เจ้ามีที่มาอย่างไร(10)
อ่าน: 1309สาวน้อยเล่าให้ฟังว่า เธอไม่เคยเห็นพ่อและแม่มีปากมีเสียงกัน พ่อที่เธอเห็นเสมอเป็นคนใจดี หัวเราะง่าย ไม่เคยเห็นมีความโกรธเกรี้ยวมีอารมณ์กับใคร มีบ้างที่ดุลูกน้องด้วยเสียงดังให้ได้ยินแต่ก็น้อย มีน้ำใจกับคน ชอบนำของเล็กๆน้อยๆไปฝากให้ใครๆที่คิดถึงเสมอ ภาพที่เธอเล่าถึงแม่ ฉันเห็นเป็นผู้หญิงหน้าตางดงามที่เจ้าอารมณ์สักหน่อย ใจร้อนอยู่มากสักนิดแต่ก็ไม่เคยเห็นว่าเคยงอนหรือส่งเสียงเถียงพ่อให้เธอได้ยิน
การมาอยู่ในเหมืองช่วงปิดเทอมในปีหนึ่งทำให้สาวน้อยได้รู้เป็นครั้งแรกว่า พ่อและแม่เธอมีปากมีเสียงกันแล้ว ภาพที่เธอเห็นในคืนนั้นเป็นภาพแม่ที่ร้องไห้มีพ่อนั่งคุยเคียงคู่อยู่ใกล้ๆโดยทั้งสองไม่รู้ว่าเธอเห็นและได้ยินเสียงคุยกัน
วันที่เธอเล่าเรื่องให้ฉันฟังนั้น เธอบอกว่าแม่กลุ้มใจเรื่องอะไรจนมีปากมีเสียงกับพ่อนั้นเธอไม่รู้ เธอเดาว่าแม่มีเรื่องไม่สบายใจจากความเหนื่อยความเหงา ก็เหมืองที่แม่มาอยู่นี้ มันเป็นป่าดีๆนะเอง มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ เรือนกงสี ฝุ่นและทราย ไม่มีใครที่แม่สามารถบ่นปรับทุกข์อะไรได้เลย
เมื่อแม่มาอยู่ที่นี่ แม่เป็นคนลงมือทำทุกอย่างในการเตรียมเครื่องปรุงและทำกับข้าวเพื่อขายให้กับคนงานในเหมือง ตื่นแต่เช้าและไปจ่ายกับข้าวเองด้วย ไม่มีน้าสาวอยู่ช่วยด้วยนอกจากลูกจ้างแค่หนึ่งคน
เธอเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ เออนะ!ในช่วงนั้นมีหญิงสาวพี่น้องคู่หนึ่งที่พ่อแนะนำให้เธอรู้จัก หรือว่าความเหนื่อยและความเหงาทำให้แม่ระแวงพ่อว่าไปทำเจ้าชู้นอกใจกระมัง แหม!จะไม่ให้แม่ระแวงได้อย่างไร ก็พ่อนะมีเสน่ห์ตรงการพูดจาและมีน้ำใจ ใครๆจึงรักเมื่อชิดใกล้ ใครเข้าใกล้พ่อเธอแล้วไม่ชอบไม่รักนับว่าแปลกคนแน่จริงเชียว แล้วพ่อก็ชอบที่จะคุยกับผู้หญิงสวยด้วยซี
ระหว่างที่อยู่ในเหมือง นอกจากจะอยู่กับแม่และตามพ่อไปเที่ยวป่า สาวน้อยมีสิ่งที่เธอสนใจและขอนั่งเล่นกับมัน ใครเดาออกบ้างไหมว่ามันคืออะไรนะ คำตอบที่เธอบอกมามันคือพิมพ์ดีดค่ะ เธอบอกว่าเธอสนใจที่มีพี่เสมียนคนหนึ่งพิมพ์มันอย่างรัวเร็วและแรง ไม่นานสิ่งที่พิมพ์ก็เสร็จลงในพริบตา พี่เสมียนคนนี้เป็นหนุ่มหล่อที่มีอารมณ์ดีนักหนา ความชอบใจที่มีต่อสิ่งที่เห็นทำให้เธออยากลองทำบ้าง
