บ่น????
อ่าน: 1018วันนี้ก็เป็นอีกวันที่นั่งทบทวนเรื่องราวเพื่อเตรียมการเกี่ยวกับการเข้าเยี่ยมสำรวจของสรพ. มีหนังสือแจ้งเวียนเข้ามาให้ทบทวนและส่งเรื่องราวของการพัฒนาคุณภาพเป็นเอกสารเพิ่มเติมให้กับสรพ. โดยให้ผู้คนที่รับผิดชอบงานประจำนั้นตัดสินใจเองว่าจะเขียนเรื่องราวใดส่งเพิ่มไปให้
จะด้วยความไว้วางใจหรือเห็นชอบมอบต่อเพื่อจะได้ไม่ต้องตัดสินใจของกลุ่มพี่เลี้ยงงานพัฒนาคุณภาพอย่างไหนก็ไม่รู้ชัดที่ทำในหนังสือแจ้งนั้น ไม่ได้ชี้ทิศอะไรให้เลย ส่งมาให้ทั้งชุดเต็มๆแล้วให้แปลเอาเองงั้นแหละ
ภาพการเตรียมการที่เห็นพี่เลี้ยง ๒-๓ คนที่เป็นหลักของงานคุณภาพกำลังหัวหมุนทำงานไม่ทันกันอยู่ทำให้เข้าใจว่าเหตุผลของอย่างหลังน่าจะเป็นหลักของการตัดสินใจส่งเรื่องมาให้เขียนเอง(มั๊ง) รับเรื่องแล้วก็สำเนาหนังสือแจกจ่ายลูกน้องที่เป็นหัวหน้างานจนครบทุกคน ชวนหัวหน้างานคนหนึ่งมาคุยเรื่องการเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องของฝ่าย ให้ลูกจ้างในฝ่ายโทรแจ้งหัวหน้างานอีกคนที่กำลังอยู่ในกรุงเทพฯรับทราบเรื่องราวที่ถูกตามเรื่องเผื่อว่าเมื่อเดินทางกลับมาจะได้ไม่มีอะไรเร่งร้อนและเร่งรัดให้เครียดไปกับเวลาที่เริ่มหดสั้นลง แล้วก็พาตัวไปหาหัวหน้างานอีกคนหนึ่งซึ่งรับหมวกพี่เลี้ยงผู้ประสานงาน จึงได้รับรู้ว่ามีผู้คนหลายคนในฝ่ายติดค้างไม่ส่งงานคุณภาพที่ทำอยู่ไปใ้ห้
คุยกับเขาอยู่เป็นครู่กับงานที่ให้เขาเขียนส่ง ทำความเข้าใจเรื่องการตามรอยคุณภาพและวิธีเขียนเอกสารเล่าเรื่องร่องรอยคุณภาพให้สั้นๆแบบกระชับเรื่องแล้วคนอ่านเกิดความเข้าใจโดยไม่ต้องใช้คำพูดอธิบายความอีก คุยไปจึงเอะใจว่าที่มีการค้างงานไม่ส่งนั้นน่าจะมีเหตุบางประการที่เหมือนกับคนตรงหน้าอยู่
กลับมาที่ห้องทำงานจึงชวนหัวหน้างานอีกคนคุยเพื่อยืนยันสิ่งที่เอะใจ เฉลียวว่าเอกสารที่ช้าน่าจะเป็นความงงกับเรื่องราวของการตามรอยคุณภาพ รวมทั้งไม่เข้าใจบทบาทว่างานของตัวนั้นสำคัญเกี่ยวข้องกับความสำเร็จและความไม่สำเร็จที่เกิดขึ้นมาของคุณภาพงานที่เกี่ยวข้องในส่วนอื่นๆด้วย
