เจ้ามีที่มาอย่างไร(9)
อ่าน: 1261หลังเรียนโรงเรียนเดิมต่อมัธยมต้นครบหนึ่งปี ปีต่อมาสาวน้อยก็ย้ายไปเรียนต่อโรงเรียนรัฐซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงประจำจังหวัด เมื่อเธอย้ายไปเรียนโรงเรียนใหม่ได้ครบหนึ่งปี เธอก็ย้ายบ้านใหม่อีกครั้งหนึ่ง บ้านใหม่ที่ย้ายไปอยู่เป็นบ้านของป้าอีกคนผู้เป็นพี่สาวคนที่สองของพ่อ พี่ชายร่วมโลกของเธอก็ย้ายไปอยู่ด้วยกัน
เธอได้พำนักอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาสองปีเต็มๆ ในบ้านมีเด็กญาติๆไปอยู่ร่วมกันหลายคน เหตุที่ต้องย้ายบ้านอีกเป็นเพราะว่าพ่อมีงานใหม่ ลุงให้ไปเปิดเหมืองใหม่ให้ที่ระนอง แม่ตามพ่อไปด้วย เพื่อดูแลและหารายได้มาจุนเจือดูแลครอบครัว
วิถีที่เปลี่ยนในครั้งนี้เธอมีหน้าที่ช่วยโม่แป้งตอนเช้ามืดเพื่อเตรียมเอาไว้ให้ป้านำไปผสมเพื่อทำขนมอาโปงขายกัน งานอื่นที่ป้าให้ช่วยก็มีปัดกวาดดูแลบ้านร่วมไปกับลูกสาวของป้าคนสุดท้อง หน้าที่อื่นๆนั้นเช่น ตักน้ำ ซักผ้า รีดผ้าล้างจาน สารพัดงานบ้านทั้งหลายซึ่งเป็นกิจดูแลตัวเองให้พร้อมป้ามอบให้ลองทำเอาเอง
การย้ายมาอาศัยอยู่บ้านป้า ทำให้เธอได้รู้เรื่องราวของพ่อเพิ่ม ได้รู้จักว่าพี่น้องพ่อนั้นใครเป็นใคร ไล่เรียงศักดิ์ญาติอย่างไรกันอยู่ เป็นเรื่องใหม่ที่เธอเรียนรู้ นับญาติแล้วเธอร้องโอ้โฮ ตระกูลพ่อตระกูลใหญ่ญาติเยอะจริงจำกันไม่หวาดไม่ไหวเลยสำหรับเด็กวัยขนาดเธอ เมื่อต้องใช้ก็ต้องฝึกแล้วละนี่ เธอจึงฝึกเรียงเรียกลำดับศักดิ์จากของจริง ทั้งเรียงแบบไทยๆและแบบจีนเรียนรู้ไปพร้อมๆกันทีเดียว เธอว่ารู้เรื่องดีกว่าอีตอนครูสอนเชียวว่า ใครเป็นใครสายตรงสายข้างของพ่อเธอ ตั้งแต่นั้นมาเธอไม่หลง นับญาติถูกต้องไม่ต้องท่องไม่ต้องมั่วเลย
ชีวิตในโรงเรียนที่เธอย้ายไปมีเรื่องใหม่ให้เธอได้เรียนรู้ ได้รู้จักครูดีที่เป็นศรี ครูดีที่บอกอยู่นี้เป็นเพื่อนดีที่เธอมีอยู่ จำนวนเจ็ดคนพอดีๆที่ชักชี้จนมาอยู่ร่วมแก๊งค์กัน ส่วนครูจริงนั้นคอยปลูกฝังให้เรียนไปตามใจครูอยาก สิ่งที่เรียนกันอยู่ตอนนั้นเรียนไปตามแก่นครูว่า จำๆท่องบ่นกันเอาไม่สนเคล็ดลับการเรียน อาศัยแต่ความจำดีที่มีอยู่ เรียนรู้จำท่องบ่นง่าย มีสอบทีไรเธอยังคว้าอันดับต้นของห้องมาครองอยู่ได้ การไปโรงเรียนของเธอ ป้าอนุญาตให้ถีบจักรยานไปเองได้ ขอไว้แต่สัญญาว่าให้กลับบ้านกลับช่องตรงเวลาหน่อย
สาวน้อยได้เพื่อนใหม่คนหนึ่ง เป็นสาวหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก เป็นผู้ที่ครอบครัวมีฐานะ พอเหมาะพอควรไม่จน เพื่อนใหม่คนนี้ของเธอเป็นผู้สอนให้เธอขับขี่รถมอเตอร์ไซด์จนเป็น แอบหัดแอบขี่กันไปเมื่อมีโอกาสและว่างจากกิจกรรมที่โรงเรียนให้ในวันหยุดที่โรงเรียนนัดไปนะเอง เมื่อเอ่ยถึงเพื่อนคนนี้ สาวน้อยเธอบอกฉันว่า เธอสุดแสนเสียดายชีวิตที่เสียลงไปของเพื่อน มันเกิดขึ้นขณะเธอเรียนอยู่มัธยมปลาย มะเร็งร้ายคือเหตุที่คร่าชีวิตเพื่อนของเธอจากไปค่ะ
ณ ที่เรียนรู้แห่งใหม่ เธอได้เพื่อนใหม่มาเจ็ดคน แต่ละคนมีดีต่างๆกัน ดีที่มีกันอยู่นั้นได้มาเสริมกันและกันให้มั่นคง การยอมรับข้อต่างในกันและกัน ทำให้ความเป็นเพื่อนระหว่างกันอยู่ยาวนานจนกระทั่งเติบใหญ่มีครอบครัวใหญ่กันเองแล้วค่ะ
