เจ้ามีที่มาอย่างไร(5)
อ่าน: 1083เด็กน้อยจำเริญวัยขึ้นเป็นสาวรุ่นร่างเล็กหุ่นบาง อิสระเธอมีเพิ่มขึ้นเมื่อเธอไปเรียนโรงเรียนใหม่ อย่างน้อยการไปโรงเรียนเธอก็ไม่ต้องไปด้วยรถผูกทุกๆวัน วันไหนที่เธอตื่นสาย พ่อแม่ก็อนุญาตให้ถีบรถจักรยานไปเองได้ และแล้วอิสระก็ได้มาเมื่อพวกเขาไว้ใจให้เธอไปโรงเรียนเอง
ระหว่างเรียนที่โรงเรียนหญิงล้วนแห่งนี้ เธอมีวีรกรรมที่เกือบจะทำให้ทั้งห้องถูกตียกชั้นในวันหนึ่ง วันนั้นเป็นวันซึ่งครูให้เรียนวิชาคหกรรมกันนะซิ เธอเป็นคนที่ชวนเพื่อนซอยหอมจนเกือบหมดกิโล โชคดีที่มีคนนึกขึ้นได้ก่อนหอมจะหมดไป ว่าหอมที่ซอยนั้นเขาไม่ใช้ เขาจะใช้หอมเผาต่างหาก เพื่อเอามาทำเครื่องแกงพะแนงไงเล่า นึกได้ใจเธอหายวาบ ตายละวาโดนครูตียกชั้นแน่ โชคดีครูใจดีไม่ว่ากัน ทั้งห้องเลยรอดตัวไป เห็นแจ้งรึยังกับความเปิ่น ความซน ความอวดดีของเธอ
อีกเรื่องที่มีวีรกรรมไว้ แอบทำอะไรกันในห้องเรียนก็ไม่รู้ มีเสียงดังมากๆๆๆ ครูจึงเข้ามาสั่งให้เข้าแถวแล้วตีลงโทษ ครั้งแรกในโรงเรียนเลยละที่เธอถูกตีทั้งที่เรียนเก่ง ขาลายแดงเถือกเลยแหละค่ะ
การเรียนที่โรงเรียนใหม่แห่งนี้ เธอเป็นเด็กที่เรียนเก่งเหมือนเดิม คะแนนสอบที่ได้สูงในลำดับสามคนแรกของชั้นเรียน วนเวียนไปในสามลำดับนี้ตลอดที่เรียนอยู่ที่นี่ไม่เสียเชิง เธอเรียนอยู่ที่นี่จนจบประถมปลายแล้วต่อมัธยมต้นอีกปีจึงย้ายไปเรียนโรงเรียนรัฐอีกแห่ง
มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งเกิดขึ้น ระหว่างเรียนเพื่อนคนหนึ่งไม่สบาย และอ๊วกลงพื้นจนเหม็นหึ่งทั้งห้อง ภารโรงก็ไม่มีให้ตามมาเช็ด เด็กๆคนอื่นในห้องเรียนเขารังเกียจ เธอเห็นหน้าเพื่อนดูแย่แล้ว เธอตัดสินใจหิ้วน้ำมาถังหนึ่ง ช่วยเช็ดอ๊วกเหล่านั้นทันที เธอบอกว่าเธอจำได้ระหว่างเช็ดเธอกลั้นหายใจ ทนทำไปจนเช็ดเสร็จลง กลิ่นอ๊วกแรงแค่ไหนใครก็รู้ โชคดีระหว่างเช็ดเธอไม่อ๊วกไปด้วยอีกคน แต่ว่าเจ้ากลิ่นอ๊วกมันทำให้พองขน ก็เธอเล่นเช็ดใส่ลงในน้ำโดยไม่นึกว่ามันผสมลอยในน้ำ กลิ่นก็เลยติดมืออยู่นาน ล้างอย่างไรกลิ่นมันก็ยังอยู่ ตอนเขียนเรื่องที่เล่าอยู่นี้ ฉันยังได้กลิ่นของมันเลยค่ะ คิดดูซิค่ะว่ามันน่ารังเกียจแค่ไหน ฉันรู้สึกว่าที่เธอทำลงไปได้นั้น ไม่ใช่เพราะอยากเป็นฮีโร่ แรงบันดาลใจของเธอมาจากการรับรู้ความรู้สึกของเพื่อนเธอค่ะ
เธอจำได้ตอนที่เกิดเหตุการณ์นั้น คุณครูที่กำลังสอนยืนดูเฉยไม่ขยับตัวเลย เธอไม่รู้ครูคิดอะไรอยู่ เมื่อเธอเช็ดอ๊วกที่เลอะอยู่หมดไปแล้ว คุณครูคุยกับเพื่อนคนอื่นว่าทำไมทำไม่ได้ ดูซิเธอทำได้เห็นกันไหม น่าชมเชยที่เพื่อนใจกล้าน่ะ เธอบอกฉันว่าเธอไม่รู้สึกว่าปิติหรือภาคภูมิกับน้ำเสียงที่ครูพูดถึงเลยสักนิด มันน่าคิดว่าเหตุใดกันหนอ สาวน้อยถึงไม่ประทับใจในสิ่งที่ครูกระทำ
