เพื่อใคร

โดย สาวตา เมื่อ 10 ตุลาคม 2009 เวลา 0:03 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1252

ปล่อยเวลาให้พวกที่เข้ามาร่วมกิจกรรมได้ผ่อนพักอยู่เป็นครู่ ภายใต้เวลาที่ไม่รู้สึกว่าเร่งรีบเลยนั้น ผันผ่านไปเป็นเวลา 15 นาที รับรู้ว่าทุกคนที่พากันนอนอยู่ได้ผ่อนพักสงบร่างกายผ่อนคลายกันแล้วก็ตัดสินใจเปิดไฟ แล้วชวนให้นั่งล้อมวง แล้วแจกหัวใจกระดาษสีต่างๆ ขอให้เขาแบ่งหัวใจออกเป็นสี่ส่วนโดยไม่ฉีกกระดาษขาดออกจากกัน

ช่องบนซ้ายให้เขียนชื่อ-สกุลและหน่วยงาน ช่องล่างซ้ายให้เล่าประสบการณ์หลังจากเคยผ่านกิจกรรมสุนทรียสนทนามาแล้วจนถึงวันนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นอย่างไรสั้นๆ  ช่องบนขวาให้เขียนว่า วันนี้มาด้วยเหตุผลอะไร ช่องล่างขวาให้เว้นเอาไว้ก่อน  เขียนเสร็จแล้วให้ส่งหัวใจมาให้กับฉัน ฉันจะรวบรวมวางไว้ให้โดยไม่อ่านหรอก หรือใครจะรวบรวมเอาไปกองไว้ตรงโต๊ะใกล้ๆก็ได้  แล้วก็มีคนที่ส่งเสียงว่า ไม่เคยผ่านกิจกรรมสุนทรียสนทนามาก่อน จึงบอกไปว่า ให้เขียนความรู้สึกของตัวเองนับแต่เริ่มเดินเข้ามาในห้องละกัน

หลังจากนั้น ฉันกล่าวบอกพวกเขาไปว่า วันนี้ที่มีกิจกรรมเกิดขึ้นเพราะมีเพื่อนเขาจำนวน 9 คนเป็นตัวแทนมาให้ความเห็นว่าอยากให้มีเวทีแห่งนี้ต่อเนื่อง ฉันจึงเอื้อให้เวทีได้มีขึ้นสำหรับพวกเขา  โดยจะใช้ “สุนทรียสนทนา” เป็นเครื่องมือ และเมื่อเอ่ยถึงคำนี้ขึ้นมาให้ได้ยินได้ฟัง บางความหมายมีคนแปลความผิดเพี้ยนไป จะเฉลยให้ได้ทราว่ามีความหมายว่าอะไร ก่อนเฉลยขอชวนพวกเขาให้ร่วมกันบอกเล่าตามความเข้าใจของตน ว่าเมื่อได้ผ่านกิจกรรมกันมาแล้วนั้น ลองให้ความหมายของ “สุนทรียสนทนา” กันหน่อย เป็นความหมายที่ใช้ความรู้สึกอธิบาย ไม่ต้องการความคิดมาอธิบายแต่อย่างใดเลย

ความหมายของคำๆนี้นั้น หลายคนให้แตกต่างกันจากความเข้าใจที่เกิดขึ้นจากการได้สัมผัสแล้วของแต่ละคน จึงไม่มีผิด และไม่มีถูก มีแต่ความเข้าใจที่มีต่อมัน  ขอให้แต่ละคนบอกความเห็นออกมาได้โดยไม่ต้องกลัวผิด ไม่ถูกกับความหมายที่คนอื่นเขาว่าของเขา

คำบอกเล่าที่พวกเขากล่าวถึงสุนทรียสนทนานั้นมีตั้งแต่ แลกเปลี่ยนความรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรียนรู้ตัวเอง สร้างความสุขให้ตัวเอง มองโลกมุมบวก ส่วนคนที่ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรม เดาว่า เป็นอะไรที่โรแมนติก

