หลักการ-หลักกู
อ่าน: 1602วันนี้ได้เห็นอะไรที่แวบเข้ามาเรื่อง หลักการ-หลักกู ก็เลยเก็บไว้เตือนตัวเองในเรื่องการทำงานเป็นทีม
การใช้หลักกูโดยไม่รู้ตัวมันไปกินพื้นที่คนอื่นจนทำให้เขาสร้างกำแพงขึ้นปกป้องตนได้โดยไม่รู้ตัวด้วยเกรงภัยที่ตัวเขาเองให้ความหมายเอาไว้
การได้เห็นผู้ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่าทำงาน ได้ส่องกระจกให้เห็นภาพของ “หลักกู” แล้วมองย้อนเห็นว่า เมื่อรับรู้ว่าตัวเองเป็นผู้รู้ แถมรู้มาก่อน ทำมาก่อนเป็นคนแรก รู้มามากอย่างยาวนาน มันทำให้เกิดความรู้สึกยึดมั่นถือมั่นในความสามารถของตัวเอง จนเผลอติดกับ “หลักกู” แล้วโดนหลักกูหลอนเอาทีเผลอได้นะ
เมื่อได้มาทำงานกันเป็นทีมกับผู้ที่ด้อยประสบการณ์กว่า คำพูดที่ลงท้ายด้วยคำว่า “มั๊ย มั๊ย มั๊ย” มันกินพื้นที่ให้คนที่อ่อนประสบการณ์กว่ารู้สึกไม่ปลอดภัย แล้วทำให้คนๆนั้นไม่กล้าลงมือตามที่ตัวเองได้ตัดสินใจไว้ไปด้วย
แล้วไอ้คำถาม “มั๊ย…มั๊ย..มั๊ย..” นี่นะ มันก็มาจาก “การรู้มาก่อน” แล้วไปตัดสินนี่แหละ
ไม่อยากเชื่อ แต่วันนี้เชื่อแล้วว่า คำถามที่ลงท้ายว่า “มั๊ย…มั๊ย..มั๊ย…” นี้ปิดกั้นศักยภาพคนได้ มันได้พลิกคนอ่อนประสบการณ์กว่าที่อยู่ในทีมให้ปิดกั้นตัวเองและสับสวิทช์ตัวเองให้กลายเป็นหุ่นยนต์ได้ทันทีด้วยเมื่อเขา “กลัวพลาด” ”กลัวเสียความไม่รู้”
ความไม่เคยทำให้คนที่ด้อยประสบการณ์กว่ารู้สึกกลัวพลาด ความไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไรทำให้ยิ่งกลัว การตัดสินตัวเองว่าไม่รู้ รู้น้อย ยิ่งทำให้กลัวยิ่งขึ้น จนยอมทำอะไรตามคำสั่งเพื่อปกป้องภัยให้กับใจตัวเอง
ยิ่งสร้างกำแพง ยิ่งใจแย่ จนเกร็งและไม่สนุกกับงาน แล้วก็เกิดหลักกูขึ้นอีกหลักว่า “เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัด” ไว้ดีกว่า
ความรู้สึกกลัวที่เกิดขึ้นหลังการกล่าวคำว่า “มั๊ย…มั๊ย…มั๊ย” แล้วมีคำสั่งสอนหรือบอกจุดพลาดของผู้อ่อนประสบการณ์กว่าติดตามออกมาด้วยความปรารถนาดี จะถูกแปลความว่า “บ่น” อันเป็นความที่แปลไว้เพี้ยนจากความเป็นจริงไปอย่างหน้ามือกับหลังเ…..
จนต่อเมื่อเริ่มเข้าใจว่ากำลังได้รับคำสอนด้วยความปรารถนาดีนั่นแหละ รอยยิ้มแบบใจดีสู้เสือก็จะปรากฎขึ้นมาให้เห็นต่อหน้าต่อตาให้สังเกตเห็นบนใบหน้าของผู้อ่อนประสบการณ์กว่า
ถือโอกาสเก็บภาพที่เห็นนี้มาเตือนใจซะเลยว่า “อย่าลืมสังเกตเวลาเห็นรอยยิ้มของคนที่เด็กกว่านะว่า เป็นรอยยิ้มแบบใจดีสู้เสือรึเปล่า เห็นเมื่อไรละก็ให้นึกเอ๊ะๆไว้ว่า เป็นคนแก่ที่หลงลืมตัวและใช้หลักกูอยู่รึเปล่าหนอไว้ซะด้วยหนา”
กระจกเงาที่ส่องตรงหน้าได้ส่องให้เห็น “หลักการ” ด้วยว่า เมื่อตัดสินใจลงมือถ่ายทอดความรู้ ความอยากจะให้ผู้ได้รับการถ่ายทอดรู้ได้รู้ของผู้มีประสบการณ์กว่า ความปรารถนาดีอย่างแรงกล้าที่อยากทำให้ผู้อ่อนประสบการณ์รู้ จะทำให้ผู้มีประสบการณ์กว่าเผลอตัวควักเอาหลักกูออกมาใช้โดยไม่รู้ตัวได้
วันนี้ได้เห็นด้วยว่าวิธีจัดการให้หลักกูสลายตัว ไม่กลายเป็นกำแพงกั้นการเรียนรู้ของคนที่อ่อนประสบการณ์กว่า ทำได้ง่ายๆด้วยการดึงเอาเจ้าตัวเล็กออกมาใช้งาน เมื่อความสดใสของเจ้าตัวเล็ก ความแจ่มใสในตัวเจ้าตัวเล็กปรากฎขึ้น หลักกูก็สลายไปอย่างง่ายดายเลยเชียว”
ความคิดเห็นสำหรับ "หลักการ-หลักกู"