ย่ำหนามไม่ให้เจ็บ(3)
อ่าน: 1040เมื่อวานคกก.เอาคะแนนสอบสัมภาษณ์มาช่วยกันรวม บางคนเขามีคำถามในใจว่า สาวตาใช้เส้นตัวเองช่วยเด็กรึเปล่า เพราะว่าดูคะแนนแล้วเหมือนว่าสาวตาจะช่วยคนของตัวเองที่มาสอบ ก็เจ้าคะแนนดิบที่ออกมานั้น ลูกน้องตัวเองเป็นคนได้คะแนนสูงในสามคนแรกในใบคะแนนดิบที่สาวตาให้ ประธานเขาเลยข้องใจมากๆในเรื่องความลำเอียง แล้วเมื่อวานฉันก็ไม่ได้เข้าไปช่วยทำคะแนนด้วย เพราะติดการประชุมที่สปสช.เขตเขาเชิญด่วนในเวลาซ้อนกัน จึงไม่ได้อยู่ชี้แจง
วันนี้มีการประชุมกันต่อ เพื่อตกลงร่วมกันในการตัดสิน แบคะแนนดิบของเด็กๆออกมาแล้วเทียบเคียงกันดู คนอื่นก็ให้คะแนนไม่แตกต่างจากที่สาวตาให้สักกะติ๊ด แล้วเหตุไฉนฉันจึงโดนเขาข้องใจเอาหนอ มีคำถามในใจอยู่เหมือนกันในตอนที่เขาถาม เพิ่งอ้ออีตอนที่ลงมือเขียนบันทึกนี้แหละว่าโดนระแวง บทเริ่มของบันทึกนี้จึงเขียนเล่าไว้เป็นหลักฐานซะหน่อย
อันที่จริงมันเอะใจตั้งแต่ประธานเขาบอกตอนเริ่มประชุมว่าคะแนนดิบที่ฉันให้มันเบ้จนชวนแปลกใจ ในขณะที่คะแนนดิบของคนอื่นเป็นรูประฆังคว่ำสวยๆ มีคำถามที่หลุดออกมาว่า คิดว่าฉันให้คะแนนประสบการณ์ไปด้วย ฉันเลยตอบว่าไม่ใช่หรอก ฉันเป็นคนออกข้อสอบเอง ฉันจึงรู้ว่าคะแนนที่ฉันจะให้นั้นวัดอะไรได้บ้างในเรื่องความสามารถของคน ซึ่งกรรมการคนอื่นก็เห็นกับตาเองได้ในระหว่างการสอบ โดยส่วนตัวที่ฉันให้คะแนนดิบฉันใช้หลัก 5ส. ความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า และสติเป็นเกณฑ์วัด เพราะถือว่าทั้งหมดนี้คือหัวใจสำคัญของคนที่จะใช้ร่วมดูแลองค์กรให้เป็นไปได้ดี
คะแนนดิบทั้งหมดที่ฉันให้เขาผ่านจึงเป็นเรื่องของความสามารถเฉพาะตัวของผู้เข้าสอบล้วนๆ เด็กใหม่ซิงๆที่ไม่เคยทำงานที่ไหนเลยที่แสดงให้รับรู้ได้ว่ามีความสามารถเหล่านี้ ได้คะแนนสูงพอๆกับเด็กเก่าของร.พ.ด้วย ขอบอก แปลกใจที่มีคำถาม เมื่อตัดสินกันไปแล้ว ฉันจึงขอคะแนนดิบที่อยู่ในกระดาษมาขอดูเป็นประจักษ์พยานกับตัวเองว่าลำเอียงรึเปล่าอย่างที่รู้สึกว่าเขาระแวง ผลมันก็ยังยืนยันกับตาว่า กรรมการคนอื่นก็เห็นความสามารถของเด็กคนนั้นๆเหมือนที่ฉันเห็น พอใจกับตัวเองค่ะขอบอก
ตอนเที่ยงวันนี้ได้เล่าเรื่องอรยนท.ของครูปูให้น้องสร้อยฟัง กลับมาบ้านนั่งเขียนบันทึกนี้เลยได้มุมมองใหม่ ว่าตอนเริ่มเขียนบันทึกที่อ้อว่า ประธานเขาระแวงความโปร่งใสเรานะ ใจเราไปพิพากษาเขาในด้านลบเนอะ ความหลงนี่ร้ายจริงๆนะค่ะนี่ การคิดว่ามีสติตามรู้ทันแต่ความจริงไม่ทันนี่ถ้าไม่ระวัง สัญญาเก่าที่ติดในความคิดมันมีอิทธิพลสั่งให้พิพากษาทันที จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐานไว้เพื่อเตือนใจว่า จงเอ๊ะกับตัวเองหากได้คำตอบด้านลบเป็นคำตอบ จงใคร่ครวญใหม่เรื่องห้อยแขวนหรือคำพิพากษาในขณะจิตที่มีเรื่องนั้นๆเกิดขึ้นซะใหม่
ที่บันทึกไว้เป็นหลักฐานก็เพราะหลังจากเล่าเรื่องอรยนท.กับอุ้ยจันตาไปแล้ว เมื่อได้เวลาใคร่ครวญเรียบเรียงเขียนบันทึกอยู่ มันมีคำตอบใหม่แวบเข้ามาให้พบค่ะ คำตอบใหม่มันบอกฉันว่า มันมีมุมบวกเป็นคำตัดสินด้วยนะ คำตอบนั้นคือ อันที่จริงประธานเขาปรารถนาดีและมีเมตตามากๆต่อกรรมการทุกคน ใครที่จะมีโอกาสถูกมองมุมลบต่อผลของการลงมือทำอะไรลงไปนั้น เขาจะช่วยมองเพื่อหาคำอธิบายเพื่อให้เกิดความโปร่งใสของกรรมการทุกคนนะนี่ ที่นี้ก็อยู่ที่ตัวฉันเองว่าจะเลือกใช้ใครพิพากษาความคิดของตัวประธาน ระหว่างคุณระแวง และคุณเมตตา
« « Prev : ย่ำหนามไม่ให้เจ็บ(2)
ความคิดเห็นสำหรับ "ย่ำหนามไม่ให้เจ็บ(3)"