เมื่อเด็กสอนเรื่องครอบครัว
อ่าน: 2210เมื่อสี่ห้าวันก่อนมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งแวะมาหาที่บ้านด้วยแม่ของเขาบอกว่าฉันมีธุระจะคุยด้วย เราได้นั่งคุยกันเรื่องที่ฉันจะไว้วานให้เขาช่วย เขาขอรับเรื่องไปตัดสินใจก่อนแล้วจะบอกกลับมา
ระหว่างคุยกันอยู่ ฉันได้ถามไถ่ความเป็นอยู่ของเขาในเรื่องข่าวที่เขาไปเกี่ยวข้องกับฝ่ายปกครองหน่วยหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังว่าเหตุที่ไปเกี่ยวข้องมันเป็นเรื่องบังเอิญ
ในระหว่างที่เล่าเรื่องราวให้ฉันฟัง สีหน้าของเขาเศร้าสร้อย เรื่องราวถูกเล่าออกมาอย่างช้าๆ แต่ละคำพูดมันกลั่นออกมาจากใจ มันบอกให้รู้ว่า เขาใคร่ครวญกับตัวเองอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันนะ เขาจึงได้เจอกับเรื่องราวที่ทำให้เขากลัวอยู่อย่างนี้
การที่ตัวเขาไปเกี่ยวข้องกับฝ่ายปกครองวันนั้น เขาเจออะไรบ้างนะ มันชวนให้อยากรู้ แต่แล้วเขาก็ไม่ได้เล่ามันออกมา เขาเล่าแต่ว่าใช่มีแต่ตัวเขาที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราว หากแต่มีเด็กหนุ่มคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะ และเด็กหนุ่มนั้นถูกทำร้ายร่างกายให้เห็นกับตาด้วย
เขาเล่ามาว่า พ่อเขาถูกฝ่ายปกครองตามตัวไปพบซะด้วย แต่ว่าไปถึงพ่อไม่ได้คุยกับเขาสักคำ เดินเข้าห้องไปคุยกับฝ่ายปกครองที่ตามตัว พูดคุยกันแล้วออกมาก็ถามเขาว่า ทำลงไปทำไม เขาบอกฉันว่า พ่อไม่ถามเขาสักคำให้เขามีโอกาสเล่าเรื่องราวให้ฟังก่อนหน้านั้น คำพูดที่พ่อทักถามมันบอกเขาว่าพ่อเชื่อคำที่ฝ่ายปกครองบอกพ่อมา เขารับรู้ว่าพ่อเชื่อว่าเขาผิดจึงถูกนำตัวมาเกี่ยวข้อง
หลังจากกล่าวคำจบลงแล้ว พ่อก็ทิ้งเขาไว้ที่หน่วยราชการแห่งนั้น ไม่ได้รับเขากลับไปด้วย ซึ่งมันทำให้เขาต้องค้างอยู่ที่นั่นตั้งแต่เวลาเช้าตรู่ของวันหนึ่งไปจนถึงเย็นของวันรุ่งขึ้น โดยที่เขาไม่รู้ว่าจะตอบตัวเองยังไงระหว่างพ่อมาช่วยเขาหรือซ้ำเติม
เมื่อได้กลับบ้านมาแล้ว เขาเล่าพ่อแม่ว่าเกิดอะไรกับเขาและเพื่อนอีกบ้างหลังจากพ่อจากมา พ่อได้ฟังแล้วตกใจ แต่มีประโยชน์อะไรในเมื่อเขาผ่านเรื่องราวร้ายๆนั้นมาแล้ว มันช่วยไม่ได้แล้วนะพ่อที่มันเกิดขึ้น นี่คือเรื่องราวที่เขาบอกพ่อไปในวันนั้น
เขาเล่าฉันต่อว่า เมื่อเขาอยู่ที่บ้าน เมื่อเขาพูดอะไรไม่เคยมีใครเชื่อเขา ทั้งๆที่เขาไม่เคยโกหกเลย แม้แต่ครั้งนี้เมื่อเขากลับไปบ้านแล้ว พ่อและแม่เขาแสดงออกมาว่า เชื่อว่าเขาทำความผิด จึงไปเกี่ยวข้องกับฝ่ายปกครองเข้าได้
ฉันฟังเขาแล้ว สะท้อนใจกับคำเล่าของเด็กหนุ่ม ใจนึกถึงลูกสองคนที่ฉันเลี้ยงดูมา ฉันไม่เคยเลยที่จะไม่เชื่อถือลูก เพียงแต่บางครั้งที่ฉันพูดจาให้ลูกฟังเป็นความตั้งใจสอนเพิ่ม จนเมื่อรู้ว่าลูกนะต้องการความเชื่อใจที่ฉันมีให้ ฉันจึงเปลี่ยนใช้ความไว้ใจเขามาแทนการพูดจาสอนสั่งทั้งหลาย เวลาลูกอยากทำอะไร อยากบอกอะไร เขาจึงไว้ใจตัวเขา แล้วบอกออกมาให้ได้คุยกันจนฉันเข้าใจสิ่งที่เขาคาดหวังกับตัวเองและยอมให้เขาได้ลองทำ