ผลการคุยได้รับคำตอบว่า “หนูไม่ได้ทำอะไรในเรื่องงานคุณภาพ หนูทำอะไรเหมือนปกติทุกๆวัน” ้ความรู้สึกเหมือนระเบิดลงใส่หัวเลยเชียว เฮ้ย เป็นไปได้ยังไง อะไรๆที่สำเร็จลงนั้นเป็นด้วยหน่วยงานอื่นเขาทำเองอย่างนั้นหรือ จะให้เชื่ออย่างนั้นหรือน้อง ว่าที่หายไปทำงานร่วมกับคนอื่นบ่อยๆนั้น น้องไม่ได้ลงมือทำอะไรซะเลย ไม่น่าเชื่อเลยว่าที่ลงมือทำงานอยู่ทุกวันจะไม่รู้ว่าไปส่งผลอะไรให้เกิดขึ้นบ้าง
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อแล้วว่าหัวหน้างานคนนี้ไม่เข้าใจบริบทของงานที่ตัวเองทำจริงๆ จึงชวนคุยและชี้ชวนให้ทบทวนตัวเองไปทีละก้าวๆ กับเรื่องราวที่ก้าวเดินมาตลอดเส้นทางที่ลงมือทำงานเพื่อให้เขาได้ใคร่ครวญจุดเชื่อมต่อที่ตัวเองลงมือเปลี่ยนว่าทำให้เกิดผลที่ต่างไปจากเดิมอะไรบ้าง จึงเดินมาถึงจุดเปลี่ยนของผลดีๆในวันนี้
คำตอบยังตอบกลับมาเหมือนเดิม “หนูไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ ทำเหมือนเดิมอยู่ทุกวัน”
วูบหนึ่งในการระหว่างการสนทนารู้สึกตัวว่า “ผิดความคาดหวัง” แล้วนั่นก็ทำให้ตัวตนความเป็นโจรของฉันบิดขี้เกียจงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สายวันนี้จึงมีคำพูดปล่อย “บ่น” ออกมาจากปากให้ลูกน้องได้ยินอีกครั้ง “เอ้าถ้าอย่างนั้น เรื่องที่หลายคนเขากล่าวชื่นชมกันมาต่อเนื่องมานานก็ไม่ใช่เรื่องจริงซิ อย่างนี้หมอจะไปบอกเขาตามที่บอกมาก็แล้วกันว่าพวกเธอไม่ได้ทำอะไร ไอ้เรื่องที่ดีๆที่เป็นผลเกิดขึ้นที่เขาเชื่อกันอยู่นั้นเป็นโชคช่วยที่ทำให้เกิดขึ้นมา”
บ่นแล้วฉันผละมาทำงานต่อ รู้ตัวว่าไม่สามารถนั่งคุยต่อได้อีกแล้ว ผละมาแล้วกว่าจะสะกดตัวเองให้ใจนิ่งเพื่อให้เกิดสมาธิกับการทำงานชิ้นตรงหน้าใช้เวลาพอสมควรเหมือนกันเชียว
ช่วงแรกตั้งใจสะกดตัวเองให้หยุดแค่รับรู้ว่าตกร่องอารมณ์แล้วเพื่อฉุดตัวขึ้นมา พอตั้งใจจะฉุดตัวขึ้นมามันเหมือนว่ายิ่งพยายามยิ่งตกร่องลงไปลึก ไม่สามารถปล่อยวางลงได้ สมาธิไม่อยู่กับงานตรงหน้าแต่ไปจับกับความพยายามแล้วยื้อกัน ช่วงที่รับรู้ว่ากำลังพยายาม รู้สึกเลยว่าเหนื่อยและต้องการพลังเพื่อปล่อยวางเรื่องมากมายเลยเชียว จนกระทั่งอารมณ์หนึ่งผ่านวูบเข้ามา ใช้แรงอยู่ไม่สบายเลยนะกับการพยายามไม่สำเร็จก็เริ่มจะพยายามใหม่แล้วก็เอ๊ะขึ้นมาเสียก่อน มีคำถามแทรกขึ้นมาว่าที่เคยใช้แรงพยายามอย่างนี้เคยปล่อยวางได้สำเร็จจริงหรือ
