เจ้ามีที่มาอย่างไร(7)

โดย สาวตา เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2008 เวลา 22:22 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1345
ฉันรู้มาว่าพ่อและแม่ของสาวน้อยหวงลูกสาวไม่น้อย จึงมีกรอบที่พ่อแม่กำหนดไว้หลายประเด็น สาวน้อยเดินออกนอกกรอบเมื่อไรเป็นโดน ส่วนมากเธอโดนจากแม่มากกว่าพ่อ ส่วนที่โดนจากพ่อนั้นมีน้อยกว่าน้อยมีสองเรื่องแค่นั้นเอง มีเรื่องหนึ่งที่โดนจากพ่อและแม่ คือ การเที่ยวเร่กินข้าวบ้านคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตที่เธอนั้นเผลอทำนอกกรอบที่กำหนดไว้  

เรื่องนี้ทำให้เธอดังไปทั่วตลาด ผู้ใหญ่เขาเอาเรื่องไปเล่าต่อกันสนั่นเมืองเสมือนเป็นวีรกรรม เธอโดนพ่อแม่เฉ่งปี๋ซะจนไม่กล้าทำเช่นนั้นอีกเลย ก็คนสมัยนั้นนะเขากลัวขี้ปากชาวบ้านกันเสียยิ่งนัก ด้วยว่าเป็นแล้วมันดังไปทั้งบางรู้คนเขากันทั่วหน้าเลย ฉันว่าถ้าเป็นสมัยนี้ผู้คนเขาจะไม่กลัวเรื่องดัง ไม่ต้องเสียเงินโฆษณาซักกะบาทมันดังได้ดังดีเลยหนา จะกลัวไปทำไมให้เสียท่าเสียที รีบทำเร็วรี่ไม่ดีกว่าฤา

 

มีวันหนึ่งเธอเล่นซนทั้งที่เธอเป็นสาวแล้ว เอาเรือในบึงที่อยู่หน้าบ้าน ลงไปถ่อลงไปพายเล่นกับเพื่อนชายเพื่อนบ้าน ทั้งๆที่พ่อแม่มีกรอบห้ามเล่นน้ำ ห้ามลงเรือโดยไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย เหตุที่ห้ามเพราะในสมัยนั้น ทุกปีมีคนจมน้ำตายอยู่เป็นนิจจากการนั่งเรือ ทำให้ผู้ที่มีลูกหลานอยู่ใกล้ชิดกลัวลานกับการให้เด็กๆได้เล่นน้ำ ว่ายน้ำ พายเรือ

 

ระหว่างที่วัยรุ่นหนุ่มสาวทั้งสองคนกำลังสนุกกับการพายเรือเล่น พ่อเธอก็บึ่งมอเตอร์ไซด์ผ่านเข้ามา เธอเหลือบเห็นแล้วเข้าข้างตัวเองว่าพ่อน่าจะไม่ทันได้มองเห็น รีบจ้ำพายพาเรือเข้าฝั่งในทันที วินาทีที่หัวเรือเทียบฝั่งนั้น รถของพ่อจอดลงตรงหน้าบ้านพอดี

 

พ่อแกล้งทำเป็นไม่รู้ เดินก้าวเท้าเข้าบ้านไปเฉยๆ สาวน้อยทรามเชยเธอย่องเดินเข้าบ้าน ไปนั่งเล่นแกว่งขาไม่รู้ไม่ชี้อยู่ที่เตียงไม้ไผ่หน้าบ้าน จู่ๆพ่อก็เดินออกมาให้สะดุ้ง แล้วถามว่าหนูรู้ตัวว่าทำอะไรผิดลงไปรึเปล่า สาวน้อยใจเต้นตึกๆๆๆตอบว่ารู้ผิดอยู่หรอกค่ะพ่อขา พ่อถามเธอกลับไปว่ารู้ผิดแล้วให้พ่อลงโทษอย่างไร สาวน้อยตอบว่าตีด้วยไม้ พ่อถามใหม่ว่าตียังไง ตีเท่าไร สาวน้อยกลั้นใจตอบว่า ขอตีทีเดียวนะพ่อ พ่อยิ้มแล้วตอบเธอว่า ได้เลย จะให้ตีด้วยไม้อะไรไปหามา

 

สาวน้อยวิ่งเข้าไปภายในบ้าน หยิบเอาบรรทัดไม้อันยาวใหญ่ติดมือมายื่นให้กับพ่อทันควัน พ่อถามเธอว่าให้พ่อตีที่ตรงไหน เธอยื่นมือไปแล้วหลับตา เผียะ! เสียงดังก้องในหู สาวน้อยสะดุ้งทั้งตัว โอย โอ๊ย! เจ็บจังพ่อจ๋า น้ำตาไม่ไหลหรอกนะค่ะ ไม่ใช่ว่ามันไม่เจ็บนะค่ะ มันเจ็บ เจ็บมากเลยหละ ไม่มีน้ำตาไหล เพราะว่าเธอมีความสุขกับการที่พ่อยอมรับ ยอมรับให้เธอได้ตัดสินความผิดตัวเองค่ะ