ปีแรกๆที่ไปเธอลองมัน เธอนั่งจิ้มลองวางมือพิมพ์ตามที่เห็นพี่เขาทำ แต่ว่าวางมือพิมพ์สัมผัสไม่เป็นจึงลงเอยด้วยจิ้มๆทีละนิ้วไป จิ้มๆไปแล้วก็เกิดความสนุก ทุกปีที่เธอไปเยือนเหมือง เธอขอนั่งเล่นกับมันในตอนกลางคืนทุกคืน จิ้มดีดเล่นๆกับมันจนคล่องแป้น การจิ้มดีดๆเล่นๆนี้ทำให้เมื่อมีคอมฯใช้เธอไม่หนักใจอะไร สามารถใช้มันอย่างสบายอุราไปเลย
โรงเรียนใหม่ที่เธอย้ายมาเรียน เป็นโรงเรียนที่มีสองหลักสูตร เนื่องจากเมื่อเธอย้ายมาเป็นช่วงกลางของหลักสูตรไปแล้ว เธอจึงเลือกเรียนเองไม่ได้จำต้องเรียนตามที่ครูจัดให้เรียน หลักสูตรที่ครูจัดให้เป็นภาคคหกรรมศิลป์ ภาคเรียนแบบนี้นั้นนะไม่มีเรียนพิมพ์ดีดกับใครเขา วิชาพิมพ์ดีดที่ได้ติดตัวมาจึงมาจากเหมืองที่ให้เธอเรียน
เรื่องเด็ดที่โรงเรียนใหม่เป็นเรื่องของเพื่อนเธอค่ะ มีเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ให้ได้ยินเกี่ยวกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับตุ๊กตาญี่ปุ่นที่มีแก้มป่องสีแดงน่ารักน่าดู เพื่อนๆล้อเพื่อนคนนี้เรื่องจูจุ๊บๆอยู่เรื่อยๆ ตอนแรกสาวน้อยเธอไม่รู้ว่าเขาล้ออะไรกันอยู่ ต่อมามีเพื่อนเฉลยบอกความหมายของมันเธอจึงรู้
ที่แท้เพื่อนสาวคนนี้โดนครูชายรังแก ครูเขาจับเอาตัวเธอจูบแก้มแล้วมีคนไปเห็นเข้า ถูกจูบอีตอนไปส่งสมุดเลขให้ครูที่ห้องพักครู นับแต่รู้กันวันนั้นไม่มีใครยอมเข้าไปส่งสมุดเลขการบ้านที่โต๊ะครูโดยไปคนเดียวอีกเลย หัวหน้าเลยถึงคราวซวยจะต้องไปขนสมุดมาคนเดียว แต่ว่าหัวหน้าเขาฉลาดไม่ยอมพลาดหรอกหนาเพื่อนเอ๋ย เขาใช้อำนาจหัวหน้าสั่งเลยไปขนกันมาอย่ารีรอช้า
ฉันว่าวัยรุ่นสาวๆทุกยุคทุกสมัยมักคุยกันเรื่องวันนั้นของเดือน ในรุ่นของเธอก็ไม่พ้น ทุกคนคุยกันแต่เรื่องนี้ คุยโม้กันไปเรื่อยๆใครมาใครไม่มาใครมามาก เป็นเรื่องฮิตที่คุยได้ตลอดเวลา คุยกันได้คุยกันดีไม่เบื่อเลย เรื่องรองที่คุยกันนั้นไม่ใช่เรื่องหนุ่มในฝันหรอกนะ หากแต่เป็นเรื่องแบบว่านินทาครูชายหญิงกันมันไปเลย
