เจ้ามีที่มาอย่างไร(11)

โดย สาวตา เมื่อ 1 ธันวาคม 2008 เวลา 23:57 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1270

ในตอนที่สาวน้อยเรียนอยู่โรงเรียนหญิง จากร่างบางๆที่เก้งก้างของเด็กซน หุ่นเธอก็เปลี่ยนเป็นสาวสวยตัวน้อยๆที่มีรูปร่างตุ้มตะตุ้มตุ๊ย และเมื่อเธอย้ายมาอยู่โรงเรียนชาย หุ่นที่เป็นตุ่มใบน้อยๆก็กลายกลับมาสะโอดสะองงดงามใหม่ วิถีที่เปลี่ยนไปในการย้ายมาอยู่โรงเรียนใหม่นั้นมีอยู่มากมาย ทั้งเรื่องการปรับตัวใหม่กับการกลับมาเรียนแบบมีเพื่อนชายเรียนร่วมอยู่ด้วย  แล้วมีวิชาใหม่ๆอีกหลายเรื่องที่เธอต้องเรียนให้เข้าใจ บางวิชานั้นไม่ได้เรียนหรอกนะแต่ตอนสอบเอ็นนะต้องใช้  ช่วงของเวลาที่ใช้เรียนในโรงเรียนใหม่เธอจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นนกฮูกกลายๆ ที่หากฟ้าไม่สางให้เห็นรำไร ที่นงที่นอนเป็นไม่รู้จัก

 

จำได้ใช่ไหมว่าเธอเล่าเรื่องกิ๊กไว้ ฟังเธอแล้วนึกขำเห็นภาพที่เธอเล่าเวลากิ๊กไปบ้านแล้วเจอพ่อ ฉันนะให้ฉงนแล้วขวัญกิ๊กนะเตลิดไปไหนมั๊ยหนอ ภาพที่เธอเล่ามันให้ภาพบอกว่าพ่อนั่งน่าเกรงขามอยู่หน้าบ้าน แล้วกิ๊กก็เข้ามายกมือไหว้แล้วกล่าว ผมเป็นเพื่อนลูกสาวของพ่อครับพ่อครับ จบคำแล้วพ่อก็จับเขานั่งคุยซักถามโคตรเหง้าเหล่ากอเป็นใคร

 

เธอนั้นแอบดูอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วงกิ๊กจริงๆ  ก็พ่อนะซักละเอียดซะจนเธอนึกในใจ ซักละเอียดอย่างนี้ลูกสาวอย่างฉันนี้จะขายออกหรือ ทำไมพ่อต้องซักมากๆหนอไม่ว่าหนูจะพาใครมาถึงบ้าน เวลาพาเพื่อนหญิงมาซักละเอียดอย่างนี้เขาเคยบอกหนูว่ากลัวพ่อ  

 

แล้วนี่เขาเป็นเพื่อนชายคนแรกที่มาถึงบ้านหนูนะพ่อนะ มาถึงครั้งแรกพ่อก็ซักแหลกจนชวนพองขน ซักชื่อรายละเอียดของพ่อแม่ ทำงานอะไร ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน บ้านอยู่ตรงไหน มีญาติเป็นใครบ้าง เหตุไฉนพ่อแม่เขาให้มาโต๋เต๋ตามบ้านเพื่อนได้เล่า อีกหลายๆเรื่องที่พ่อนั่งซักเอาๆ หายใจออกรึเปล่ากิ๊กเพื่อนเรา ซัดซะหนักไม่เบาเลยนะนี่พ่อเรา

 

