรู้วิธีคิดอยู่นั่นแล้ว จนเหลือเรื่องราวของสาวๆอีก ๓ คนที่ไม่ได้รู้เรื่องราวของเขาเลย

ทำงานแบบลืมเวลานอนเวลากินไปเลยคราวนี้ รู้ฤทธิ์ของการเป็นทาสเวลาอีกครั้งหนึ่งของชีวิต หลังจากที่บ๊ายบายกันมานานมากแล้ว ทุกคนมีงานอื่นที่ต้องเตรียมนำเสนอของตัวอีกส่วนด้วย เป็นช่วงเวลาที่เขม็งเกลียวสิ้นดีจริงๆเชียว  อืม ทำงานเป็นทีมแบบเอาหน้าคนเข้าไปเกี่ยวอยู่ซ้ำคนในหลายๆงานมันหนักหนาสาหัสอย่างยิ่งสำหรับยามคับขันอย่างนี้

เห็นการปรับตัวปรับความคิดไม่ทันกับเวลาของคนหลายๆคน สุดท้ายเลยตัดสินใจเลือกนำเสนอตามสไตล์ตัวเอง กำหนดกะปิขึ้นเองเป็นหน่วยนับง่ายๆ ทิ้งรายละเอียดคุณภาพที่คนทำงานรู้อยู่แก่ใจเท่านั้นเอาไว้ให้ตอบเอง แล้วใช้วิธีคุยตั้งคำถามค้นหาเรื่องราวเอง เมื่อได้เรื่องราวพอคร่าวๆก็สะท้อนให้เขายืนยันว่าเข้าใจตรงหรือไม่แล้วจบกัน ในเรื่องของกะปิก็แค่ชวนให้ค้นหาตัวเลขมาให้ตามคำถามที่ตั้งขึ้นตอนนั้นเอง มีก็นำมาใช้ ไม่มีก็ละไป มีก็ขอคำอธิบายเพื่อทำความเข้าใจกับผลงานที่เปลี่ยนไปว่าทำอะไรลงไปจึงเปลี่ยนได้

เรื่องสำคัญๆที่ี่มีน้ำหนักตามเทรนด์ที่เก็งไว้เป็นเรื่องราวผูกโยงกับบริบทองค์กร ความสำคัญที่ทำให้ต้องมีงานด้านส่งเสริมสุขภาพอยู่ในการดูแลทางคลินิก ระบบที่องค์กรถือเป็นประเด็นสำคัญด้านการส่งเสริมสุขภาพที่ท้าทายสำหรับความปลอดภัยของผู้มารับบริการที่ผูกโยงกับนโยบายของทีมนำที่พัฒนากันอยู่ การผูกโยงการทำงานออกไปนอกรั้วร.พ.ร่วมกับเครือข่าย และการให้ความสำคัญกับทีมงานคือสิ่งที่ฉันเลือกเป็นประเด็นนำเสนอในครั้งนี้

แต่ละวันกลับจากที่ำทำงานก็กว่าสองทุ่ม แต่ละคืนกว่าจะเข้านอนก็ตี ๓  เสาร์-อาทิตย์เทียวไปเทียวมาตามไปทำความเข้าใจเบื้องลึกของงานจากเจ้าของงาน อืม เป็นอะไรที่ไม่ได้ทำงานหนักอย่างนี้มานานทีเดียว  รู้สึกเหมือนทำงานสบายๆผ่อนคลายแต่ก็ไม่ใช่ผ่อนคลายซะทีเดียว เป็นความผ่อนคลายที่มีความมั่นใจว่ามีทางเลือกเมื่อจนมุมจริงๆกับเรื่องราวและเวลาซะมากกว่า(มั๊ง)

จนรุ่งเช้าของวันทำงาน ๒ วันก่อนสรพ.มาถึง ว๊ากเพ๊ยเจ้าของงานคนหนึ่งที่ไม่สนใจมายืนยันเรื่องราวที่รวบรวมไว้ในเรื่องนำเสนอ เธอกล่าวคำมาว่า “หมอทำอย่างนี้หนูเครียดนะ” ฉันบอกเธอกลับไปว่า “หมอตั้งใจให้เธอเครียด ด้วยเห็นเธอไม่สนใจ ทั้งๆที่เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของเธอ รวบรวมมาแล้วให้ยืนยันความตรงของเรื่องราว เธอกลับเฉยเมย ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่า เธอไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้หรือว่ากำลังงงๆจนทำอะไรไม่ถูกหรือเปล่า”  ว๊ากตรงๆไปอย่างนี้ปรากฏว่าได้ผลแฮะ สติเธอคืนกลับมา และทำงานต่อจนได้เรื่องได้ราวดี