 

แม่ของสาวน้อยต่างจากพ่อตีเธอบ่อยๆโดยไม่บอก เหตุผลที่ถูกตีเธอมักไม่รู้ แม่ตีเผียะลงทันทีไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่ตีด้วยฝ่ามือนี้แหละค่ะ เวลาเข้าใกล้แม่ เธอเสียววาบไม่อยากเข้าใกล้แม่เท่าไรเลย ไม่เหมือนความรู้สึกเมื่ออยู่ใกล้พ่อ เธอมีความสุขเป็นนักหนา นอนจิ้มพุงอ้วนๆของพ่อเล่นสบาย จ้ำจี้รักแร้พ่อบ่อยๆไป

 

กิจกรรมอย่างนี้กับแม่ เธอไม่เคยมีไม่เคยทำเลยหนา สาวน้อยจำได้ว่าแม่ไม่เคยกอดเธอเลยเมื่อเข้าใกล้ การเข้าใกล้แม่แต่ละทีมีแต่เรื่องไม่ถูกตำหนิก็ถูกตีไม่ทันรู้ตัว หรือไม่ก็ถูกใช้ให้ทำงานบ้านตามคำสั่งซะมากกว่า แม่มักจะใช้เธอเมื่อเห็นเธอกำลังมันกับหนังสือ แต่พ่อไม่เคยทำกับเธอหากว่าเห็นเธอกำลังอ่านมัน

 

ฉันวาดภาพแม่ของสาวน้อยจากคำบอกเล่าของเธอ เห็นภาพแม่ที่เป็นคนสวย ไม่สำรายหรอกนะค่ะท่าน หน้าตาสวยหวานตาโตชวนชม ผมดัดทันสมัยดูไม่เบา ผมสลวยระต้นคอสั้นไม่มาก ใส่ตุ้มหูเจาะหนีบสวยงาม หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แต่งหน้าแต่งตัวสวยเสมอเวลาออกนอกบ้านไม่เคยโทรมให้เห็น ชอบนุ่งผ้าถุงปาเต๊ะใส่เสื้อผ้าลูกไม้สวยงาม แม่ชอบพาเธอไปบ้านเพื่อนแม่ที่เป็นเศรษฐี บ้านเพื่อนเหล่านี้เขามีวงไพ่เล่นแก้เซ็งบ่อยๆ นานๆจึงจะเป็นไปเพื่อทำอาหารกินกันให้ตื่นใจ

 

ฉันเดาว่าศรัทธาที่สาวน้อยมีต่อพ่อแม่และเพื่อนแม่ทั้งหลายน่าจะเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เมื่อสาวน้อยโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เธอฝังใจไม่ศรัทธาผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวสวย รู้สึกระแวงภัยทุกครั้งที่เข้าใกล้ ความระแวงและปฏิเสธที่ฝังลึกอยู่ในใจของเธอ ผลักดันให้เธอไม่รังเกียจหญิงชายที่แต่งตัวธรรมดาไม่สวยหรือเซอร์ๆ ไม่เข้าใกล้ผู้หญิงที่แต่งสวยหรือไฮโซโดยไม่จำเป็น

 

วัยสาวแรกรุ่นนี่แหละที่เธอรู้จักคำว่าหนี้เป้นครั้งแรก มันทำให้เธอรู้จักอดกลั้นอดทนและศรัทธาต่อพ่อยิ่งขึ้น สายตาเธอที่เฝ้าดูพ่ออยู่เสมอมา ทำให้เธอรู้ว่าพ่อเก็บเงินไว้ที่ไหนอย่างไร อยู่มาวันหนึ่งเธออยากทำให้เพื่อนทึ่งว่าเธอมีเงินค่าขนมเยอะๆเหมือนเขา เธอแอบล้วงกระเป๋าเสื้อของพ่อตอนพ่อหลับ ย่องเข้าไปขโมยเงินพ่อออกมางุบงิบเก็บไว้ ทำไปไม่กี่ครั้งเธอเลิกเพราะละอายใจตัวเองกับสิ่งที่ทำ เธอจำได้ว่าไม่มีใครสอนเธอหรอก ที่มันหยุดทันทีด้วยเธอรู้สึกพิกลในใจของเธอเอง

 

ถ้าไม่นับโต๊ะกินข้าวในครัวด้วยละก็ ทั้งบ้านเธอมีโต๊ะตัวเดียวไว้ให้ใช้ ใครมีงานก็ทำงานโดยใช้โต๊ะนี้ร่วมกัน เวลานั้นพ่อของเธอทำงานให้ลุง พ่อมักนั่งวาดแผนที่ มีกระดาษวางเต็มไปหมด เธอและพี่มักมานั่งทำงานพร้อมกับพ่อ สามคนพ่อลูกอยู่ด้วยกันทำงานทำการบ้านอย่างมีความสุขทีเดียว

 

