คิวอย่างนี้กันออกไป
อ่าน: 1009เมื่อวานนี้ตอนเช้าได้น้องเป็นครูมอบโจทย์ให้ฝึกใจไปรอบหนึ่งแล้ว และตอนเช้าก็เดาอยู่แล้วว่าวันนี้คงมีการประชุมกลุ่มบริหารอีกแล้ว ก่อนพักเที่ยงเมื่อเลขาฯโทรมาชวนไปกินข้าวกับเจ้านายจึงบอกไปว่าขอตัวไปกินเองแล้วจะพาตัวขึ้นไปให้เห็นหน้าช้าหน่อย เดิมทีตั้งใจว่าจะหายตัวไปทำงานอื่นและโดดประชุม ถึงตอนบ่ายแก่ก็มีเสียงเพรียกหาตัวจากเลขาฯของเจ้านายว่ามีคนให้เชิญตัว
เมื่อเข้าไปห้องประชุมปรากฏว่าหลายคนกำลังช่วยกันทวนสอบและร่างข้อมูลเตรียมนำเสนอสรพ.ในภาพรวม หลายเรื่องที่คนที่ถูกมอบหมายให้นำเสนอไม่รู้ก็มีการบอกกัน หลายเรื่องที่ไม่รู้ที่มาที่ไปแต่มีตัวชี้วัดถูกร่างมาบอกไว้ตรงหน้าก็มีคนช่วยตีความว่าหมายถึงอะไร แรกๆที่เข้าไปนั่งก็ร่วมนำเสนอความเห็นอยู่หรอกนะ เป็นความเห็นในสิ่งที่ได้ใกล้ชิดกับที่มาของตัวเลข บางตัวเลขที่เกิดขึ้นมาก็เป็นตัวชี้วัดเรากำหนดขึ้นเอง แล้วทำความตกลงกับคนทำงานจนเข้าใจกันแล้วว่าครอบคลุมเรื่องใด และตัวชี้วัดก็ถูกใช้ต่อเนื่องมาจนแม้ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องก็ยังคงมีการใช้อยู่ (เป็นตัวบอกว่า ตัวชี้วัดนี้วัดงานได้ดีจริงๆและง่ายกับการวัด คนจึงยังใช้อยู่)
มาถึงช่วงหนึ่งที่มีข้อมูลเป็นเรื่องราวมาจากเวทีเฉพาะซึ่งคนทั้งหมดในที่ประชุมนอกจากฉันไม่รู้ที่มาของข้อมูลเก่า มีข้อมูลใหม่ถูกนำมาเทียบเคียงกันเป็นแบบข้อมูลต่อเนื่องรายปีซึ่งน่าสนใจถึงเบื้องหลังของตัวเลขที่ได้มา ตัวเลขที่ว่านี้คือตัววัดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนที่ใช้กันมาเนิ่นนานกว่า ๕ ปี
ความสนใจว่าพฤติกรรมอะไร หน่วยงานอะไรที่ช่วยทำให้เปลี่ยนไปบ้าง ทำให้มีการตามคนให้ตัวเลขมาถามไถ่ ฟังแล้วกลับกลายเป็นคนละเรื่องเดียวกันด้วยตัวเลขมีที่มาจากหน่วยงานเดียวเท่านั้น ในขณะที่ข้อมูลของปีก่อนๆมีที่มาจากหลายหน่วยงานช่วยกันทำงานไว้อย่างดีทีเดียวหละ ปีนี้ก็ใช่ว่าเขาได้หยุดทำงานกันไปแล้วนะ พอดีมีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามา ฉันและเจ้านายจึงพากันออกจากห้องไปด้วยกัน
กลับเข้าห้องประชุมไปอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่ามีการตััดสินใจเรื่องของตัวเลขไปแล้ว และคนที่ตัดสินใจก็เป็นคนที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับงานนี้เลย ไม่เคยเลยที่จะสนใจว่าหน่วยงานเขาทำอะไรกันอยู่บ้างและ่ทำต่อเนื่องกันมายาวนานแล้วอย่างไรบ้าง พัฒนางานจนมีนวตกรรมดีๆให้แล้วอย่างไรบ้าง
