ตีแตกสวนป่า(1)-ออกนอกกรอบ
อ่าน: 2398เมื่อเรื่องราวการมาเยือนสวนป่าของฉันเข้าหูคนกระบี่ครั้งแล้วครั้งเล่า มีคนสงสัยว่ามีอะไรที่ทำให้ฉันมาสวนป่าบ่อยๆ ในครั้งนี้ก็เช่นกัน มีคำถามอยู่ในใจคนหลายๆคน และการที่ฉันได้ไฟเขียวจากหน่วยงานให้ฉันมาสวนป่าได้นั้น ฉันก็เชื่อว่ามันมีบางอย่างที่ควรเรียนรู้ แต่ถ้าถามว่าฉันอยากรู้รึไม่ ขอตอบว่า ไม่อยากรู้หรอก
มีเรื่องที่ก่อนออกจากกระบี่ น้องเขียวของพี่ตึ๋งต้องตอบคำถามของเพื่อนๆในที่ทำงาน ตอบคำถามต่อความอยากมาสัมผัสสวนป่า ซึ่งเขียวตอบเหมือนคนในกลุ่มเฮฮาศาสตรืว่า ไม่รู้ซี บอกอะไรไม่ได้ ไม่เชียร์หรอก อยากรู้ให้ตัดสินใจมาเอง และแล้วคนหลายคนที่อยากรู้เรื่องราวเหล่านั้น ก็ไม่กล้าเดินออกจากกรอบของตนเพื่อตัดสินใจร่วมทางมากับเรา
สำหรับน้องเขียวนั้น ตั้งใจจะมาสวนป่าครั้งแล้วครั้งเล่า เพิ่งมีครั้งนี้เองที่สมประสงค์ทางโล่ง เพราะได้รับทราบข้อมูลและเตรียมการล่วงหน้าเรื่องการงานได้ทัน น้องเขียวตอบเพื่อนๆไปตอนที่ถูกถามว่า “เขียวมาเพราะเขียวมาแล้วเขียวรู้สึกสนุก รู้สึกดี เขียวจึงมา แต่ว่าสนุกของเขียวกับสนุกของคนอื่นน่าจะไม่เหมือนกัน เขียวจึงไม่ตัดสินใจที่จะชวนให้ใครตามมา” และการมาสวนป่าครั้งนี้ของเขียวก็มีห่วงที่ฝากตามมา นั่นคือ ความห่วงใยจากคนข้างกายของเขียว และเมื่อเขารู้ว่า เขียวร่วมทางมากับฉัน เขาโล่งใจค่ะ
รูปนี้ถ่ายจากตลาดสดบุรีรัมย์ จำชื่อไม่ได้ รู้แต่ว่าดอกมันหอม
ขอชวนกลับมาฟังเรื่องราวของวาระตีแตกสวนป่าหลังจากที่ทีมตัวแทนออกไปจากสวนป่าเพื่อรับพี่หลินฮุ่ย ชาวปูนเข้ามาให้ได้มีงานการให้จัดการชั่วคราว จนบ่ายคล้อยไปจรดเย็น แขกสำคัญเจ้าของวาระก็มาเยือนสวนป่า ความโกลาหลเกิดขึ้นบ้างเล็กน้อย จากการช่วยกันทำหน้าที่ดูแลผู้มาเยือน อาหารถูกจัดการขึ้นเพื่อให้การต้อนรับ กิจกรรมกลางคืนถูกจัดเตรียมไว้เพิ่มแล้วเริ่มขึ้นเมื่อถึงเวลา พี่บู๊ทนำพาแขกคนสำคัญเข้ามาให้รู้จัก
ที่ใช้คำว่า “แขก” เพราะว่า ฉันไม่รู้จักหรอกว่าเขาเป็นใคร แม้เรื่องราวที่เกี่ยวกับเขาได้ถูกปูพื้นให้พอรับรู้แล้วในลาน แต่ฉันก็ไม่ได้อ่านหรอกนะค่ะ เพราะว่ามีหลายครั้งที่ กิจกรรมที่จะจัดขึ้นได้บอกเรื่องราวคร่าวๆเอาไว้ว่า ใครจะไปใครจะมา แล้วใครที่ว่าจะมาก็ไม่มา ครั้งนี้ไม่ได้คิดอย่างนี้นะค่ะ เพียงแต่ความคุ้นชินทำให้ปรับตัวองได้ว่า เจอใครก็ได้อยู่แล้ว รู้จักไม่รู้จักก็ครือกัน เดี๋ยวก็ได้คุยด้วยอยู่ดี และก็ได้คุยจริงๆ แถมโดนลองของด้วยอีกต่างหาก
การคุยกับ”แขก”เกิดขึ้นในช่วงของการเข้าไปทักทายพี่บู๊ทแล้วนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน ที่ฉันเรียกการคุยว่า “การลองของ” นั้นที่จริงเป็นความอยากรู้สไตล์ฉันของแขกค่ะ ที่เรียกว่า “ลองของ” นั้นเพราะการคุยเป็นสไตล์แหย่ความคิดอ่านและการยอมรับคนแปลกหน้าเมื่อแขกรู้ว่าฉันเป็นหมอค่ะ ก็คนเป็นหมอนะอัตตาเท่าไรใครรู้มั่ง จะไม่ให้แขกคนนี้เขาลองของดูมั่งได้อย่างไร