เธอบอกว่ามาเรียนที่ใหม่นะมีเพื่อนหญิงโรงเรียนเดิมตามมาเรียนด้วยหลายคน ส่วนเพื่อนสนิทที่ว่ามีเจ็ดคนไม่มีใครตามมาซักคนหนา ชั้นเรียนที่โรงเรียนจัดให้มีเพื่อนที่เรียนเก่งและไม่เก่งปะปนกันเข้ามาเรียนอยู่ เหตุผลที่จัดคือครูเขาอยากให้คนเก่งในห้องสมมติกษัตริย์นะได้ช่วยดึงเด็กห้องบ๊วยให้เขาเก่งไปด้วยกัน ครูเลยยุบห้องเรียนของม.ปลายให้เหลือเพียงสามห้องเท่านั้น แล้วเอาเด็กมาคละกันเรียนในสามห้องนี้แหละ

 

การเรียนในห้องเรียนไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเท่าไร มีเรื่องนอกเวลาเรียนที่น่าตื่นเต้นกว่า เธอว่าเธอขอเอามาเล่าไว้ซักหน่อย เรื่องหนึ่งเป็นเรื่องของเวลาสอบที่แก๊งของเธอชวนกันอยู่อ่านหนังสือที่โรงเรียนในช่วงเย็นๆหลังโรงเรียนเลิก เหตุผลที่อ้างกันก็คือใครไม่เข้าใจเรื่องอะไรคนรู้มากกว่าจะได้ช่วยติว แล้วเวลาเลิกเรียนเหมาะสมนะเพราะว่าที่โรงเรียนมันเงียบดี

 

ที่เธอเล่าและใช้คำว่าอ้างนั้นเธอสารภาพว่าเหตุผลที่แท้ในตอนนั้นคือคนที่ปิ๊งกันจนเป็นคู่กิ๊กนะ เขาอยากจะอยู่ใกล้ๆกันเลยหาเรื่องอ้างเวลามาอยู่ด้วยกันเพื่อที่เพื่อนจะได้ไม่เอาไปล้อเลียนให้รู้สึกอาย  เธอว่าเวลาเอาจริงกลับปรากฏว่า ว่ากันในเรื่องเรียนเป็นหลักตามที่อ้าง คู่ปิ๊งมีความสุขกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ แค่เพียงได้เห็นหน้าและอยู่ใกล้ๆกัน ได้คุยได้เล่นได้พูดจากันในบรรยากาศดีๆ จู๋จี๋แบบคุยกุ๊กกิ๊กแหย่กัน ได้โต้ ได้เถียงกันเล็กๆ ก็ชื่นอารมณ์กันแล้ว

 

เธอว่าทั้งแก๊งอ่านๆไปแล้วเบื่อเลยพากันเล่น เล่นอย่างนี้พิเรนมั๊ยท่าน ก็เล่นผีถ้วยแก้วยามเย็นโพล้เพล้ด้วยกัน ก่อนเล่นทุกคนบอกว่าใจไม่เชื่อลองดูกันไหมเป็นไปได้ยังไงแก้วเลื่อนได้แค่เอานิ้วแตะมัน แค่ลองดู พิสูจน์ดูเหอะน่าเป็นยังไง ถ้าใครพาแก้วเดินน่าจะรู้ พอเล่นไปแล้วแก้วเดินก็โทษกัน คนนั้นแกล้งดันนิ้วคนนี้ดันใช่ไหมเล่า เถียงๆกันไปแล้วชักไม่มั่น เอางี้แล้วกันลองดูใหม่ ยันยีกันพอแก้วเริ่มเดินอย่าดันกัน ลองปล่อยให้แก้วเดินดูเองละกัน ถ้ายังเห็นแก้วมันเลื่อนที่ได้ค่อยว่ากัน

 

