ไม่น่าหายไป…แต่ก็หายไป
ปีนี้ ไม่รู้เป็นอะไรเดือนแห่งวันแม่ปีนี้ มีเรื่องที่ทำให้ฉันต้องเข้าเมืองกรุงแทบทุกสัปดาห์เลยค่ะ
สัปดาห์แรกของเดือนที่ไปมาแล้วได้พบเพื่อนรักหลายคนค่ะ เป็นเพื่อนที่ฝ่าฟันมรสุมการเรียนมาด้วยกันในเพลาที่เรียนเป็นหมอนี่แหละค่ะ
เพื่อนคนหนึ่งนำพาจึงได้แบ่งเวลาให้กับฉัน นำฉันไปเยี่ยมเยือนเรือนพักกายใจของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ค่ะ ใครไม่เคยไปลองไปดูนะคะ บรรยากาศสงบร่มรื่น และเงียบสงบ แถมมีดนตรีไทยบรรเลงแผ่วๆให้ชื่นใจอีกด้วย
เราไปกัน 3 คน เพื่อนเขาพาภรรยาเขาไปด้วย วันนั้นเราพากันไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันก่อน แวะกินข้าวร้านที่มีข้าวแช่ขายด้วยที่ถนนสามเสน เป็นร้านเล็กๆที่ปรับแต่งจนดูน่านั่ง
ในร้านมีโต๊ะอาหารอยู่เพียง 4 โต๊ะเท่านั้น นับว่าเป็นร้านที่สมถะดี มีที่จอดรถหน้าร้านด้วยนะ เขาถดถอยบริเวณหน้าบ้านเข้ามาให้มีระยะห่างจากขอบฟุตบาทด้านในเป็นช่วงกว้างประมาณเท่าความยาวตัวรถ ตอนเอารถขึ้นไปจอดจึงต้องกลับรถบนฟุตบาทค่ะเพื่อนเลยเป็นขาโจ๋ขับรถแบบวัยรุ่นซะเลย
วันนั้นเป็นวันแรกที่ฉันรู้จักข้าวแช่ค่ะ กินอร่อยดี นั่งกันในร้านแล้วก็ขำๆกัน ก็ทุกโต๊ะที่มีคนแวะเวียนเปลี่ยนกันเข้ามานั่ง 2 คนบ้าง 3 คนบ้างนั่นนะ ล้วนแต่คนผมสีดอกเลาซะทั้งนั้น คนผมดำอย่างโต๊ะเราก็มีอยู่บ้างหรอก แค่คนเดียวเองแหละ
กินแล้วจึงไปต่อ แถมขับรถหลงกรุงเทพฯซะอีก คนเกิดในกรุงเทพฯ โตที่กรุงเทพฯนี่เอง ไม่น่าเลย หลงกันไปแล้วก็เลยตามเลย เพื่อนเขาใจเย็นหัวเราะร่วน บอกว่า ถือซะว่าสำรวจถนนในกรุงเทพฯ
ทวนความกันไปแล้ว ก็ได้คิดกันว่า ไอ้ที่หลงทางนั่นนะ เพราะเดินทางไปต่างประเทศซะจนนั่งเครื่องบินเหมือนนั่งแท็กซี่เลยนี่ ไปซะจนจำถนนเมืองนอกได้ดีกว่าเมืองไทยแล้ว
นี่เป็นตัวอย่างว่า อะไรๆที่เคยรู้จักและเรียนรู้แม้จะเคยชำนาญ แต่ความชำนาญนั้นก็สูญหายไปได้ หากว่าผู้ชำนาญนั้นไม่ใช้มันทำงานเลย หายไปอย่างไม่รู้ตัวได้ซะด้วยนะคะนี่ เพื่อนคนนี้เลยกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่แค่เรื่องเดียวจริงๆ ถ้าถามเรื่องที่เขาเชี่ยวชาญเขาตอบปร๋อจนฟังเพลินเลยค่ะ
ไปถึงบ้านท่านคึกฤทธิ์กันแล้ว ก็ใช้เวลาบ่ายนั้น ปล่อยวางและคลายความเครียดความล้ากันอยู่ซะครึ่งวัน ก่อนมานั่งคุยกันต่อที่โรงแรมที่พัก
บ้านหลังนี้อยู่ที่ซอยสวนพลูค่ะ เป็นบ้านหมู่เรือนไทยที่ท่านเคยพำนักอยู่เมื่อยามมีชีวิต เป็นบ้านหมู่ที่กะทัดรัดดีค่ะ มูลนิธิหนึ่งดูแลอยู่ค่ะ เขาเปิดให้เข้าชมเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์เท่านั้น
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯที่ถ้ามีโอกาสน่าจะไปเที่ยวกันนะคะ ไปเพื่อเรียนรู้การอยู่ของคนไทยคนหนึ่งในอดีตที่เป็นผู้เริ่มต้นให้มีระบบประกันสุขภาพเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ในรูปแบบของโครงการเงินผัน ไปเพื่อรู้จักคนๆหนึ่งที่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ทั้งๆที่มีสส.ในสังกัดไม่ถึง 10 คนค่ะ
« « Prev : คิดถึงแม่จ๊ะ…ขอแหย่เล่นหน่อยนะแม่นะ
Next : รักที่ฝากไว้ให้คนรุ่นหลัง » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ไม่น่าหายไป…แต่ก็หายไป"