เล่าเรื่องของความฝัน

โดย สาวตา เมื่อ 13 พฤศจิกายน 2008 เวลา 23:25 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 2172

เคยเล่าไว้ว่าที่วงน้ำชาคืนก่อนจากกัน ใหญ่โยนโจทย์ให้คุยกันเรื่องของความฝัน ใหญ่เขาเล่าว่าตัวเขานั้นฝันที่จะเป็นคนทำให้เกิดกระบวนกรอย่างน้อยร้อยคน และเขาก็บอกว่า ณ วันนี้ความฝันของเขาเป็นจริงแล้ว ด้วยว่ามีกระบวนกรทั่วประเทศเกิดขึ้นจากสำนักต่างๆสองร้อยกว่าคนแล้ว ในส่วนของวงน้ำชาเขาก็จะสานฝันเขาต่อไป ที่จะสร้างทายาทต่อเอาไว้ให้ตามที่ฝันไว้

มาถึงวันนี้…ขอไม่เล่าว่าน้าอึ่งเล่าฝันไว้เรื่องอะไร..ปล่อยไว้ให้น้าอึ่งเขาเล่าเองดีกว่า…ที่ไม่เล่านะเพราะว่าจำไม่ได้แล้ว…น้าอึ่งคงไม่ว่าเนอะน้าเนอะ….แต่ช้าแต่…อย่างอนนะ อย่างอน..นะน้าอึ่งที่รัก….แกล้งๆหรอกค่ะ

ขอกลับมาเล่าความฝันที่ฉันบอกไว้ที่วงน้ำชาค่ะ….ฉันฝันว่าคนของฉันที่นี่จะมีความสุขกับชีวิตการงานมากกว่านี้…..อันที่จริงพวกเขามีความสุขกันอยู่แล้วกับงานที่เขาทำ….แต่ด้วยการตั้งความคาดหวังที่สูงเกินเอื้อมถึงในเวลาอันสั้น….ภายใต้ข้อจำกัดที่มันมีอยู่มากหลาย….มันจึงทอนให้ความสุขที่ได้ทำความดีเหล่านั้น…มันลดทอนจนเหมือนคนไร้ใจกันไปหมด…ทุกวันกำหนดลมหายใจไว้อยู่แค่งานๆๆๆๆ…..กลับบ้านก็งาน งาน และงาน….จนทำให้เวลาเห็นใครไม่ทำงานก็รู้สึกจี๊ดๆๆๆ…และใช้ชีวิตทำงานเหมือนการทำงานของหุ่นยนต์

s1

บรรยากาศอย่างนี้แหละที่มันแผ่พลังจนทำให้ฉันเปลี่ยนไปด้วย…..เปลี่ยนไปมากๆจนกลายเป็นคนไม่ใคร่ยิ้ม….แถมเวลาทำอะไรทำจริงจัง…จนกร้าว…และใจร้อนแบบกระทิงดุ…..บวกกับเป็นคนไม่พูดมาก….ถึงเวลาเอาจริงแล้วลงมือเลย….พูดตรงๆแบบไม่กลัวโดนน้ำกรดราด….คนมันเลยกลัวบุคลิกที่เห็นอยู่….วาดภาพว่านี่คือคนจริงคนน่ากลัว…..ยิ่งผนวกพรรษาอายุที่ทำงาน….และผนวกกับหมวกหมอและตำแหน่งงาน….ภาพที่วาดไว้ในใจคนมองจึงยิ่งไปใหญ่….แล้วก็ยังมีไฟมาเติมใส่….ในเรื่องที่ฉันไม่รู้ตัวว่าพาวิ่งในเรื่อง HA ที่ฉันว่ามันทำง่ายแต่พวกเขารู้สึกว่าทำยาก…..ภาพวาดของฉันในใจเขามันก็เลยยิ่งพาเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนๆอีกมากมาย…..

