เตรียมตัวไปตีแตกอีสาน
อ่าน: 1192หลังเดินทางกลับจากแดนอีสานไม่นานนัก ฉันก็กลับไปเยือนอีสานอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่มีคำถามกับตัวเองว่ารู้สึกอย่างไร เรียนรู้อะไร รู้สึกตัวว่าต้องใช้เวลาใคร่ครวญกับตัวเองพอสมควรเมื่อค้นหาคำตอบให้กับคำถามแรก เริ่มจากมีคำถามป้อนจากผู้ที่อยู่ในที่ทำงานหลายคน ที่รู้ข่าวว่า เขียวจะเดินทางมาเยือนอีสานพร้อมกับฉันด้วย คำถามนั้นมีว่า ไปด้วยคนได้ไหม เมื่อถามเขาว่า ทำไมอยากไปด้วย เขาตอบว่า หนูอยากไปที่ๆให้ความสนุก ซึ่งฉันตอบคำถามเขาเพียงว่า คิดเอาเองจะไปรึไม่ จะไปก็ตัดสินใจ ฉันยินดีให้ร่วมทางไปด้วยได้ แต่ฉันไม่”ชวน” หรอกนะ
ผู้ที่มีคำเสนอตัวมาขอร่วมทางกลายๆนั้น เขาบอกว่า เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมเขียวจึงตอบรับคำชวนของฉันทันทีที่รู้ข่าว ทำไมเขียวจึงชอบ ฉันก็ถามเขียวเช่นกัน เขียวตอบฉันว่า หนูตอบแทนคนอื่นไม่ได้ แต่หนูตอบตัวเองได้ว่า หนูเองมีความสุขที่ได้ไปที่นั่น และนั่นคือเหตุผลที่เขียวตัดสินใจเดินทางพร้อมฉัน จะเดินทางอย่างไร วันไหน ก็แค่ทำตัวง่ายๆ เตรียมพร้อมและเคลียร์ตัวเองให้ว่างไว้ตามนัดหมาย
ฉันเองก็เก็บเรื่องราวข้างต้นมาใคร่ครวญกับตัวเองถึงคำตอบเกี่ยวกับความรู้สึกตัวเองเช่นกันว่าทำไมฉันจึงตัดสินใจที่จะไปสวนป่าเมื่อมีโอกาสให้กับตัวเอง คำตอบสำหรับวาระของตีแตกอีสานที่ผุดโผล่ออกมาให้รับรู้ก็คือ ฉันอยากมาพบปะกับพี่น้องทั้งหลายที่ประกาศตัวว่าจะไปร่วมตีแตกอีสาน ความอยากนี่เองที่ทำให้เกิดการจัดการตัวเองจนได้มาร่วมจนได้
สำหรับการเรียนรู้ตัวเองในส่วนเริ่มต้นของการตัดสินใจในครั้งนี้ ฉันพบว่ามีหลายแง่มุมที่ฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองเกี่ยวกับการทำงาน มีงานหลายอย่างที่ฉันเริ่มถีบลูกน้องลงเหวช่วงเวลาที่ฉันไม่อยู่ในที่ทำงาน
ในตอนที่ตัดสินใจว่าจะถีบเขาลงเหวนั้น หากถามว่ามีข้อกริ่งเกรงอะไรมั๊ย ก็คงตอบตรงๆว่าใช่ว่าไม่มี แต่ด้วยฉันเชื่อมาตลอดว่าคนทุกคนนั้นล้วนแต่อยากทำสิ่งที่ดีที่สุดที่ตัวเองลงมือทำทั้งสิ้น ส่วนคำว่า“ดีที่สุด”นั้นมันมีความหลากหลายอยู่ในตัวมัน การให้ค่าของคนวัดนะแหละที่ทำให้เกิดความหลากหลายนี้ขึ้น และเมื่อมีการเอ่ยถึงคำว่า “ดีที่สุด” คนทุกคนก็มักจะกดดันตัวเองและชักชวนให้คุณกังวลเข้ามาเป็นเพื่อน แน่นอนว่าลูกน้องฉันที่ถูกถีบลงเหว จะมีความรู้สึกกดดันตัวเองเช่นนี้ด้วย