การเรียนประถมปลายในสมัยนั้น มีกฎรู้ๆกันอยู่ว่า เมื่อเด็กเรียนถึงชั้นประถมปีที่เจ็ด การสอบก่อนจบนั้นเขาใช้ข้อสอบร่วมกันทั้งประเทศ จบจากโรงเรียนหลวงโรงเรียนราษฎร์ไม่มีสิทธิหือการสอบครั้งนี้ สาวน้อยบอกเพื่อนไว้ว่าถ้าสอบตกเธอไม่เรียนต่อหรอก เพื่อนๆอึ้งไปเลยละเมื่อได้ยินวลีที่เธอเอ่ยออกมา
เมื่อถึงเวลาสอบจริงๆแล้ว สาวน้อยพร้อมกับเพื่อนไปสอบสนามสอบที่ โรงเรียนแห่งหนึ่ง มีวิชาอยู่วิชาหนึ่งถ้าจำไม่ผิดเธอบอกว่าเป็นภาษาไทย ข้อสอบที่ออกมานั้นถามเกี่ยวกับการส่งธนาณัติ พอเห็นข้อสอบนั้นเข้าเธอร้องโอย อะไรกันนี่ เรื่องนี้หนูไม่เคยเรียน ทำไมเขาเอามาสอบละ
เสียงนั้นดังถึงหูครูผู้คุมสอบ ครูถามไถ่ทำไมจึงร้องขึ้น เธออ้อนครูว่าคุณครูขาทั้งโรงเรียนหนูที่มาสอบนั้น ไม่มีใครรู้จักไอ้ใบที่ออกมาให้ทำเลย พูดไปอีท่าไหนจำไม่ได้ จำได้แต่ว่าผู้คุมสอบสงสารเฉลยข้อสอบให้ทุกคนทำตาม คนที่นั่งสอบห้องนี้ “ผ่าน” ข้อนี้กันหมดทุกคน
การเล่นในโรงเรียนใหม่นี้เปลี่ยนแปลงไปไม่โลดโผน เล่นแบบเด็กหญิงมากกว่าเป็นทโมน การเล่นที่จำได้ก็มี หมากเก็บ มอญซ่อนผ้า เขย่งเก็งกอย ซ่อนหา ส่วนวันหยุดเธอได้ไปเล่นกับเพื่อนสาวที่บ้านเพื่อนไม่ว่างเว้น บางวันนอนค้างบ้านเพื่อนเลยเชียว เพื่อนสาวของเธอคนนี้เป็นลูกสาวของหมอชื่อดัง ที่พ่อแม่อนุญาตให้สาวน้อยไปค้างแรมบ้านผู้อื่นทั้งๆที่ถือสากันอยู่ ก็เพราะว่าเขาซี้กันกับพ่อแม่ของเพื่อนสาวคนนี้ค่ะ
บทเรียนรู้จากชีวิตจริง
การที่เด็กเข้าใจว่า สิ่งที่เขาเข้าใจนั้น “ใช่” ไม่ใช่เรื่องแปลก การทำให้เขาเข้าใจว่า “ไม่ใช่” ไม่ยากเลย ก็แค่ปล่อยให้เขาทำเรื่องที่เขาเข้าใจว่า “ใช่” ไปให้สุดทาง เขาจะหาคำตอบได้เอง
คนเก่งก็พลาดและผิดได้ ใช่ว่าจะผิดไม่ได้
เด็กรู้สึกตัวเองผิดและลงโทษตัวเองด้วยความรู้สึกตัวเองอยู่แล้วเมื่อรู้ว่าทำผิด ทำพลาด
เมื่อเด็กรู้สึกว่าทำผิดพลาด แล้วผู้ใหญ่ไม่ถือสาลงโทษ เด็กก็มีความมั่นคงทางอารมณ์ และมีสำนึกดี ไม่ทำเรื่องผิดพลาดซ้ำ
คนเรามักจะเข้าใจว่าความรู้สึกของตนเองเป็นความรู้สึกของคนอื่นเช่นกัน
เด็กรู้นะว่า คำชมที่ผู้ใหญ่ชมนั้นออกมาจากความรู้สึกในใจจริงๆของผู้ใหญ่รึเปล่า
โลกนี้ยังมีเรื่องที่เราไม่รู้อยู่อีกมากมายนัก เก่งยังไงก็ใช่ว่าจะรู้ไปทุกเรื่อง
การพูดจาช่วยแก้ปัญหาความไม่รู้ได้
ไม่น่าเชื่อว่าแค่พูดจาก็ทำให้ผ่านปัญหาไปได้โดยไม่มีความรู้มาก่อนก็ได้
Keywords :
เมื่อเด็กได้รับอิสระในการลองทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ และมั่นใจว่าทำได้ ขอเพียงความไว้ใจจากผู้ใหญ่เท่านั้น เขาก็สามารถทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้ด้วยตัวเขาเอง
« « Prev : เจ้ามีที่มาอย่างไร(4)
Next : เจ้ามีที่มาอย่างไร(6) » »
ความคิดเห็นสำหรับ "เจ้ามีที่มาอย่างไร(5)"