ว่าแล้วลองกันจึงได้รู้แก้วมันเลื่อนเองได้ให้เห็นเลย พอเห็นว่าไม่จับแล้วแก้วเดินได้ ขนลุกขนชันกันเลย ต่างคนต่างกลัวผี ทำไงละนี่เล่นพิเรนกันลงไปแล้ว ไม่แคล้วทำไม่ดีผีมาหักคอตายแน่ สุดท้ายไม่แน่จริงด้วยเล่นกันไปได้แค่สองสามวัน กลัวผีมากกว่าครูเลยเลิกกันแล้วเลิกอยู่เย็นที่โรงเรียนกันไปเลย สาวน้อยคนดีเล่าว่า แรกเริ่มคนที่มาชวน เขาทำหน้าที่จุดธูปเชิญผีมาให้ ต่อมาเขาคงกลัวกระมัง จึงไม่กล้าอยู่ทำให้อีกเลย คนที่ทำตัวเป็นหมอผีต่อมาเธอว่าเป็นเธอนะเอง เธอแค่ลองทำนะเธอว่า งูๆปลาๆทำไปอย่างที่ได้ฟังเพื่อนแนะ และแล้วก็เจอดีอย่างที่บอก ขวัญนะไม่หนีจากตัว ก็เลยหงายถ้วยได้ก่อนเลิก ไม่พากันหนีกระเจิงให้อายคนล้อไม่เลิก ฟังเธอเล่าแล้วฉันว่า เธอบ้าบิ่นดีใช่ไหม

 

สาวน้อยบอกว่าช่วงที่เธอเรียนประถมต้นนั้น เธอแค่ทำการบ้านตามครูสั่ง ทำแล้วก็ไปเล่น มีเรียนพิเศษอยู่แค่สองปีตามที่เล่าไปแล้ว ส่วนช่วงที่เธอเรียนประถมปลาย เธอเรียนแบบอ่านเอาเรื่องแล้วลองออกข้อสอบให้ตัวเองลองทำ ข้อไหนที่ออกข้อสอบแล้วตอบไม่ได้ เธอจะไปอ่านหนังสือหาคำตอบ หามันซ้ำๆจนตอบมันได้  ทำแบบนี้มาตลอด เธอจึงเอาตัวรอดสอบได้ลำดับต้นของห้องเรียนเสมอมา

 

ไอ้ท่องนะมีเหมือนกันในส่วนของบางวิชาที่เธอไม่รู้เรื่องกะมัน วิชาที่เธอไม่รู้เรื่องมีภาษาไทยเป็นหลัก การเรียนหลักภาษา เรียงความ ย่อความ อะไรก็ไม่รู้มากมาย แล้วมันก็เป็นวิชาที่เธอไม่เคยทำคะแนนได้ดีเลย ได้แค่เลยเส้นผ่านหน่อยๆแค่นั้นเอง หนังสือภาษาไทยนะเธอไม่ชอบอ่านหรอกตอนนั้น

 

ช่วงที่อยู่ชั้นประถม ปิดเทอมแม่พาไปเหมือง ที่เหมืองนะมีอะไรให้เล่นซนหลายเรื่องอย่างที่เคยเอ่ยบอกเล่าไว้แล้ว อีกเรื่องที่เธอชอบเวลาไปเหมืองคือ อ่านหนังสือเพชรพระอุมา และหนังสือกำลังภายในของโกวเล้ง ไปแย่งเล่มใหม่ที่ผู้ใหญ่อ่านมาอ่านบ้าง ไปรื้อเล่มเก่าๆมานอนอ่านนั่งอ่านบ้างสนุกดี อ่านผิดอ่านถูกยังไงไม่สน อ่านเอามันนะเข้าใจไหม สนุกมากๆเลยละ เท่าที่จำได้เธอบอกว่า เธอฝึกเล่าเรื่องที่อ่านให้เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวฟังด้วย เล่าได้อย่างละเอียดลออเรียงลำดับเหตุการณ์ตามหนังสือเดี๊ยะเลย ทำได้อย่างไรเธอบอกว่าเธอไม่รู้หรอก

 

 

ตอนเรียนม.ต้นเธอใช้วิธีเรียนเดิมๆบวกกับลองเรียนไปล่วงหน้า ลองเรียนนะไม่ใช่เรียนพิเศษดอกนะ หากแต่แอบเอาแบบฝึกหัดที่ลูกผู้พี่เขาเรียนมาก่อน มาหัดทำหาคำตอบไปก่อนเรียน เรียนๆไปอย่างนี้มันสนุก ตามติดครูได้ไม่ห่างเหิน ไม่รู้อะไรก็มีเฉลยแทนครูอยู่ที่บ้านแล้วนี่นา

