ถอดบทเรียนกระบวนกร-4
อ่าน: 3230เมื่อวานฉันชวนลูกน้องมาคุยด้วยอีกครั้งในภาคเช้า และภาคบ่ายก็นำพาเขาไปคุยแลกเปลี่ยนกับหน่วยงานอื่นค่ะ เรื่องที่คุยในรอบเช้านั้น ฉันตั้งธงจะคุยเรื่องผลประโยชน์ในการบรรจุเป็นพนักงานราชการของเขาและตามความก้าวหน้าของงานที่มอบหมายให้ดูแลสถานที่ด้วย การคุยได้ข้อสรุปของปัญหาอุปสรรคการทำงานดูแลสถานที่และเกณฑ์ที่เขาจะมีขวัญกำลังใจหากจะต้องเข้าแข่งคัดเลือกเป็นพนักงานราชการกันค่ะ
วันนี้ช่วงบ่ายสามโมง ฉันเชิญข้าราชการและลูกจ้างในฝ่ายมาพูดคุยโดยมีธงในใจตั้งไว้ในเรื่องของการมอบหมายงานเพิ่ม และการเปิดพื้นที่เพื่อให้พี่และน้องฝึกการคุยกันต่อหน้า ในเรื่องการแก้ปัญหาอุปสรรคการทำงานของน้องโดยมีตัวฉันอยู่ด้วยแล้วฉันไม่เป็นยักษ์หัวโต๊ะด้วยค่ะ
ฉันเปิดประเด็นการคุยว่า วันนี้ฉันอยากจะให้ทุกคนร่วมกันสรุปว่ามีเรื่องอะไรที่ทุกหน่วยงานต้องทำให้องค์กรแล้วฝ่ายก็ได้ลงมือทำไปเหมือนหน่วยงานอื่น มีงานอะไรที่ไม่ได้ทำเพราะมัวแต่ไปช่วยงานอื่นทำ หรือมีงานที่หน่วยงานอื่นทำแต่ฝ่ายไม่ได้ทำเพราะไม่รู้กัน
ตอนเริ่มต้นการคุยบ่ายนี้คุณภาพการคุยไม่ดีนัก พี่ๆไม่กล้าเข้าคลุกพื้นที่ที่เปิดให้ร่วมพูดคุย จนเมื่อน้องพูดออกมาเรื่อยๆ พี่จึงผ่อนคลายร่วมแจมคุยด้วย วงคุยที่เริ่มฝึกนี้ดีขึ้นกว่าเดิมในเรื่องไม่ต้องตั้งกติกาให้คุยทีละคน และไม่มีใครพูดขัดใครให้การคุยที่เลื่อนไหลสะดุดค่ะ
เมื่อได้หัวข้อเรื่องราวของงานที่ได้ทำและไม่ได้ทำแล้ว ฉันเปลี่ยนโจทย์ให้เขาเล่ากันว่า ในการทำงานร่วมกันมีอะไรที่ดีเกิดขึ้นบ้างระหว่างความเกี่ยวข้องกันและกันในการทำงานด้วยกันอยู่ทุกวัน น้องๆเป็นคนเริ่มคุยก่อนแล้ววนเรื่อยๆสลับกับพี่ รอบแล้วรอบเล่าที่เรื่องราวได้ถูกเล่าออกมาให้รับรู้ด้วยกัน
หลังจากให้บอกเรื่องดีแล้ว ฉันก็ให้จับประเด็นเรื่องดีนั้นมาคุยต่อ คราวนี้ให้คุยบอกมาว่า เรื่องดีแต่ละเรื่องนั้นมีมุมลบอะไรอยู่บ้าง น้องๆช่วยกันบอกออกมาในเรื่องที่ทำไปด้วยพี่ๆเป็นคนสั่งหรือให้งานไปทำ พี่ๆเงียบฟังเป็นส่วนใหญ่ ฉันว่าเขานั่งทำความเข้าใจและฟังเรื่องราวอย่างตั้งใจ มีแจมร่วมบอกเล่าบ้างบ้างในบางเรื่องบางมุมที่เกี่ยวกับตัวของฉัน ทุกคนในวงคุยผลัดกันมุมลบของ ทุกเรื่องราวดีๆที่เล่าออกมาจนครบรายการที่มี
หลังจากนั้นฉันก็ให้น้องเล่าพี่ไปว่า ได้ทำงานที่มอบหมายในเรื่องของ5ส.ก้าวหน้าไปอย่างไรบ้าง ฉันให้เขาเล่าเองว่าได้ทำและไม่ได้ทำอะไร คิดยังไงจึงมีผลงานออกมาและทำไมจึงยังไม่มีผลงานที่ดีกว่าเดิม เมื่อน้องเขาเล่าเรื่องอุปสรรคของการทำงาน เชื่อไหมว่าเรื่องราวต้นเหตุของปัญหาที่ทำให้เป็นการทำงานบางเรื่องได้โผล่ออกมาตั้งแต่การเล่าเรื่องราวตอนต้นการคุยและการคุยที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ เรื่องราวที่รับรู้นี้สามารถหยิบจับไปลดอุปสรรคการทำงานต่อได้เลยค่ะ