ฟังคำตัดสินใจของพวกเขากันแล้วในใจร้องโอ้จ๊อดนี่คุณไม่เข้าใจเลยหรือว่าในยามหน้าสิ่วหน้าขวานจวนถึงเวลาอย่างนี้ ในหลายๆงานที่เขาทำได้ดีก็มีผลงานกันอยู่แล้วเป็นสิ่งที่พวกเขาภูมิใจตัวเองอยู่อย่างมากมายกับความสำเร็จที่พวกเขาได้ทำลงไป เป็นพลังความงดงามแห่งใจที่เขาหล่อเลี้ยงมันมาเนิ่นนาน แล้วคุณตัดสินใจตัดฉับพลันแบบไม่ดูดีของเขาเลย คุณรู้หรือไม่ว่าคุณได้ทำลายขวัญผู้คนซึ่งเป็นลูกน้องของคุณให้หมดแรงลงไปอีกแล้วนะ ในยามนี้คนในองค์กรกำลังต้องการการเสริมขวัญที่มาจากน้ำใจที่มอบให้กันนะ
ตอนที่รับรู้การตัดสินใจที่เกิดขึ้น ความรู้สึกแรกในใจสะเทือนแทนคนทำงานอย่างยิ่ง โชคดีนะที่ในตอนเช้า้มีครูให้ฝึกโจทย์ใจมาแล้วทำให้โจรที่หลับไหลไปใหม่ไม่ตื่นมาจึงทำให้ไม่มีเรื่องราวที่ไปทำให้ใครอีกคนกลายเป็นโจรขึ้นมา รู้ใจตัวเองรู้ตัวเองว่าพกใจที่พะวงกับความรู้สึกของเจ้าของงานอย่างยิ่งติดตัวกลับบ้านด้วย
นี่ถ้าคำอธิบายตัวเลขที่ชงขึ้นใช้นี้ปรากฏมาให้รู้ทั่วกันว่าให้ใช้ผลงานของหน่วยเดียวนำเสนอ ขวัญที่ประคองผู้คนในหน่วยงานทางคลินิกต่างๆที่ดูแลกันมาตลอดเป็นปีๆคงถูกทำลายสิ้น อืม แบกเรื่องคนอื่นอีกแล้วละอุ๊ยเอ๊ย ไม่รู้ยังไง
เรื่องราวครั้งนี้เก็บเกี่ยวไว้สอนใจได้ดีเรื่องการราญใจคนเมื่อรับบทเป็นหัวนำคนเชียวนะ ระวังตัวเองไว้เชียว อย่าลืมความรักที่มอบให้คนทำงานเด็ดขาดเลยเชียว โดยเฉพาะในช่วงที่คนทำงานรู้สึกว่ากำลังเผชิญกับวิกฤติการณ์อยู่
เช้านี้ตั้งใจทำงานชิ้นหนึ่งให้พี่เลี้ยงอาวุโสงานคุณภาพตามที่รับปากเอาไว้ พอเตรียมมาถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของบ่ายเมื่อวาน ฉันตัดสินใจวางงานลงเดิินไปหาพี่เลี้ยงอาวุโสปรึกษาเรื่องราวเพื่อตัดสินใจร่วมกัน การได้คุยกันยืนยันคำตอบว่าการราญน้ำใจที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้นมีคนรับรู้เรื่องราวแล้วและมันก็ให้ผลทำลายขวัญจริงๆไม่ใช่นิยายอย่างที่คิดค่ะ
ปรึกษากันไปแล้วมองในแง่มุมที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรแล้ว ข้อตัดสินใจร่วมกันคือหักดิบนำเสนองานของหน่่วยงานทั้งหมดที่ทำ ปล่อยให้ผู้บริหารที่ตัดสินใจหน้าแตกเองแล้วกัน
ได้้ข้อตัดสินใจชัดๆจากพี่เลี้ยงคนสำคัญแล้วตัดสินใจร่วมกันแล้ว ในช่วงบ่ายก็ทวงถามหัวหน้างานคนเมื่อวานอีกครั้งเพื่อนำเรื่องราวมาใช้เตรียมนำเสนอร่วมไป พร้อมบอกให้รู้ว่าสิ่งที่ตามถามตามรอยเมื่อวานมีข้อสอบถามจากตัวแทนนำเสนอของร.พ.เพื่อใช้นำเสนอด้วยแล้วฉันก็ตอบไปอย่างที่้ให้ข้อมูลว่า “ไม่ได้ทำอะไร” วันนี้ให้โอกาสใหม่ ทบทวนและบอกมาว่ามีอะไรทำลงไปบ้าง จะได้ไปบอกเขาใหม่