ส่วนจะลองของเพื่อคิดเอาคืนรึเปล่าฉันไม่รู้ รู้แต่ว่านั่งคุยกับเขาสนุกดี ไม่ได้ยี่หระการถูกลองของหรอกค่ะ รู้สึกเหมือนได้คุยกับคนรู้จักที่มีอายุมากกว่าตัวเองซะมากกว่า สามารถนับเนื่องเป็นพี่เชื้อกับเขาได้โดยไม่มีช่องว่าง ยอมรับได้ในสไตล์ที่พี่เขาเป็น และไม่เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่าง ก็เรียกว่าเป็นการถูกลองของของตัวเองที่สนุกจนไม่รู้ว่ามีกิจกรรมอะไรอยู่บ้างที่ใต้ต้นไม้ จนได้ยินเสียงแว่วๆว่า เสียงร้องเพลงที่ได้ยินนะ เป็นเสียงของปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ จึงขอตัวไปขอรู้จักหน้าตาและฟังเสียงหน่อย ปลีกตัวไปแล้วกลับมาใหม่ อ้าว! พี่เขาหายตัวไปซะแล้ว แขกที่ฉันเรียกพี่คนนี้ คือ “พี่เปี๊ยก พ่อใหญ่บำรุง” ค่ะ
การได้คุยกับพี่เปี๊ยกทำให้ฉันรู้สึกดีตรงที่ได้รับรู้ความรู้สึกและวิธีคิดของพี่เขาในเรื่องสุขภาพ ซึ่งเป็นความคิดหนึ่งที่คนเป็นหมอควรได้รู้ได้ฟังซะบ้างค่ะ จะได้มองเห็นมุมมองที่ควรกระทำเพื่อหล่อเลี้ยงคนป่วยไข้ให้เหมาะควรและสอดคล้องกับการรับรู้ตนของผู้คนด้วย มิใช่หล่อเลี้ยงตามแต่ใจตนเพียงฝ่ายเดียวอย่างที่คุ้นๆกันจนหล่อหลอมอัตตาเอาไว้อย่างยึดมั่นจนตึงเกินไป
มะเขือลูกยาวๆและใหญ่มากๆ ขอบอก มีอยู่ที่สวนป่า
กิจกรรมกลางคืนผ่านไปไม่นานก็เสร็จสิ้นลง เรียกว่าจัดพอเป็นน้ำจิ้มให้ได้สัมผัสบรรยากาศสวนป่ากลางคืน และได้มีโอกาสเรียนรู้ร่วมกันอย่างง่ายๆนะแหละ ฉันกลับเข้ามาที่บ้านใหญ่ แล้ววงสนทนากับหลวงพี่ก็กำเนิดขึ้น เป็นการทำความรู้จักกันระหว่างผู้ห่มผ้าเหลืองกับผู้ที่ไม่ได้ห่มผ้าเหลือง คุยกันจนกระทั่งทีมผู้แทนโชเฟอร์ชอบซูกัส แมนทอส กลับมาพร้อมพี่หลินฮุ่ย
ถ้าถามว่าเหตุใดจึงไปร่วมงานตีแตกสวนป่าทั้งๆที่เพิ่งไปสวนป่ากลับมาไม่ถึงเดือน ก็คงตอบว่า ไปเพราะใจอยากไปพบปะน้องพี่ทั้งหลายทั้งที่เคยคุ้นและไม่เคยคุ้นมาก่อน อยากรู้จักน้องๆที่ไม่เคยคุ้น ไม่ได้คุยกันเห็นหน้าตากันก็ยังดี ไม่เห็นเป็นไร นอกจากเรื่องใจอยาก ก็มีเรื่องของงานพ่วงไปด้วย คือ มีสัญญาไว้กับสองสาวและหนึ่งหนุ่มคือ พี่ตึ๋ง อุ๊ยจันตาและน้องครูอึ่งว่าจะมาแลกเปลี่ยนร่วมกันวิเคราะห์โจทย์ของกระบี่ที่เคยขอความช่วยเหลือให้ไปเป็นกระบวนกรให้ ด้วยเรื่องราวหลายเรื่องยังไม่สามารถชัดเจนเพียงพอสำหรับผู้เป็นกระบวนกรที่จะสรุปเพื่อให้เกิดการตัดสินใจดำเนินหน้าที่ของตนตามที่รับปากฉันไว้ และสุดท้ายก็เป็นเรื่องความอยากรู้เรื่องราวของอีสาน ส่วนหนึ่งของแผ่นดินไทย ในแง่ความต่างกับพื้นที่ของฉัน
ดอกไม้ริมทางในวัดหน้าตลาดสดบุรีรัมย์
การตัดสินใจมาร่วมตีแตกอีสานครั้งนี้ ให้ความรู้ฉันในหลายมุมนัก ดีใจที่ตัวเองแหวกกรอบของการไม่ยึดติดกับระยะทางและภาระงานออกมาอยู่นอกกรอบแล้วมาร่วมงานในครั้งนี้ ขอบคุณทุกผู้คนที่ร่วมเป็น “ครู” ค่ะ
Next : ตีแตกสวนป่า(2)-วางแผน » »
1 ความคิดเห็น
ไม้พยอมครับพี่ตา ผมจำได้ว่าคนขายแก่บอกว่าไม้พยอม ดอกมันหอม เปลือกมันเอามากินกับหมาก