เจ้ามีที่มาอย่างไร(6)
อ่าน: 1971จำได้ว่าตอนก่อน ฉันเล่าว่าเด็กน้อยระอากับความรู้สึกถูกเปรียบเทียบ อันที่จริงเธอได้บอกไว้ด้วยว่า แม้เธอระอาที่แม่ชอบเปรียบเทียบเธอกับลูกบ้านอื่นเธอรับรู้และสัมผัสได้ว่าที่แม่เปรียบเทียบอย่างนั้นเพราะแม่รักอยากให้เธอได้ดี แต่แม่ไม่รู้เอ่ยบอกอย่างไรสอนอย่างไรให้เธอเข้าใจได้ แม่เลยใช้สไตล์ที่ครูมักใช้ในการสอนมาใช้กับลูก อ้าว!ลืมไปแล้วหรือไรว่าแม่ของเด็กน้อย เอ๊ย! สาวน้อย เป็นอดีตครูคนหนึ่งที่ลือชื่อในสมัยนั้น
เหตุผลที่แม่ของสาวน้อยมีชื่อดังเป็นเพราะฝีมือและฝีปากค่ะ ฝีมือนั้นเป็นเรื่องการเย็บปักถักร้อย ประดิษฐ์ ประดอย แกะสลักทั้งหลายเป็นเลิศไม่รองใคร ที่ไหนมีงานต้องการใช้ดอกไม้สดประดิษฐ์โดยใช้ฝีมือเย็บจัดให้สวยงาม ที่นั่นปรากฏเงาแม่ของเธอเสมอ
ฝีมืออีกด้านที่น่าทึ่งสำหรับคนเมืองกรุงก็คือ ด้วยความรู้แค่ป.4 ที่ไม่เคยเรียนเรื่องการตัดเสื้อผ้าจากโรงเรียนดังที่ไหนเธอสามารถตัดเสื้อผ้าได้สวยงาม พลิกแพลงแบบโดยไม่ต้องสร้างแบบเลยละ วัดตัวแล้วตัดเย็บเอาสดๆยังงั้นเชียว หรือหากไม่ได้วัดตัวไว้ ขอแค่ตัวอย่างชุดที่ใส่พอดีๆสักชุด เดี๋ยวก็ได้ชุดที่สวยงามใส่ได้เลย แบบรึไม่ต้องดูแคตตาลอก แค่บอกว่าอยากได้สวยๆเดี๋ยวได้มา
ฝีปากแม่อยู่ที่เสน่ห์ความช่างเจรจา เพื่อนๆแม่เอ่ยเล่าให้ได้ยินว่าหากจะไปกรุงเทพฯโดยการขับรถไป-กลับ ถ้ามีแม่นั่งไปด้วยละก็คนขับไม่มีหลับในเลย ใครที่ขับรถคนเดียวจะนึกถึงแม่เสมอ เวลามีงานการที่ไหนหากว่ามีแม่ไปอยู่ตรงนั้นด้วย ความมีชีวิตชีวาเกิดขึ้นมาทันที ฉันวาดภาพแม่ที่สาวน้อยเล่าให้ฟังแล้ว ความเข้าใจเกิดขึ้นทันทีว่าทำไมเวลาสาวน้อยเป็นคนพูดน้อยที่สุดเมื่ออยู่ในหมู่เพื่อน แหม! ก็แม่เธอฝึกทักษะการฟังให้เธอซะจนคุ้นชิน
เรื่องที่สาวน้อยเล่ามาแล้วดูเหมือนมีเรื่องดีๆที่ฟังแล้วมีความสุขซะนัก น่าฉงนใจอยู่นะค่ะว่า เอ! แล้วในครอบครัวเธอไม่มีเรื่องทุกข์เศร้าเอาซะเลยรึยังไง เธอตอบกับฉันว่า มีอยู่หรอกเรื่องทุกข์นะน่ะ เพียงแต่ว่าเธอคิดว่ามันเป็นอดีตไปแล้ว เธอไม่ทุกข์กับมันแล้วเพราะว่าไปแก้อะไรมันไม่ได้ ทุกข์แล้วไม่ได้อะไรขึ้นมาเลยนี่ เธอบอกว่าเรื่องราวที่เธอเล่าในบางเรื่องนั้น ตอนที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเธอไม่ได้รู้สึกดีอย่างที่กำลังเล่าให้ฟังเท่าไร มันมีความสับสนในใจหลายอย่างเกิดขึ้นกับเธอมากมายตอนที่มีเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น
เรื่องหนึ่งที่เธอรู้ตัวว่าเป็นความเปราะบางที่ติดตัวมันจนเติบใหญ่เป็นเรื่องของการต้องเผชิญอารมณ์ของผู้ใหญ่ในหลายๆรูปแบบ เพื่อนแม่ภรรยาคุณหมอที่เล่าไว้เป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจเลือกวิถี เพื่อนแม่เมียคุณหมอคนนี้ซึ่งเธอเรียกว่าคุณป้า ดูเหมือนเอ็นดูเธอไม่เบาเมื่อเธอเข้าไปชิดใกล้ เธอได้ไปมาหาสู่ครอบครัวนี้เป็นประจำจนกระทั่งวันหนึ่งเธอไปได้ยินคำพูดที่คุณป้าพูดให้ได้ยินว่า