ในเช้าวันลอยกระทงเป็นวันที่หัวหน้าทุกคนทำงานหนัก…..ด้วยว่าได้นัดหมายให้เจ้านายมาตรวจการบ้านในเรื่องการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลตามแนวทางของพ.ร.พ. เรียกว่าทำงานหนักมากนะค่ะ…….ประชุมรวดตั้งแต่เก้าโมงครึ่งยันสามโมงเย็น แล้วยังมีประชุมต่อที่นัดหมายกันไว้กับฉันล่วงหน้าอีก (ตามกำหนดนัดเดิมจะใช้เวลาสามชั่วโมง)

ตอนเช้าของกิจกรรม…..มีคนเข้ามาส่งการบ้านเต็มห้อง….กว่าเจ้านายจะมานั่งตรวจการบ้าน…..ฉันว่าคนนั่งรอส่งการบ้านเขากลัวนะค่ะ ยิ่งพอบรรดาทีมบริหารเข้าไปนั่งรวมทั้งตัวฉันด้วย….ฉันว่าเขายิ่งเกร็ง…..อีหนูที่เคยเล่าให้ฟังไว้แล้ว นั่งหน้าคิ้วผูกโบว์เป็นระยะๆเลยแหละ….พยาบาลลูกน้องอีกคนที่เข้าไปด้วยนั่งก้มหน้าก้มตาฟังไม่มองใคร ด้วยความไม่มั่นใจในสิ่งที่เตรียมตัวมา…..กัลยาณมิตรคนหนึ่งที่เคยเล่าถึงนั่งหน้าตาเคร่งขรึม ไม่มีรอยยิ้มใดๆ ด้วยว่าไม่แน่ใจว่า วันนี้ไม่แน่ใจว่าจะถูกตรวจการบ้านด้วยไหม……เกร็งกันขนาดไหนดูภาพเอาเอง……บรรยากาศอย่างนี้แหละที่มักเกิดขึ้นที่นี่……เวลาเอาจริงทีไร เป็นพากันเครียด เกร็ง และเกรง…..ทุกที…เป็นบรรยากาศการทำงานที่ไม่ผ่อนคลายเอาซะเลย….  

s2

วันนี้มีทีมบริหารอย่างน้อย 5 คนมานั่งๆอยู่……คนที่ร่วมตรวจการบ้านในตอนต้นๆ มีฉัน… น้องหมออีก 2 คน….และเจ้านายช่วยกัน… แต่พอเวลาผ่านๆไปเลยบ่าย…..เจ้านายยกก้นเดินออกไปจากห้องด้วยมีนัดหมายสำคัญ….คนอื่นๆก็ทะยอยหายกันไปทีละคนด้วยติดประชุมซ้อน……มารู้ตัวอีกทีเมื่อหันไปรอบตัว…..อ้าว! เหลือฉันอยู่กับน้องหมออีกคนแล้วรึนี่…….น้องหมอเขาทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ ฉะนั้นเป็นอันว่าวันนี้เป็นอีกวันที่เจ้านายปล่อยบางช่วงไว้ให้ฉันทำหน้าที่แทนสมเจตนา(อีกแล้ว) 

เมื่อทีมบริหารได้ช่วยกันพูดออกมา…..พวกเขาก็เริ่มเรียนรู้วิธีตรวจการบ้านของพวกเรา…..เมื่อรับรู้ เขาก็เริ่มเรียนรู้……บรรยากาศที่ดูจะเครียดจึงเริ่มผ่อนคลายลง…….ฉันรับรู้ได้จากสัมผัสที่มีในห้องค่ะ…..ความตื่นเต้นหายไป….. ไม่มีความอึดอัด….. เหลือแต่ความรู้สึกพะวงว่าจะทำได้ไม่ดี…… รับรู้ได้ถึงความอยากจะทำให้ดี……อยากจะบอกสิ่งที่ได้ทำไปมากกว่าความรู้สึกอื่นๆค่ะ 