 

จนเมื่อมาเรียนม.ปลายที่นี่ มีวิชาใหม่ที่ต้องเรียนเพิ่มมาก เป็นวิชาที่ไม่เคยเรียนมา เป็นวิชาที่จะผ่อนท่องไม่ได้ สาวน้อยได้เปลี่ยนวิธีเรียนโดยการอ่านติวตัวเองด้วยข้อสอบยังใช้แต่เพิ่มมาด้วยการหาหนังสือติวมาอ่าน วิชาสำคัญๆนะอ่านแล้วก็ลองมองลองถอดหาเคล็ดมา ได้เคล็ดแล้วก็เอามาทดสอบดู ใช้ได้ตลอดมั๊ยนะเคล็ดวิชา

 

เธอเล่าฉันว่าวิชาเคมีนั้นเธอชอบ วิชานี้ครูที่สอนสะสวยผิวขาวหน้าผ่องทาปากแดง ได้เห็นทีไรสดชื่นดี ที่ชอบวิชานี้นะไม่ใช่ครูหรอก ชอบด้วยมันทำให้ได้ลอง เธอลองถอดรหัสจากตารางธาตุ แล้วก็ได้คิดวิธีเข้าสมการเคมีได้เคล็ดลับออกมาใช้ว่าแค่จำวาเลนซีธาตุเท่านั้น ข้อสอบจะออกยากอย่างไร สามารถทำผ่านฉลุยได้หมดเลย เธอบอกว่าหากตอนนี้ฉันให้เธอกลับไปทำข้อสอบใหม่ เธอไม่สามารถทำได้เหมือนเดิมแล้ว ด้วยเดี๋ยวนี้มันมีอะไรที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าตอนเธอเรียน

 

วิชาที่ยากเธอว่าคือวิชากลศาสตร์ที่ครูสอนนะชอบเรื่องธรรมะธรรมโม เธอจำได้ว่าเวลาสอน ครูเขายืนชิดกระดานแล้วหลับตา พูดไปสอนไปเรื่อยๆของครู พุดไปขณะที่หลับตานะแหละ เวลายืนครูก็ยืนกุมเป้าซึ่งไม่ใช่ท่าเหมือนไมเคิล แจ๊กสันนะ เพื่อนเธอที่เรียนนะมีคนที่ตั้งใจเรียนแม้ครูจะไม่ชวนจูงใจให้เรียน ส่วนเธอนั้นเรียนเซ็งๆวิชานี้เรียนทีไรรู้สึกไม่เร้าใจเอาเสียเลย  ก็ไม่รู้เหตุผลนี้หรือเปล่าที่ทำให้เธอเรียนไม่สนุก ที่แน่ๆเธอว่าเธอเรียนมันไม่ใคร่รู้เรื่องเท่าไร  แต่มันเป็นวิชาหลักที่ต้องใช้สอบเอ็นด้วยซิ เธอจำเป็นต้องเรียนมันให้รู้เรื่อง เธอจึงเรียนเองเพิ่มที่บ้านโดยใช้ตำราเรียนโรงเรียนอื่นที่ขวนขวายหามา มาฝึกเรียนฝึกทำจนรู้เรื่อง

 

บทเรียนจากชีวิตจริง

 

คนเรารู้จักความเครียดมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เมื่อเอาแต่เรียน

 

การเล่นของเด็กคือวิธีระบายความเครียด

 

ไม่ต้องมีคนสอน ได้เล่นปนเรียน หรือเล่นอย่างเดียว เด็กเขาก็มีความรู้ของเขาอยู่นะ เป็นความรู้ที่ผู้ใหญ่บางคนอาจจะไม่เคยรู้เลยก็ได้

 