ความเข้าใจที่ได้จากลูกทำให้ฉันตอบเด็กหนุ่มว่า ฉันฟังแล้วฉันเชื่อเขานะว่าที่เขาเล่าฉันนะเป็นเรื่องจริง ตอนบอกออกไปใจรับรู้ว่าใจเขานั้นสะอื้นตอบรับ รับรู้คลื่นในใจเขาแล้วใจฉันอึ้ง ช่างกระไรกันหนอที่พระในบ้านปล่อยให้เด็กน้อยเขามีทุกข์ซะจนขนาดนี้ ก็ที่รับรู้นะเด็กหนุ่มเขาเศร้าจนทำให้ชีวิตของเขาพังลงไปเกือบค่อนชีวิตแล้วนะนี่ พ่อแม่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับความล้มเหลวนี้ของลูกเขา
จะช่วยอย่างไร ฉันนึกไม่ออกเลยหนา โอ้ว่า อนิจจา ใจหนุ่มน้อยเป็นอย่างไร โดดเดี่ยว ไร้ความหวัง หมดพลังชีวิตที่จะสู้ต่อไปหรือไร จะทำอย่างไรดีที่จะทำให้เขาไม่ปล่อยชีวิตไปวันๆ ไม่ทำอะไรทำลายตัวเองด้วยการทำให้สิ่งที่ทำเกิดความไม่ก้าวหน้าในสายตาผู้ใหญ่ แล้วที่ยังมีผู้ใหญ่คอยซ้ำเติมดับไฟพลังด้วยคำพูดที่ตำหนิ ต่อว่า พร้อมวาจาที่เอ่ยปากที่มีกิริยาแสดงออกบ่งให้รู้ว่าไม่เชื่อถือออกมานี่เล่า จะช่วยแก้อย่างไรให้เขาได้บ้างหนอ
หนุ่มน้อยเขาบอกว่า ทุกคืนเขานอนไม่หลับจนค่อนรุ่งเสมอ แล้วก็มาหลับในเวลากลางวัน คืนไหนที่เขาได้หลับสบายๆแต่หัวค่ำ ในค่ำคืนนั้นเขาไม่สบายใจ ฉันถามเขาว่าในเมื่อนอนหลับสบายๆ ทำไมจึงไม่ชอบละ จะได้พักผ่อนเต็มที่ ปรากฎว่าเขาเงียบไปนานทีเดียว แล้วก็ตอบมาว่า “ผมไม่รู้เหมือนกัน”
หรือว่าตอนนี้ ในใจของเขา มีแต่ความกลัวอยู่นะ โกรธจนกลัวนะรู้จักรึไม่ โกรธใครนะรึ โกรธตัวเองนะสิ ที่ทำให้พ่อแม่เชื่อถือไม่ได้
วังวนอย่างนี้ มีใครบ้างสามารถช่วยให้เขารู้จักวิธีเยียวยาตัวเองได้ ด้วยว่ามันเป็นความลับในตัวคน เป็นเรื่องตัวใครตัวมัน มันเป็นเรื่องของครอบครัวที่จะช่วยกัน คนอื่นจะช่วยได้แค่สะท้อนคำถามให้ได้ไตร่ตรองใคร่ครวญเท่านั้น หรือว่าพ่อแม่จะช่วยเขาได้ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา
เออ! ใช่แล้วละ พ่อแม่นะช่วยได้นะ ในเมื่อปัญหาเกิดจากการไม่เชื่อถือลูกตัวเอง แล้วปล่อยให้เขาหมดพลังใจ พ่อแม่สามารถช่วยเพิ่มพลังใจให้ด้วยการทำให้ลูกรู้ว่าเชื่อถือเขาแท้จริง แสดงออกให้เขารู้ว่า การกระทำที่ทำให้นั้นไหนคือเรื่องความห่วงตามประสาพ่อแม่ ไหนคือเรื่องจริงของความไว้ใจที่มีต่อลูก ให้เวลาที่จะได้จับเข่าพูดคุยกับลูกเพื่อให้เกิดความเข้าใจกันอย่างจริงใจ
ให้โอกาสลูกพูดแล้วพ่อแม่ “ฟัง”จากปากเขาเอง วิเคราะห์เรื่องราวจากเรื่องที่เขาเล่า แลกเปลี่ยนจนเข้าใจแล้วจึงตัดสินเขา มิใช่นำเรื่องที่คนอื่นมาบอกมาแล้วตัดสินเขา นี่กระมังคือทางออกที่ควรเริ่มช่วยเด็กหนุ่มคนนี้
บทเรียนบทนี้ที่เด็กหนุ่มมาสอน จะให้ชื่อได้ไหมว่า “พ่อแม่รังแกฉัน”
« « Prev : เด็กสอนผู้ใหญ่ก็ได้นะ
Next : เจ้ามีที่มาอย่างไร(17) » »
2 ความคิดเห็น
อึ้งค่ะ คิดไม่ออกจริงๆ ว่าเป็นอย่างไรเพราะที่ผ่านมาแม่รับฟังและให้ความไว้วางใจมาตลอด อึ้งจริงๆ ค่ะ
พี่คาดเดาไปว่า แม่ของเขานะใช้ชีวิตอยู่โดยใช้ฐานความกลัวหล่อเลี้ยงกายและใจค่ะ ความคิดหลายๆอย่างจึงสับสน กลัวอะไรพี่ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าความกลัวนั้นถูกนำมาใช้เลี้ยงลูกด้วย ลูกจึงสัมผัสได้ถึงความไม่ไว้ใจค่ะน้องหนิง