เล่าไปแล้วว่าก่อนวันลอยกระทงได้ปล่อยผีผู้ใหญ่ออกไปแล้ว……. ในการตรวจการบ้าน…… ฉันจึงไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าแสดงออกให้เขารู้ว่า…..เขาได้รับการยอมรับผลงานจากฉัน สิ่งที่ทำลงไปตามสไตล์ของเขานั้นได้รับการยอมรับ…… ฉันทำแค่บอกไปว่า…..ฉันรู้ว่าคนที่เข้ามาในห้องทุกคน…… ตั้งใจทำงานสิ่งที่ตนรับผิดชอบอยู่อย่างเข้มข้น….. เพียงแต่ว่าในวันนี้ที่นำมานำเสนอนั้น….. บางคนที่ไม่รู้เรื่องลึกๆเบื้องหลังของงานนั้นๆ…… อาจจะไม่สามารถรู้ไปถึงการที่เจ้าของงานเขามีความยากลำบากในการทำ…..แต่ฉันรับรู้และเห็นสิ่งที่เขาทำอยู่……

loi3

แค่บอกไปแค่นี้เอง…..ฉันว่าบรรยากาศในห้องมันเบาขึ้นนะค่ะ…..เบาขึ้นกว่าอีตอนเจ้านายอยู่ด้วยซะอีก……..ฉันบอกเขาไปว่าบางเรื่องการนำเสนอมันอ่อนในเรื่องนำเสนอประเด็น…..ข้อเสนอแนะของฉันมีแค่ว่า….. ควรมีการช่วยกันเพิ่มศักยภาพในการนำเสนอ…… เพื่อให้เจ้าของงานสามารถนำเสนอประเด็นสำคัญและจุดเด่นของงานตัวเองออกมาได้จนเด่น…..ในวงประชุมมีทีม HRD อยู่ด้วย….ฉันจึงมอบหมายไปว่าให้นำฝึกการนำเสนอนี้เข้าแผนงานพัฒนาคนในปีต่อไปด้วย 

ในระหว่างตรวจการบ้าน….ฉันทำหน้าที่สอนงานไปด้วยทีเดียว…..สอนผ่านการสรุปสิ่งที่ฉันได้ยินจากเขาว่า…..ฉันได้รับรู้คุณค่าอะไรที่ฉันฟังได้จากเรื่องราวที่เขาเล่าออกมา  อะไรที่รับรู้ชัด อะไรที่รับรู้ไม่ชัด…..ฉันทำแค่นั้นเอง…..แล้วบอกเขาด้วยว่าฉันเห็นงานที่เขาทำว่ามีจุดเด่นที่มีคุณค่าอีกหลายเรื่องในมือเขา…ซึ่งฉันเสียดายที่วันนี้เขาเองเอามันไปเก็บซ่อนไว้ ไม่นำมาบอกกัน…..งานของเขาในวันนี้จึงด้อยความงดงามลงไป…..

ถ้ามีโอกาสแก้ตัว ครั้งหน้าขอให้นำมันมาบอกเล่ากันให้หมด……กลับไปแล้วให้ไปค้นหามันออกมาพิศ ค้นหามันออกมาบอกเล่าเรื่องราวกัน……และในบางงานฉันอาจจะลงไปช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้…..ในงานที่เสนอประเด็นเด่นไม่ได้….แต่ฉันรู้ว่าเขาทำอะไรไปบ้างที่มีคุณค่า….ฉันก็ชวนกันทำให้ที่ประชุมให้เกียรติปรบมือให้ในความตั้งใจของเจ้าของงาน……สำหรับอีหนูลูกน้องนั้น…ฉันคว้าไมค์มาชมเขาในที่ประชุมภายใต้หมวกหัวหน้าว่า…เยี่ยม….อีหนูเยี่ยม….เมื่อวานนี้ยังกังวลใจอยู่เลยกับการนำเสนอ….สอบผ่านอีหนูเอ๋ยสำหรับคนใหม่ที่เพิ่งเรียนรู้งาน…เยี่ยมแล้ว..เยี่ยมแล้ว…ฟังจบแล้วอีหนูยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงเลยเชียวค่ะ