แล้วเรื่องราวก็พรั่งพรูเล่าออกมาจนฟังไม่ทันทีเดียวเชียว มีอะไรอยู่มากมายที่ได้ทำ มากซะจนจำไม่ไหวต้องให้้เขียนลงในกระดาษให้ สั่งงานว่าเขียนครบประเด็นแล้ว ให้นำไปส่งผู้นำเสนอหลักด้วย เออ เมื่อวาน สงสัยโจรอาละวาดซะน้องเขางงแล้วทำให้ไม่เปิดใจมั๊ง
ต่อมาไม่นานหัวหน้างานอีกคนก็ขึ้นมาปรึกษา ได้โอกาสบอกกับเธอว่าเรื่องเมื่อวานมันราญน้ำใจคนทำงานมากนะรู้หรือเปล่า แลกเปลี่ยนความเห็นกันแล้วได้รับรู้ว่า เธอก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการตัดสินใจ แต่การเป็นแค่หัวหน้างานตัวเล็กๆคนหนึ่งทำให้คัดง้างอะไรไม่ได้ฉันจึงขอให้เธอช่วยจัดการซะใหม่ ให้ไปให้ข้อมูลใหม่ทำความเข้าใจคนนำเสนอซะใหม่ในฐานะที่มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลมาให้คนหนึ่ง แล้วก็ผ่องถ่ายเรื่องราวการทำงานจากหลายๆหน่วยงานให้เธอฟัง ฟังไปได้ ๒-๓ เรื่อง เธอก็บอกออกจากปากมาได้เองว่ามีงานอะไรอีกบ้างอยู่ในหน่วยงานไหนบ้าง ใครทำบ้าง โป๊ะเช๊ะมั๊ยละ นี่แหละของจริง ทำจริงก็ย่อมมีคนรับรู้และสัมผัส
เมื่อสัมผัสว่าเธอเข้าใจแล้ว จึงแนะนำเธอว่าส่วนของตัวเลขไม่มีปัญหาในการได้มาด้วยคนเกี่ยวข้องเขารวบรวมไว้ให้แล้ว ได้แล้วนำมาตรวจสอบใหม่ในที่สุดตัวเลขจะออกมาตรงความจริงที่ทำงานกันอยู่จริงๆ ไม่น่าพะวงหรอก ก็เป็นอะไรที่ทำให้เธอโล่งใจขึ้นมาอีกมากมาย
จบการปรึกษางานกัน ก็ได้บอกกับหัวหน้างานทั้งคู่ไปว่า้เดินกันมาถึงงานวันนี้ถือว่างานเตรียมการเสร็จลงแล้วนะ ให้พักกันได้แล้วออมแรงไว้เจอวันจริงได้เลย น้องคนหนึ่งบอกความรู้สึกออกมาว่าการเตรียมรับสรพ.ในครั้งนี้ รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในหัว ตัวเองงงจริงๆ
ฉันให้คำตอบเขาไปว่า ไม่ต้องงงหรอกถึงเวลาถูกถาม คำตอบก็จะพรั่งพรูออกมาเอง ทุกๆวันทำงานกันอยู่ เพียงแค่ส่งคนที่ลงมือทำงานเองจริงๆมาให้ครบเรื่องราวที่สำคัญเพื่อให้เขามีโอกาสบอกเรื่องราวด้วยตัวเองก็แล้วกัน ทวนเรื่องตัวคนกันแล้วก็บอกไปว่าทีมพี่เลี้ยงขอนัดพบกันอีกครั้งบ่ายวันที่ ๕ รับนัดจากน้องเรื่องการไปเยี่ยมคนไข้ในพื้นที่สถานีอนามัยแล้วขอตัวผละมาเดินราวน์กับกลุ่มบริหารจนถึงเวลากลับบ้าน
« « Prev : บ่น????
Next : เจอตอ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "คิวอย่างนี้กันออกไป"