ว๊ากเธอไปแล้ว จึงรับรู้ความรู้สึกตัวเองว่า เครียดไม่เบากับการพยายามทำความเข้าใจวิธีคิดของคนทำงานแต่ละคนที่ยกเรื่องราวของเขามาเล่าต่อเพื่อสรุปและถ่ายทอดตามสไตล์ของฉัน โดยเฉพาะกับเรื่องราวที่นำมาเล่าให้ฟังแบบกิจกรรมต่อกิจกรรมแบบเรื่องราวกระโดดไปกระโดดมา

เรื่องราวที่เขาทำงานกันมาเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องยาวนานมาร่วม ๓-๔ ปีกันทั้งนั้น ต่างคนต่างมาบอกเล่าเพื่อให้ฉันเข้าใจในสิ่งที่เขาคิดเขาทำและผลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลาเพียงแค่ที่มี ๒ วัน คนละแค่ ๑-๒ ชั่วโมงต่อเรื่อง ฉันว่าสมองฉันไม่บวมก็บุญโขแล้ว  นับว่างานนี้ได้ประเมินประสิทธิภาพการฟังของตัวเองมากมายเลยเชียว

๑ วันก่อนสรพ.มาถึง ชุดงานที่เตรียมนำเสนอก็เสร็จลง ฉันตัดสินใจทำมันด้วยความคิดเพียงแค่ว่าใช้มันช่วยเรียงลำดับเรื่องราวไม่ให้ฉันหลงลืมนำเสนอเรื่องหลักๆที่สำคัญแค่นั้นเอง ไม่ได้ตั้งเป้าไปที่คนอ่านเรื่องรู้เรื่องทั้งหมดหรอกค่ะ  สไลด์ในครั้งนี้ใช้รูปนำเสนอมากที่สุดเท่าที่เคยทำเรื่องนำเสนอแบบสไลด์ทีเดียวเชียว

เลือกรูปไปก็คิดถึงชาวเฮไปด้วย มีกำลังใจทำงานขึ้นมากโขทีเดียวเวลาเปิดค้นหาภาพแล้วไปเจอเรื่องราวที่เคยมีประสบการณ์ร่วมกันมา เป็นน้ำยาอุทัยที่เลี้ยงใจให้ชุ่มชื่นเวลาทำงานหนักๆอย่างนี้ให้เย็นใจอยู่ได้ทุกคืนทุกวัน  ในเรื่องราวที่นำเสนอมีเรื่องของเครือข่ายและสิ่งที่ได้ทำงานเกี่ยวกับเบาหวานด้วย จึงทำให้ตัดสินใจในคืนสุดท้ายนำภาพของชาวเฮมาทำสไลด์ด้วย

วันแรกที่สรพ.เข้าเยี่ยมสำรวจ มีอะไรที่ดูเหมือนเป็นความเข้าใจไม่ตรงกันระหว่างผู้เข้าเยี่ยมกับพวกเราในบางมุม ซึ่งทำให้ฉันนึกห่วงเรื่องราวของ ๒ เวทีที่จะมีการนำเสนอในวันรุ่งขึ้น  คำแรกที่ผู้เยี่ยมสำรวจเปิดคำถามเมื่อเข้าเยี่ยมหน่วยงานของฉันบอกให้รู้ว่าเขาเข้าใจว่าทีมงานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพคือทีมงานสุขศึกษาของร.พ.  ทำให้ฉันตัดสินใจทันทีว่าใน ๒ เวทีที่เป็นห่วง จำเป็นที่ฉันจะต้องพาตัวเข้าไปร่วมซะแล้วซิ  วันนี้ได้กลับถึงบ้านก็เป็นเวลาวิกาลร่วมสองทุ่มแล้ว กลับถึงบ้านก็ง่วงขนาดหนัก อาบน้ำแล้วเข้านอน หลับแต่หัวค่ำยันเช้ารวดเดียว

ช่วงสายของวันที่สองของการเข้ามาร่วมเรียนรู้ของสรพ. เป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดกับการพาตัวเข้าไปร่วมใน ๒ เวทีที่ฉันเล็งไว้  ก็ ๓ คำถามแรกที่สรพ.เปิดการสนทนา แน่ใจได้เลยว่าคนทำงานที่นั่งอยู่ไม่มีใครตอบได้สักคน เรื่องราวเป็นคำถามการบริหารงานทางคลินิกที่เกิดจากการกลั่นกรองปัญหาของผู้ป่วยมาเป็นกลยุทธการทำงาน อืม คำถามแบบนี้เมื่อเกิดขึ้นแม้แต่หมอบางคนก็ยังตอบไม่ได้เลย