เหตุผลที่ต้อนรับเธอนั้นเป็นเพราะว่าลูกสาวป้าดูดีเมื่อมีเธอด้วย เธอเริ่มสัมผัสว่าผู้ใหญ่ที่เธอนับถือไม่จริงใจกับเธอ มันมีคำตัดสินในใจเธอเกี่ยวกับวิถีของเธอเกิดขึ้นนับแต่บัดนั้น ความไม่ชอบความคิดของผู้ใหญ่ที่มีต่อเธอทำให้สาวน้อยใคร่ครวญไตร่ตรองเรื่องการวางระยะห่างในความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่บางคนที่มีลักษณะเฉพาะตัว ติดมาจนโต
คุณป้าคือคนที่นำโอกาสมาให้เธอได้สัมผัสและเรียนรู้สังคมไฮโซ คุณป้าพาเพื่อนและเธอไปร่วมงานราตรีแห่งหนึ่งซึ่งจัดขึ้นที่หอประชุมใหญ่ของจังหวัด งานราตรีนี้คืองานแรกที่เธอได้รู้เห็นรูปแบบของงานเต้นรำ-งานเลี้ยงกลางคืน
ฉันเห็นภาพของสาวน้อยที่มีความตื่นเต้นกับการเตรียมเสื้อผ้าในวันก่อนไปงาน ตามมาด้วยภาพเธอใส่ชุดแสคสีเหลืองกำลังห่อเหี่ยวด้วยความรู้สึกแย่ๆอยู่ในงาน ความรู้สึกแย่ในคืนนั้นเกิดจากความไม่มั่นใจในเครื่องแต่งตัวของตัวเองจากคำพูดทักทายที่ไม่จริงใจของผู้ใหญ่ที่ไปร่วมงาน ความไม่คุ้นเคยกับการแต่งตัวด้วยชุดแสคทำให้ไม่มั่นใจ การไม่รู้จักท่าเต้นระบำ-เต้นรำจังหวะยอดฮิต ชะ-ชะ-ช่า ที่ใครๆสนุกกัน แม้แต่เพื่อนสาวของเธอ ทำให้เธอเบื่อตัวเอง
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าความรู้สึกแย่ๆในคืนนั้นมันติดหลอนความรู้สึกเธอมาจนโต มิน่าเมื่อเธอไปงานกลางคืนเมื่อไหร่ เธอจึงไม่มั่นใจตัวเองเอาซะเลย ยิ่งถ้าเป็นงานที่มีการเต้นรำด้วยละก็ เธอจะหนีหน้าเมื่อจังหวะชะ-ชะ-ช่าดังขึ้น วันนี้ได้รู้เรื่องนี้ ฉันไม่แปลกใจแล้วค่ะว่าทำไมเธอจึงไม่เคยเต้นรำจังหวะชะ-ชะ-ช่าได้เลย แม้ว่าจะมีครูเก่งอย่างไรมาฝึกเธอจนทำให้เธอเต้นเป็นหลายรอบมาแล้ว มันกลายเป็นเรื่องเต้นเป็นเธอก็ลืมเป็นทุกทีไปละน่า เหลือไว้แต่สถานภาพ “เคยเต้นได้” อยู่ร่ำไปจนบัดนาว
บทเรียนรู้จากชีวิตจริง
ความไม่มั่นใจของเด็ก เป็นตัวปิดกั้นการเรียนรู้ที่สำคัญที่ติดตัวมาจนโต โดยเจ้าตัวก็ไม่รู้ การปิดกั้นที่เกิดแล้วนี้แก้ยากมากนะ
การมีฝีมือที่งดงามได้มาจากการลงมือทำบ่อยๆซ้ำๆจนเกิดจินตนาการและแรงบันดาลใจ
ความไม่จริงใจของผู้ใหญ่รอบข้างมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก และทำให้เด็กตัดสินใจตัดเสื้อที่มองไม่เห็นคลุมกาย อันเป็นเสื้อที่ความจริงแล้วผู้ใหญ่ก็ไม่ปรารถนาจะให้เกิดขึ้นหรอก
Keywords:
อดีตเป็นบทเรียนที่ทำให้เข้าใจความเป็นมาแห่งตน อดีตเป็นบทเรียนได้ก็ต่อเมื่อรู้จักใช้มันเชื่อมโยงเข้ากับวิถีของตน เชื่อมโยงได้แล้วจะได้คำตอบเรื่อง “ทุกข์ในใจ” “ทักษะที่ฝึกยาก-ยากมากของตน” เมื่อเข้าใจวิถีแห่งตนแล้ว ทุกข์ที่เคยให้ค่าจะด้อยค่าลงทันทีและจะไร้ค่าในที่สุด แล้วความสุขที่เกิดจากความเข้าใจจะหวนเข้ามาทดแทนทันทีเช่นกัน
« « Prev : เจ้ามีที่มาอย่างไร(5)
Next : เจ้ามีที่มาอย่างไร(7) » »
1 ความคิดเห็น
พี่ตาคะ มาหวัดดีเช้ามืดค่ะ
รอตอนที่ 7 อิอิ