เมื่อเรียนอยู่ที่ใหม่แห่งนี้ เป็นเวลาปีกว่าเห็นจะได้ พ่อและแม่เสร็จสิ้นการงาน ก็ให้เธอย้ายกลับบ้านได้อีกครั้ง คราวนี้เวลาปิดเทอม แม่พาเธอและพี่ไปไกลกว่า จากเดิมไปแค่ตะกั่วป่าคราวนี้หนาไปไกลถึงระนอง ไปแล้วก็มีชีวิตที่แปลกไปไม่มีเพื่อนเล่นสักคนเลยหนา ใช้ชีวิตอยู่กับบรรดาคนทำงานที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายหนุ่มแก่
สาวน้อยเธอจำได้ว่าพ่อแม่อาจหาญนักหนา ยอมให้เธอนอนอยู่ในกงสีที่ไม่มีห้องหับมิดชิด เดินเฉียดเดินสะกิดได้ทั้งนั้น แม้แต่การตามไปเข้าป่าเมื่อพ่อไปทำงานขุดหลุมขุดแร่มาดู พ่อก็กล้าพาไปด้วยกันกับลูกน้องผู้ชายเป็นโหล ฉันฟังแล้วนึกเสียววาบ พ่อเธอนั้นกระไรหนามีใจประมาทจริงนา ดูเหมือนในอุราไม่มีวิตกระแวงภัยที่จะเกิดกับลูกสาวอยู่เลย ฉันนั้นนึกฉงน คิดไปว่ารึว่าพ่อแม่สาวน้อยมีอะไรที่รับสารได้ จึงเชื่อใจคนที่ทำงานด้วยว่าเป็นคนดีไว้ใจได้จึงยอมให้ลูกสาวของตัวนั้นไปคลุกคลีโดยไม่กลัวภัยที่จะมาแผ้วพาน
ปิดเทอมชีวิตในเหมือง สนุกสนานด้วยการได้อยู่กับธรรมชาติ ปลูกผักสวนครัวข้างบ้าน ช่วยแม่ทำครัวทำอาหาร ล้างจาน ล้างถ้วยกันไป ตามพ่อเข้าไปในป่าก็ถูกปล่อยเดี่ยวเอาไว้ห่างจุดที่พ่อทำงานกับทีม น่าแปลกที่เธอบอกว่าแรกๆที่เข้าไปถึงป่า เธอกลัวความเงียบที่มีจนมีเสียงคนทำงานแว่วมาเธอจึงไม่กลัวอีกต่อไป ความกลัวจะหลงทางก็ดีไม่เคยเกิดในความคิดเธอเลยหนา ด้วยเหตุที่เธอเชื่อมั่นว่าเมื่อมีภัยก็มีคนช่วยเธอได้ทัน สาวน้อยทำหน้าที่หาผักจับปลาเล็กปลาน้อยในธารน้ำเล็กๆมาเพื่อทำอาหารไว้กินด้วยกัน นั่นเป็นภาพสนุกสนานของเธอที่ฉันกำลังเห็นจากคำบอกเล่าของเธออยู่ค่ะ
บทเรียนจากชีวิตจริง
เด็กทำอะไรเป็นด้วยตัวเองได้ ก็ต่อเมื่อมีหน้าที่มอบให้ทำ ให้รับผิดชอบ
การได้ลงมือรับผิดชอบในเรื่องวิถีปกติที่จำเป็นสำหรับเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้อยู่รอด ทำให้เด็กมีทักษะติดตัวในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องการกิน การอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร
เด็กวัยรุ่นนะมีธรรมชาติของเขาในการเลือกเพื่อนเป็นครู
เด็กวัยรุ่นเรียนรู้จากกันและกันในโรงเรียนและต่อยอดมาสู่การเรียนรู้จากกันและกันในการใช้ชีวิตตามวิถีของเขา
อิสรภาพและการยอมรับจากเพื่อนต่อความเป็นเขาคือเรื่องสำคัญที่เด็กวัยรุ่นใช้ในการเลือกเพื่อนสนิท
เมื่อเด็กผ่านชีวิตเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว เด็กจะไม่ใช้ผู้ใหญ่เป็นแบบอย่างของการเรียนรู้อีกต่อไป
การเรียนรู้ของเด็กวัยรุ่นจะกว้างจะแคบแค่ไหน มีผู้ใหญ่คู่เดียวที่จะบอกได้ ผู้ใหญ่คู่นั้น คือ พ่อและแม่ของเด็กนะเอง
เด็กวัยรุ่นยังรู้สึกว่ามีความมั่นคงมั่นใจเสมอ เมื่อความเชื่อมั่นที่เขามีต่อพ่อและแม่ยังมั่นคงอยู่
Keywords :
พ่อและแม่มักจะไม่รู้ตัวว่าตนเองได้ตราตรึงความมั่นคงและความหวั่นไหวในใจไว้ให้ลูกวัยรุ่น ความตราตรึงในใจเหล่านี้เป็นบทเรียนรู้ที่วัยรุ่นนั้นฝังใจกับมันจนเติบใหญ่ ผู้คลายความหวั่นไหวซึ่งฝังใจอยู่ให้หมดไปได้มีแต่เด็กวัยรุ่นที่เติบใหญ่ขึ้นมาคนนั้นเท่านั้นที่คลี่คลายมันได้
« « Prev : เจ้ามีที่มาอย่างไร(8)
Next : เจ้ามีที่มาอย่างไร(10) » »
1 ความคิดเห็น
อุตลุดจริงๆ ยิ่งกว่าหนังเมืองแร่