ฉันจบประเด็นคุยเรื่อง 5ส. ด้วยการบอกน้องไปว่า ผลงานที่ต้องการคือ ทุกคนมีความสุขในการทำและผู้มาใช้บริการในพื้นที่สถานที่ที่ฝ่ายเราตั้งอยู่พึงพอใจกับการมาอยู่ในพื้นที่ของเรา เรื่องราวที่คุยมามีหลายเรื่องเอาไปทำสิ่งที่ดีกว่าได้เลยในสิ่งที่ลงมือทำเองได้ ขาดอะไรในเรื่องที่ลงมือทำเองได้ก็ให้บอกมาเพื่อจะได้ไปจัดหาให้ อะไรที่อยากจะทำแต่คนอื่นเท่านั้นทำได้ก็ช่วยให้ข้อมูลออกมาจะได้ไปประสานงานให้ ส่วนใครที่ยังไม่ทำงานที่มอบตรงไหนขอทวน ทวนให้รู้ชัดอีกครั้งว่ามอบหมายงานไว้อย่างไร
แล้วฉันก็บอกน้องว่า ฉันดีใจที่พวกเขามีความสุข และที่ดีใจที่สุดคือ พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้น ผลงานที่ทำไปนั้นก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนนี้ สำหรับตัวฉัน ฉันว่าฉันยังมีส่วนที่ควรปรับปรุงตัวเองในเรื่องช่วยให้เขาทำงานง่ายขึ้น จบแล้วก็โยนกลองให้พี่ๆกล่าวชมน้องๆกันบ้าง มีพี่บางคนไม่ยอมชมผลงานชมแต่เรื่องความสัมพันธ์และความขยันเท่านั้น มีบางคนที่กล่าวชมออกมาในเรื่องผลงานอย่างเต็มใจค่ะ
คนที่ไม่ชมเรื่องผลงาน คือคนที่ทำงานเก่งและตั้งใจทำงานให้ดีค่ะ ฉันเลยถามพี่ไปว่าให้เปรียบเทียบดูหน่อยว่าตั้งแต่เปลี่ยนระบบมอบหมายงานให้นั้นมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างเกี่ยวกับผลการทำงานของน้องๆ ถามแล้วไม่คาดคั้นคำตอบ หันไปชวนน้องให้คำตอบกันค่ะ น้องๆเขาตอบมาว่า “ทำงานง่ายขึ้น ตั้งใจทำงานมากขึ้น เพราะมีความรู้สึกว่าได้เป็นเจ้าของงาน”
ก่อนยุติวงคุยวันนี้ ฉันให้น้องขอบคุณพี่ๆรวมทั้งตัวฉันในเรื่องที่ได้ช่วยให้เขาทำงานง่ายขึ้น แล้วมอบงานให้ไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับมาตรฐานการจัดระบบป้องกันความเสี่ยงจากการทำงานในโรงพยาบาล อ่านแล้วให้น้องเทียบดูว่างาน 5ส.ที่ทำไปแล้วนั้น มันไปเกี่ยวอะไรกับเกณฑ์ดังกล่าว
น้องเขาขอบคุณฉันว่า “ขอบคุณหมอที่เวลาหาอะไรบนโต๊ะไม่เจอแล้วหมอไม่เรียกให้ไปหาให้แต่หาเองก่อน หนูหายเกร็งและสบายใจไปเยอะเลย” ไม่ต้องสงสัยที่เขาเอ่ยอย่างนี้ออกมา ดูที่รูปเอาเองค่ะรูปล่างนั่นแหละโต๊ะที่ฉันใช้ทำงาน ไม่อายหรอกค่ะที่จะโชว์กัน ก็ฉันไม่ใช่คุณละเมียดแต่เป็นคุณกระทิงนี่ค่ะ
Keywords :
การเปิดพื้นที่ให้เด็กพูดก่อนผู้ใหญ่ วงสนทนาจะลื่นไหลดีกว่า
วงสนทนาที่มีผู้ใหญ่ชอบพูดขัดอยู่ในวง ให้ผู้ใหญ่พูดก่อนแล้วขอให้หยุดรอคิวพูด วงสนทนาจะลื่นไหลดีกว่า
คนตัวเล็กๆก็มีศักยภาพในการแก้ปัญหา ถ้าไว้ใจให้เขาทำงาน
คนเป็นนาย หากยอมให้เด็กชมและตำหนิได้อย่างผ่อนคลาย เด็กยิ่งมีกำลังใจอยากทำงานให้ดี
คำชมเชย คำขอบคุณ เป็นขวัญกำลังใจที่พึงมอบให้กันและกันเสมอ
สร้างความสุขในทีมงานร่วมกัน ด้วยการเปิดพื้นที่คุยกัน
การคุยให้ได้อรรถรสที่เข้าถึงความสุขจากการคุย “ต้องฝึก”
เคยพูดมามากแล้ว หยุดฟังซะบ้าง และอย่าหยุดนาน
สิ่งที่คนเก่งให้คนอื่นได้ยาก คือ “คำชม”
การชมคนอื่นว่าเก่งซะบ้าง ไม่ได้ลดความเก่งของคนชมให้สูญหายไปไหน
« « Prev : เล่าเรื่องของความฝัน
Next : คุยแล้ว….หลุด….ของขึ้น » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ถอดบทเรียนกระบวนกร-4"