คำถามถูกส่งมาให้ฉันเป็นคนตอบทั้ง ๓ คำถาม ใช่ว่าฉันจะเก่งหรอกนะที่เป็นคนตอบ เพียงแต่มันตรงประเด็นกับเรื่องราวที่ฉันใช้เป็นหลักในการคิดงานประจำและลงมือทำๆไปอยู่ทุกวันนั่นแล้ว  ก็ตอบไปตามความเป็นจริงว่ามีการขบคิดปัญหาและวางแผนเพื่อแก้ปัญหา มีหลายเรื่องที่คิดจะทำแต่ไม่ได้ลงมือทำเพราะทำไม่ทัน มีเรื่องราวอีกมากมายที่รู้ว่าต้องทำมากมายเลยเชียว แลกเปลี่ยนไปหลายมุมมองจนถึงเวลาต้องผละไปอีกเวที จึงส่งสัญญาณบอกคนในห้องให้ว่ากันต่อก็แล้วกัน ช่วยกันได้แค่นี้แหละ แต่แค่นี้ฉันก็ว่าได้ช่วยให้ความรู้สึกของทีมงานในห้องอุ่นใจขึ้นมากโขแล้ว

งานเยี่ยมสำรวจของวันที่สองเสร็จสิ้นลงก่อนเวลาที่คาดไว้ ส่งสรพ.บินกลับแล้ว บรรดาสมาชิกบอร์ดจับกลุ่มคุยกันก่อนกลับบ้าน ได้ยินแว่วๆจากน้องหมอที่ดูแลศูนย์คุณภาพว่า “คราวนี้ได้พี่์ช่วยทำคะแนนให้เยอะเลย”  ฟังออกว่าเป็นเสียงที่บอกความดีใจกับผลสำเร็จขององค์กรที่เกิดขึ้นมา แต่ก็ทำให้ฉันเอ๋อนะที่บอกว่า คราวนี้นางเอกเป็นฉันอ่ะนะ ฉันว่าทุกคนในองค์กรเป็นพระเอกนางเอกกันทุกคนเลยนะ

ก่อนที่สรพ.จะบอกกล่าวผลเยี่ยมสำรวจให้รู้ หัวหน้าทีมของสรพ.เปิดโอกาสให้คนทำงานที่รอฟังผลกล่าวอะไรออกมาก่อนให้เจ้านายกล่าวตบท้าย มีหลายคนกล่าวคำพูดออกมาจากใจให้ได้รับรู้ร่วมกัน หลังจากนั้นก็เป็นทีของเจ้านาย

ครั้งนี้เจ้านายทำให้ฉันผิดหวังแฮะ คำกล่าวมีแต่คำขอบคุณสรพ.เท่านั้นที่หลุดจากปาก ไม่มีคำกล่าวขอบคุณคนทำงานออกจากปากให้ได้ยินสักคำ ไม่น่าเลยเจ้านาย

อ้อ ก่อนที่สรพ.จะนำผลมาบอกให้กับคนทำงานที่รออยู่ ผลงานบางอย่างที่ไม่เข้าตาหรือมีจุดอ่อนก็ได้กระซิบบอกกันไว้ในที่ประชุมร่วมกับบอร์ด แถมด้วยเรื่องราวขอตัวดาราจากเจ้านายตรงๆ ๒ คน คนหนึ่งคือน้องหมอที่เป็นคนดูแลศูนย์คุณภาพ ส่วนอีกคนเป็นใครนั้นให้เดาเอาเองก็แล้วกัน บอกกันได้ก็แต่ว่ายังไม่ได้รับปากไป ชะลอและบอกไปว่าขอใคร่ครวญ ยังไม่ตัดสินใจว่าควรเดินก้าวเข้าไปสู่บทบาทนี้แต่อย่างไรเท่านั้นเอง

บันทึกนี้เขียนขึ้นเพื่อใช้ทบทวนกระบวนการเยี่ยมสำรวจเพื่อร่วมเรียนรู้ตามแบบฉบับของสรพ.กันลืม

๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓

« « Prev : ตรงใจ

Next : หนามยอกอก??? » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "ร่วมเรียนรู้และก้าวเดินไปด้วยกัน"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.086218118667603 sec
Sidebar: 0.41888785362244 sec