จำคำพูดที่บอกกล่าวออกมาไม่ได้ทั้งหมดหรอก รู้แต่ว่าพวกเขาพูดออกมาจากความรู้สึกของตัวเองที่ได้สัมผัส  มีบางคนงงๆว่าจะพูดอย่างไรแต่ก็พูดออกมาอย่างที่อยากจะพูด ไม่ใช้ความคิดดีจริงๆ

ให้พวกเขาพูดวนจนครบทั้งหมด สังเกตว่าวันนี้ไม่มีใครปฏิเสธที่จะพูดอะไรออกมาเลยในรอบนี้  แลกเปลี่ยนว่าความหมายที่ได้ยินเป็นความหมายเชิงบวกทั้งสิ้น  ยินดียิ่งที่เสียงสะท้อนจากพวกเขาบอกว่าเขารู้สึกดีกับมัน  แล้วยินดีที่คนบางคนเข้าถึงคุณค่าของมันและบอกว่ากิจกรรมนี้ทำให้ได้เรียนรู้ตนเอง และสร้างความสุขให้ตนเองได้

ชี้ชวนเขาให้ทวนความรู้สึกของตัวเองว่า เมื่อความสุขคืออาหารทิพย์ที่ต้องการแล้วละก็ คนทุกคนคือคนที่รู้ว่าอาหารทิพย์ในความหมายของตัวเองคืออะไร  ขอชวนให้ลงมือฝึกตนเพื่อรู้จักตัวเองกันนะเมื่อมาแล้ว

ตัวฉันนั้น ใช้มันเป็นเครื่องมือสำหรับปรุงอาหารทิพย์ให้กับตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งฉันรู้ว่าจะปรุงอย่างไรจึงอร่อยสำหรับตัวเองจึงอร่อย  มีเครื่องปรุงอะไรที่ฉันต้องใช้จึงจะปรุงอาหารเมนูนี้ให้อร่อยบ้าง

ชวนเขาว่า อาหารทิพย์จะค้นหาพบได้ก็ต่อเมื่อเขาเข้ามาสู่กระบวนการ “สุนทรียสนทนา” แล้วใช้ฝึกตน  ฉันไม่ใช่คนที่จะปรุงอาหารทิพย์นี้ให้กับเขา ฉันไม่รู้ว่าอาหารทิพย์ที่ใจเขาต้องการคืออะไรและต้องใช้เครื่องปรุงอย่างไรให้อร่อย

การเข้ามาในกิจกรรมที่จะลงมือทำด้วยกัน จึงเป็นเรื่องมาช่วยให้ได้รับอาหารทิพย์เติมเต็มให้ตัวเองมากกว่า มาค้นหาว่าเครื่องปรุงที่จะปรุงอาหารทิพย์ให้อร่อยสำหรับตนเองคืออะไร ซึ่งจะเจอก็ต่อเมื่อทุกคนลงมือฝึกตนไปด้วยกัน ใครเจอแล้วก็ขอแสดงความยินดีด้วย

สังเกตว่าเมื่อชวนให้มองตนเองด้วยโจทย์นี้ รู้สึกเลยว่ามีคนบางคนอึ้ง บางคนตาเรื่อๆให้เห็น

ปล่อยให้เขา้อยู่กับตัวเองสักครู่ จึงบอกให้รู้ว่าการให้ผ่อนพักมีความปรารถนาอะไรซ่อนอยู่  บอกเขาว่าต้องการให้้พวกเขาได้รับฮอร์โมนความสุขเติมเต็มให้ชีวิตจากการนอน ซึ่งจะได้เมื่อเขานอนพักหลังอาหารกลางวันในเวลาที่เหมาะสม ครั้งต่อไปเวลามาร่วมกิจกรรม หากให้นอนจะได้ตัดสินใจว่าจะเก็บเกี่ยวให้ตัวเองหรือไม่ ให้ตัดสินใจเอง