การมีคนบอกนะดีตรงที่มีคนคอยบอกทิศทางให้รู้ว่าเป็นทิศอะไร เพื่อเด็กจะได้คัดหางเสือให้ตรงทิศได้

 

วัยรุ่นนะเขามีเรื่องในใจของเขาเกี่ยวกับเพื่อนต่างเพศอยู่แบบของเขานะ ผู้ใหญ่ที่คิดว่า รู้ใจเขานะ คิดซะใหม่ ถามไถ่เขาให้บอกออกมาเองดีที่สุด ถ้าอยากจะช่วยเขาให้คัดหางเสือให้ถูกทิศ

 

เด็กซึ่งได้รับการเลี้ยงดูให้มีความมั่นคงในใจและได้รับการฝึกฝนให้ดูแลตนเองมาก่อนโดยผู้ใหญ่แค่ดูแลอยู่ห่างๆ จะมีวินัยต่อตัวเองและ รู้จักตัดสินใจอย่างมั่นใจ รู้จักไตร่ตรองใคร่ครวญ เมื่อเข้าวัยรุ่น

 

เรื่องต่างเพศที่วัยรุ่นเขาสนใจนะ ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายอย่างที่ผู้ใหญ่กลัวเขาพลาดไปซะทุกเรื่องหรอกนะ

 

เวลาพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ที่วัยรุ่นนับถือได้พบกับเพื่อนต่างเพศของเขา วัยรุ่นคนนั้นมีเรื่องลุ้นอยู่ในใจเขาอยู่นะ

 

บุคลิกของครูและความประทับใจที่เด็กมีต่อครู เป็นส่วนหนึ่งของแรงจูงใจที่ทำให้วัยรุ่นฟังครูและชอบการเรียน

 

โตเข้าวัยรุ่นเวลาของเด็กยิ่งมีน้อยลงกว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่กะเกณฑ์ให้เรียน เด็กจึงคิดและลงมือเป็นกบฏกับผู้ใหญ่เพื่อกู้เวลาส่วนตัวของเขาคืนมา

 

การที่วัยรุ่นเขาอายนะ เขามีความหวั่นไหวภายในใจอยู่มากเลยแหละ

 

 

Keywords :

 

เรียนไม่จำ อ่านหนังสือบ่อยๆ ฝึกสกัดเรื่องออกมาเล่าบ่อยๆ เดี๋ยวจำได้เอง เดี๋ยวเก่งเอง

 

พ่อแม่ ครู และผู้ใหญ่ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีของเด็ก คือ ส่วนหนึ่งของสาเหตุที่สร้างความเครียดให้กับเด็กทั้งเด็กเล็ก เด็กโต และวัยรุ่น

 

« « Prev : เจ้ามีที่มาอย่างไร(10)

Next : เสน่ห์เชียงรายในเฮ 6 » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 ธันวาคม 2008 เวลา 14:42

    อ่านแล้วรู้สึกว่า ชาวเฮฮาศาสตร์มีอะไรที่เหมือนๆกันอย่างที่น้องเบิร์ดเขียนถึง
    พี่ตาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ผมสังเกตเห็น เหมือนท่านรอกอด คือนอกจากเรียนที่โรงเรียนแล้ว ชอบเรียนด้วยตัวเองด้วย
    ผมเองก็ชอบอ่านเอง เวลาสงสัยก็หาคำตอบเอง หาไม่ได้ค่อยถามครู
    เอ..พวกเราเป็นอย่าวนี้ทุกคนหรือเปล่า น่าสงสัย อิอิ

  • #2 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 ธันวาคม 2008 เวลา 23:36

    เรียนเองแล้วมันได้คิด ได้วิเคราะห์ก่อนสรุปนะค่ะ เวลาคนอื่นบอกมามันจำแล้วลืมง่ายจัง คิดเองวิเคราะห์เองไว้ กลับจำไม่ลืมแปลกค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.060963869094849 sec
Sidebar: 0.11137914657593 sec