เธอเรียนโรงเรียนหญิงจนจบมัธยมต้น แล้วไปต่อมัธยมปลายอีกที่ ตอนที่เธอจะจบมัธยมปีที่สามออกมานั้น เธอคุยกับพ่อแม่ว่าเธอขอเลือกเรียนมัธยมปลายสายวิทย์ด้วยเหตุว่าไม่ชอบเรียนภาษา ไม่ชอที่จะเรียนอักษรศาสตร์ เธอชอบวิชาคำนวณมากกว่าภาษาหลายเท่า เมื่อพ่อแม่เข้าใจ เธอก็เตรียมตัวสอบเข้าทันที
โรงเรียนที่ไปสอบเข้ามีแค่โรงเรียนเดียว เป็นโรงเรียนชายล้วนของจังหวัดที่เปิดรับนักเรียนหญิงเฉพาะม.ปลาย ทุกคนที่จะเรียนต่อม.ปลายสายวิทย์ในตอนนั้น ไม่ว่าจะจบที่ไหนต่างต้องสอบเข้าเหมือนกันหมด เด็กเก่าของโรงเรียนนั้นก็ต้องสอบเหมือนกับคนอื่น ความกลัวสอบเข้าไม่ได้ทำให้สาวน้อยใจหวั่นไหว พ่อแม่ดูเหมือนรู้ใจไปฝากฝังเพื่อนครูไว้ให้ พอเธอรู้เรื่องการฝากฝัง ของขึ้นในใจเธอเลยท่าน เธอตั้งใจเอาไว้จนมั่นจะสอบเข้าให้ได้ด้วยตัวเองไม่ให้ใครมาหมิ่นเชิงว่าเธอเข้ามาได้ด้วยพ่อแม่เล่นเส้นฝากครู
สอบไปสอบมาที่โรงเรียนนี้ ในวันฟังผลสอบทำเธออึ้ง เธอเอาดีจนสอบเข้าได้ที่หนึ่ง มีเสียงเอ่ยถามขึ้นว่านี่ใครกัน ชื่อนี้ที่เอาชนะกันไปได้ หันหน้าไปดูเธอไม่รู้จัก ตัวสูงร่างไม่ใหญ่นักใครกันหนา พูดจามีดีอยู่ไม่เบา ช่างมันไม่สนไม่รู้จัก และแล้วหนุ่มที่ฉันเอ่ยปากเล่าอยู่นี้ ต่อมาก็กลายเป็นกิ๊กของเธอค่ะ
บทเรียนจากชีวิตจริง
เด็กนะรักพ่อแม่ ไม่ต้องการเห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน แม้แต่เถียงกันเด็กก็ไม่สบายใจแล้วนะ
แม้จะเข้าวัยรุ่นแล้ว เมื่อพ่อแม่มีปัญหากันเรื่องชู้สาว เด็กก็ไม่เข้าใจหรอก
วัยรุ่นชอบลองทำอะไรที่ทำให้รู้สึกและสัมผัสถึงความเร็ว ความสนุก ชวนฝึกฝน ชวนตื่นเต้นนะ
วัยรุ่นนะเขาสอนเพศศึกษากันผ่านการคุยกัน เล่าสู่กันฟังนะ สิ่งที่เขาเอาเล่าสู่กันฟังก็เป็นประสบการณ์ที่เขาพบเห็นกับตานะเอง
Keywords :
แม้เด็กจะหวั่นไหวกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เขาเผชิญ เขาก็ยังยินดีที่จะลองเผชิญกับมัน เขาต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่แค่ “เข้าใจความรู้สึก” ของเขาและการยินยอมให้เขา”ลอง”เท่านั้น
« « Prev : เจ้ามีที่มาอย่างไร(9)
Next : เจ้ามีที่มาอย่างไร(11) » »
1 ความคิดเห็น
ผู้หญิงสวย ใครๆก็ชอบคุยด้วยครับ