บอกไปแล้ว ชวนให้ทำกิจกรรมต่อ คราวนี้ให้จับคู่คุยสองคน ให้ย้อนหวนรำลึกว่าตั้งแต่เช้าวันนี้จนถึงเวลานี้ แต่ละคนได้ลงมือทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง เรื่องอะไรที่ลงมือทำด้วยตัวเองแล้วเกิดความสุขให้เล่าให้เพื่อนฟัง เห็นทุกคนเล่าสู่กันฟังอย่างมีความสุข เสียงจ๊อกแจ๊กดังลั่นห้องอื้ออึงไปหมด  ความตั้งใจที่แวบขึ้นมาดูเหมือนจะบอกว่า ปล่อยเขาไป ไม่เคร่งครัดกับกฎกติกาการพูดทีละคนเดี๋ยวก็มีทางออกให้เขาได้รับรู้คุณภาพการฟังของเขาได้

ปล่อยให้คุยสลับจนครบคู่แล้ว ได้คำถามที่แวบขึ้นมาว่าให้ชวนเขาย้อนดูตัวเองว่า ” ทันหรือเปล่าว่าความรู้สึกของตัวเองในขณะฟังเพื่อนอยู่นั้นเป็นอย่างไร”  ถามไปแล้วให้เน้นไปด้วยว่าคำถามนี้ “ไม่ได้ถาม” ว่า “ความรู้สึกต่อเรื่องที่ฟังเป็นอย่างไร”

ปรากฎว่า ถามไปแล้วก็เกิดความเงียบขึ้นในห้องเป็นครู่ สัมผัสบอกว่ามีหลายคนเริ่มรับรู้และสะกิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเองนะ

ชวนเขาให้จับกลุ่ม 4 คน แล้วชวนเล่นเกมส์เกี่ยวกับสัตว์สี่ชนิด (ลิง ไก่ กา เป็ด) ให้โจทย์ว่า ยอมให้สัตว์แค่ 2 ชนิดเท่านั้นที่ใช้ปากพูดได้ คือ ลิง และ กา  สัตว์ชนิดเดียวเท่านั้นที่ใช้มือได้ คือ ไก่  สัตว์ 3 ชนิดเท่านั้นที่ใช้เท้าได้ คือ กา ลิง และ เป็ด ให้ทั้ง 4 ช่วยกันทำงานชิ้นหนึ่งตามตัวอย่างที่มีลิงและเป็ดเท่านั้นเห็นได้ให้สำเร็จ ลิงนั้นให้อยู่ในพื้นที่ที่จำกัดเขตไว้ให้ คุยกันได้กับกาเท่านั้น เป็ดเดินไปตรงส่วนไหนของห้องได้ทั้งนั้น  กาเดินได้เฉพาะนอกพื้นที่ที่ลิงอยู่ ก้าวเข้าไปในเขตของลิงไม่ได้  ไก่ให้รอกาคาบข่าวมาบอกอยู่ที่เล้า

ระหว่างกิจกรรมมีบางคนที่เป็นลิงทำนอกกติกา บางคนยืนเฉยๆหลังจากทำหน้าที่บอกกาไปแล้ว  คนเป็นเป็ดเผลอพูดคุยกับลิงกมีเยอะคนให้เห็น  เห็นคนแรกที่ทำงานนอกกติกาก็เตือนเขาไป นึกขึ้นได้ อ้าว ลืมแขวนคำตัดสิน แล้วดูเงียบๆ ไปซะแล้ว รู้ตัวแล้ว ก็ปล่อยให้พวกเขาเรียนรู้ตัวเองกันจนหมดเวลาของกิจกรรม

กิจกรรมจบ ก็ชวนให้เขาสะท้อนถอดบทเรียนความรู้สึกตัวเองว่า รู้สึกอย่างไรในขณะที่ให้เป็นสััตว์แต่ละตัว

คนเป็นลิง ส่วนใหญ่จะตอบว่า กังวล อึดอัด ตื่นเต้นกลัวบอกผิด

คนเป็นเป็ด ทุกๆคนบอกว่า อึดอัดมากๆๆๆ

คนเป็นไก่ บอกว่ากังวลก็มี สบายๆก็มี มีคนที่บอกว่าตื่นเต้นอยากรู้แค่คนเดียว

คนเป็นกา ทุกคนบอกว่า กังวล กลัวผิด

จบกิจกรรมแล้วก็ให้พวกเขาอ่านคุณสมบัติของธาตุ 4 ธาตุ (แปลงมาจากผู้นำสี่ทิศ ดิน น้ำ ลม ไฟ) ซึ่งพิมพ์ไว้ แจกกระดาษให้แต่ละคนวิเคราะห์ว่า ตัวเองมีธาตุทั้ง 4 อยู่ในสัดส่วนเท่าไร  แล้วให้เขาย้อนกลับไปดูตัวเองว่า ตอนเป็นสัตว์ 4 ชนิด ลิง ไก่ กา เป็ด ธาตุอะไรทำให้เขาเกิดความรู้สึกอย่างที่ถอดไว้