มีคำตอบให้อ้อว่าไม่สำเร็จเลย ยิ่งพยายามกลับยิ่งจำได้ ยิ่งใช้แรงเอาชนะให้สำเร็จ ยิ่งทำให้ยึดมั่นและจำเรื่องได้นานเชียว ยิ่งจดจำยิ่งไม่สามารถฉุดตัวขึ้นจากร่องอารมณ์นานขึ้น
พออ้อสติก็เตือนทันทีให้รู้ว่าที่ทำอยู่ไม่ถูกจริตของตัว ไม่พยายามกลับปล่อยวางได้ง่ายกว่า แม้แต่ใช้ความพยายามเฉยๆก็ยังไม่ถูกจริตเช่นกัน ปล่อยวางไม่ได้อย่างที่คิดเลยมีจดจำแบบยึดมั่นถือมั่นเช่นกันซะด้วยซิ
สู้ีที่ใช้ปีหลังๆมาไม่ได้ ปล่อยวางได้ง่ายๆไปซะทุกเรื่องราวอย่างนี้แหละ ฟังเรื่องราวทำนองนี้แล้วโจรไม่ถูกปลุกตื่น วิธีที่ถูกจริตทำไปอย่างนี้ค่ะ เริ่มใคร่ครวญทำความเข้าใจตัวเองว่าโจรที่ตื่นขึ้นมานั้นมีอะไรไปปลุกขึ้นหรือแล้วก็พบว่า “ความผิดหวังต่อคนอื่นในเรื่องการเรียนรู้” คือต้นเหตุที่ไปปลุกโจร ผิดหวังกับความสนใจเรียนของเขาโจรเหมือนโดนเตะให้งัวเงียตื่น ตื่นแล้วไปบังคับให้หลับโดยยังไม่รู้ว่าใครปลุกมาทำไมก็หลับใหม่ไม่ลงซิ
พอคำตอบข้างบนผุดโผล่มาให้รู้แล้วโจรรับว่าอ๋อ รู้เลยว่าหลุดจากร่องอารมณ์ได้แล้ว โจรยอมหลับผลอยไปอีกเมื่อไรไม่รู้ตัว รู้ไม่ทันจริงๆเชียว บทโจรมันจะหลับมันก็หลับดื้อๆ ปล่อยวางได้ง่ายๆแบบปล่อยของจากมือดื้อๆอย่างนั้นเอง กลไกของโลกภายในนี่แปลกดี
พอใคร่ครวญแล้วก็เกิดคำถามตามมาอีกข้อให้เอ๊ะ ทุกวันทำไมโจรไม่ตื่นแล้วทำไมวันนี้มันตื่นขึ้นมาง่ายๆอย่างนี้กันเล่า แล้วก็อ๋อเมื่อใคร่ครวญแล้วฉุกใจว่าค่อนเดือนมั๊งที่นอนดึกต่อๆกันมาเนิ่นนานแล้ว ความล้าของฐานกายที่เกิดขึ้นมั๊งที่ทำให้โจรตื่นขึ้นมาง่ายๆ
อือ ฐานกายไม่แข็งแรง ฐานใจก็แพ้โจรอย่างนี้เองเนอะ เข้าใจแล้วๆ ความสมดุลขององค์รวมมันไม่พอดีนี่เอง
ก่อนไปนอนวันนี้ก็ขอเขียนบันทึกเพื่อคารวะครูซะก่อน ขอบคุณที่น้องส่งบทเรียนให้ได้ฝึกบทบาทครู ขอบคุณตัวเองที่ค้นพบปัญหาของตัวว่ายังเป็นครูที่แย่ ขอบคุณสติที่มาเป็นครูให้ได้พบจุดที่แย่ของตัว ขอบคุณการตกร่องอารมณ์ของวันนี้ที่ทำให้ได้เข้าใจชีวิตและโลกภายในมากขึ้นอีกบทหนึ่ง ขอบคุณร่างกายที่อ่อนแอจนได้ฝึกบทเรียนของโลกภายในอีกครั้ง ขอบคุณกับโอกาสของในช่วงเช้าของวันนี้ที่ทำให้ได้ลงมือเรียนอีกแล้ว
๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
« « Prev : ทบทวนก่อนเดินต่อการปรับปรุง
Next : คิวอย่างนี้กันออกไป » »
ความคิดเห็นสำหรับ "บ่น????"