ในขณะที่ลูกน้องกริ่งเกรงการให้ค่าในมุมมองของตัวฉัน กังวลกับตัวเองในการให้ค่าของเรื่อง “ดีที่สุด” แล้วฉันจะถีบเขาลงเหว ฉันก็มีคำถามกับตัวเองว่า ทำอย่างไรดีที่จะทำให้เขารับรู้และตัดสินใจทำอย่างมั่นใจได้เล่า ทำอย่างไรที่จะให้คุณกังวลแค่เป็นแขกของเขาไม่ใช่เพื่อนรักได้เล่า แล้วคำตอบที่ออกมาก็คือ ฉันพึงบอกให้เขารู้ชัดว่า “ถูกถีบแล้ว” ให้เขารับรู้ว่า หลังจากถูกถีบแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันยังอยู่เคียงข้างดูแลเขาอยู่ไม่ได้ทิ้งไปไหน เป็นการดูแลที่เขามีอิสระที่จะลงมือทำอะไรก็ได้ และการดูแลนั้นมีสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องใช้ลมหายใจเดียวกัน ซึ่งก็มีแค่ “การบริหารเวลา” และ “การรับรู้สิ่งที่จะดำเนินไป” เท่านั้นก็พอเพียงแล้ว สำหรับการจัดการให้ลงตัวเพื่อดูแลกันและกัน
การร่วมเดินทางกันมาสองคนกับเขียว ให้บทเรียนกับฉันว่า การใช้ลมหายใจเดียวกันในการดำรงตนอยู่ร่วมกันกับเขียว กลับแตกต่างจากการดำรงตนร่วมอยู่กับลูกน้อง ความต่างกันอยู่ตรงที่การอยู่ร่วมกันของเราใช้ “การทำตัวง่ายๆ” ก็เพียงพอแล้ว เพียงแค่ทำตัวง่ายๆสิ่งที่ดำเนินไปก็ไปถึงจุดแห่งความสำเร็จได้
เมื่อเราสองร่วมทางกันมา การทำตัวง่ายๆที่เกิดขึ้นสร้างความสุขให้กับเราทั้งคู่ได้จริงๆ เราแค่จัดการตัวเองให้ลงตัวกับเรื่องราวทั้งในเรื่องของการใช้ความสามารถและการตัดสินใจให้สอดคล้องกับเป้าหมายของเรื่องราวอย่างให้ใจต่อผลลัพธ์ของเรื่องราวและถึงพร้อมซึ่งการดูแลกันและกันเท่านี้เองจริงๆ ฉันว่าฉันได้เรียนรู้ความหมายของคำว่า “ถ้อยทีถ้อยอาศัย” จากเขียว และเขียวก็เรียนรู้จากฉันเช่นกัน ที่แท้ “ถ้อยทีถ้อยอาศัย” กับ “ลมหายใจเดียวกัน” นั้นมันเป็นเรื่องเดียวกันได้เลยเมื่อเราเข้าใจคำว่า “ลมหายใจเดียวกัน”
ฉันว่าฉันได้ความรู้เรื่องการอยู่อย่างสมานฉันท์มาด้วยนะ มันเกิดขึ้นได้ง่ายๆเพียงแค่การทำตัวง่ายๆเมื่อดำรงอยู่ร่วมกัน ง่ายๆในการรับรู้สิ่งที่จะดำเนินไปสู่ แล้วจัดการตัวเองให้ลงตัวกับเรื่องราว ให้ใจดูแลกันและกัน รับรู้ร่วมกันอย่างง่ายๆ ใช้ลมหายใจเดียวกันในการดำเนินเรื่องราว แล้วก้าวเดินไปสู่ผลลัพธ์ร่วมกันแค่นี้เองค่ะ ความขัดแย้งทั้งภายในใจและภายนอกกายก็หนีหายไปทันที
Next : ก่อนถึงวันตีแตกอีสาน » »
ความคิดเห็นสำหรับ "เตรียมตัวไปตีแตกอีสาน"