ไม่ได้ชวนให้เขาถอดบทเรียนเล่าสู่กันฟังหรอก สัมผัสว่าพวกเขาเริ่มไม่มีสมาธิที่จะทำกิจกรรม ด้วยบางคนหัวหน้าโทรมาตามตัวกลับไปที่หน่วยงานแล้ว และบางคนถึงเวลาต้องกลับไปเตรียมงานเพื่อส่งต่อเวร

เมื่อบางคนพากันออกไปกันแล้ว ฉันก็ชวนพวกเขาที่เหลือสะท้อนตัวเองว่าเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองในวันนี้ แล้วให้เขียนใส่ลงในช่องขวาล่างของกระดาษรูปหัวใจ พร้อมบอกให้เขานำกลับไปเก็บเอาไว้กับตัว เพื่อครั้งหน้ามีโอกาสมาทำกิจกรรมร่วมกันอีกจะได้ใช้เปรียบเทียบว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

นั่งคุยต่อกันอีกเล็กน้อย ให้สะท้อนความรู้สึกกับกิจกรรมครึ่งวันนี้ มีคนบอกว่า คราวนี้ดีที่ไม่มีการร้องไห้ สนุก ผ่อนคลาย เสียดายที่มีคนอยากจะมาเข้าร่วมแต่มาไม่ได้  จึงให้ออกความเห็นว่าจะมีกิจกรรมอย่างนี้ทุกสองสัปดาห์สลับรุ่นกันเพื่อให้คนที่วันนี้ไม่ได้เข้ามีโอกาสมาเข้าร่วมคุยกัน หัวหน้างานก็จะได้สบายใจที่ไม่ต้องปวดหัวกับที่คนหายมานั่งคุยกันจะดีหรือไม่  ความเห็นตอบรับลงตัวกันที่ขอให้ันเปิดเวทีให้ทุกสองสัปดาห์สลับรุ่นกันไป  ซึ่งจะทำให้คนที่มาเข้าแต่ละคนได้มา่ร่วมเดือนละครั้ง ใครไม่ว่างตรงรอบนัดหมายของรุ่นตัวเองก็เลื่อนออกไปครั้งหน้า ไม่ว่ากัน หากใครไม่อยากจะมาเมื่อถึงรอบของตน หรืออยากมาแต่มีเรื่องอื่นสำคัญกว่าที่จำเป็นต้องทำ

ปิดกิจกรรมลงที่เวลาบ่ายสามมงครึ่ง แล้วก็มาตรวจทานรายชื่อคนที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมมาแล้วว่ามีใครบ้าง  นับกันได้ว่ามีคนหลายคนไม่ได้มาร่วมในวันนี้  หลายคนทำงานอยู่ในหน่วยเดียวกันทิ้งงานกันไม่ได้ ทำให้นึกย้อนไปถึงคำที่มีคนขอไว้ระหว่างกิจกรรมว่า หมอจัดให้ในวันหยุดได้ไหมขึ้นมาตะหงิดๆ

เห็นอะไรที่ทำให้ปิ๊งว่า น่ารวบรวมส่งกลับให้หัวหน้างานร่วมรับรู้หน่อย เรื่องดีๆอย่างนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับการเอื้อให้คนเข้าร่วมกิจกรรมได้เชียว  เป็นอะไร ชวนตามอ่านในบันทึกต่อไปก็แล้วกัน

บันทึกอื่น

ชวนคนนอน

« « Prev : ชวนคนนอน

Next : ข้อคิดจากลูกศิษย์ครู 3อ. » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "เพื่อใคร"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.044421911239624 sec
Sidebar: 0.14580011367798 sec