ในวันหนึ่งแม่สั่งเธอให้เก็บโต๊ะให้เรียบร้อย ระหว่างเก็บเธอเผอิญกวาดตาไปเห็นจดหมายจากธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งวางไว้ เธออยากรู้หยิบมาดูอ่านแล้วใจหายวาบ โอ! นี่พ่อเธอมีหนี้ก้อนโตขนาดนี้หรือ วิชาคณิตศาสตร์ที่เรียนทำให้รู้ก้อนหนี้มันใหญ่โตน่าห่วงนัก

 

นับแต่รู้เรื่องหนี้เป็นต้นมา เธอเข้าใจทันทีว่า เหตุใดพ่อจึงยอมใช้มอเตอร์ไซด์เก่าๆบุโรทั่ง ใครว่าพ่ออย่างไรก็ช่างเขา พ่อไม่สนใจคำใครให้กลุ้มหรอก

 

บทเรียนรู้จากชีวิตจริง

พึงระวังคอยดูแลเด็กวัยรุ่นที่ซนๆและไม่ใคร่มีสังคมกับเพศตรงข้าม ด้วยใจที่บริสุทธิ์เด็กวัยรุ่นเช่นนี้ไม่ทันแยกแยะความแตกต่างระหว่างหญิงและชายเมื่อมีกิจกรรมร่วมกัน

 

คำชื่นชม ตำหนิที่มีต่อเด็กวัยรุ่น ล้วนมีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อความรู้สึกของเขา มันปลูกฝังความกลัว ความกล้าให้ติดตัวไปจนโต

 

เมื่อเด็กย่างก้าวสู่วัยรุ่น ใช่แต่แม่เป็นคนสำคัญ พ่อนั้นก็สำคัญ ความสัมพันธ์อันอบอุ่นที่ได้รับสม่ำเสมอจากพ่อ มีอิทธิพลต่อความมั่นคงทางใจอย่างสูงยิ่งของเด็กวัยรุ่น

 

เด็กซึ่งผ่านชีวิตที่มีผู้ใหญ่ซึ่งมีความรับผิดชอบเป็นแม่แบบนะ เขามีความรับผิดชอบฝังลึกอยู่ในตัว เมื่อมีเรื่องตรงหน้าให้ตัดสินใจเขาจะนำมันมาใช้ทันที

 

เด็กอยากให้ผู้ใหญ่บอกเหตุผลก่อนลงโทษเขา และหากผู้ใหญ่ให้เขาได้มีโอกาสตัดสินลงโทษตัวเอง เขาจะมีความสุขและรับได้กับความผิดที่เขาก่อขึ้นและจะไม่ทำความผิดนั้นซ้ำอีกเลย

 

เด็กไม่เข้าใจผู้ใหญ่หรอกว่า เรื่องที่ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญและลงมือแก้ปัญหานั้นมันสำคัญอย่างไร จนกว่าเขาจะรู้จักและได้รับผลกระทบจากปัญหานั้นๆมาแล้ว

 

 

เด็กวัยรุ่นที่มีจิตใจบริสุทธิ์เหมือนเด็กวัยที่เล็กกว่าอยู่นั่นแล้ว มุมมองต่อเพื่อนเพศตรงข้ามจึงไม่แตกต่างจากเด็กวัยที่เล็กกว่าอยู่ดี ทำให้มีโอกาสพลาดทำเรื่องที่ผู้ใหญ่ไม่เห็นดีด้วยโดยไม่ตั้งใจ

 

 

อย่าลืมว่า เด็กรู้จักเครียดกับเรื่องหนี้สินของพ่อแม่เป็นด้วยนะ

 

Keywords :

เด็กเลือกพ่อแม่เป็นแม่แบบถักทอเสื้อผ้าที่มองไม่เห็นไว้ใส่คลุมกาย เขาใช้ศรัทธาและความรู้สึกของตนเองตัดสินว่า ยอมรับ ไม่ยอมรับ ก่อนถักทอมันใส่ให้ตัวเอง

กอดเป็นเครื่องมือที่ทำให้คนทุกวัยรู้สึกอบอุ่นใจต่อกันยิ่งนัก ทุกวันจึงควรกอดกันเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นใจให้แก่กัน กอดแขน กอดขา กอดพุง กอดไหล่ กอดหลัง กอดทั้งตัวได้ทั้งนั้นไม่ว่ากัน

« « Prev : เจ้ามีที่มาอย่างไร(6)

Next : เจ้ามีที่มาอย่างไร(8) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2008 เวลา 22:39

    ตามมาดูเด็กหน้าตาแป๋วแหววคนนั้น อิอิ โดนแค่ทีเดียว ของผมตัดสินตัวเอง ๓ ที ให้หาไม้มาเหมือนกัน เลือกเอาอันเล็กสุดมา ทีเดียวหัก เหลืออีกสองทีพ่อไปหามาเอง จ๊าก….

  • #2 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2008 เวลา 15:25

    น้องหมอ”ตา” ครับ ช่วย เมล์ที่อยู่ไปให้พี่ด้วย จะส่ง เอกสารมาให้ครับ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.38968396186829 sec
Sidebar: 0.1130039691925 sec