loi1

เจ้านายเป็นพี่ที่น่ารักมาก….เขาอยู่ร่วมตรวจการบ้านด้วยจนเลยบ่าย….เรานั่งกินข้าวร่วมกันทุกคนในห้อง….กินข้าวผัดไข่ดาวใส่กล่องโฟมด้วยกันค่ะ…..กินไปด้วยฟังไปด้วย….บรรยากาศเจ๋งมั๊ยค่ะ…..กินข้าวผ่านไปสักชั่วโมง….เจ้านายก็ปลีกตัวไป….สั่งความว่าให้ฉันทำงานต่อ….บอกที่ประชุมว่าเคลียร์เรื่องนัดเสร็จจะกลับมาอีก…..และก็กลับมาอีกตามสัญญาตอนเกือบๆบ่ายสามโมง…และอยู่ด้วยกันจนจบการประชุม….

กว่าจะเลิกประชุมเช้าก็ปาเข้าบ่ายสาม….ฉันเหลือบดูนาฬิกาแล้ว…อืม! จะเอาไงดีกับการประชุมนัดต่อไป…..ไม่ตัดสินใจอะไร….เดินออกนอกห้องไป..ตาเหลือบเห็นกระทงวางอยู่บนโต๊ะหน้าห้องหนึ่งอัน….แว๊บความคิดว่า….เออ!ถ้ามีกระทงเซอไพร้ท์น่าจะดี….น่าจะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศการประชุม…..คิดจบเดินสวนกับคนขายพอดี….อ้อ! อีหนู ลูกสาวอีกคนนะเอง….ถามไถ่ว่ามีกระทงอีกไหม อีหนูบอกว่ามี….ตัดสินใจพลันสั่งไปเลย…มีเท่าไรที่บ้านเอามาเหมาหมด…..แล้วให้แม่มาเก็บตังค์ที่ป้า……อีหนูถามว่า…..หนูมีเวลาอยู่เท่าไร…ที่จะไปจัดหาขนมาให้…..บอกเวลาไปแล้ว…ก็รอละค่ะท่าน…..แต่ได้กระทงมาในมือแล้ว….4-5 กระทง…..

ตอนที่สั่งไป….ใจนึกว่า เฮ้ย! ถ้ามีไม่พอให้ครบคนจะทำไงดีละ….ไม่ตัดสินใจอีกละ…เอาไว้รอกระทงมาก่อน….เข้าห้องไปขอเริ่มประชุม…..นับคนเข้าประชุมไปพลาง….อืม!…….เซอไพร้ท์เป็นรางวัลทำดีเรื่องเมื่อเช้าดีกว่า……ประชุมผ่านวาระแจ้งไปได้….สัมผัสได้ว่าเขาเริ่มล้ากัน…..

อืม!….ถึงเวลาเซอไพร้ท์…..จึงลุกขึ้นเดินไปขนกระทงเข้ามาในห้อง…..สัมผัสว่าทุกคนตื่นตัวขึ้น….อืม!…สีสันของดอกไม้ มันช่วยให้คนสดใสจริงๆนะค่ะ…..แค่เอากระทงเข้ามาแค่ 2-3 กระทงเอง….บรรยากาศเริ่มสดใสผ่อนคลาย….หลายคนเริ่มแสดงความเป็นเด็กน้อย….กระดี๊กระด๊า…นึกถึงไปถึงการลอยกระทง…..

loi2

ฉันจึงเอ่ยว่า….ไหนๆวันนี้เป็นวันลอยกระทง….ฉันขอมอบกระทงเป็นรางวัลและให้กำลังใจคนนำเสนอ…..ใครที่ไม่อยู่ก็ให้หัวหน้ารับแทนไปละกัน….คนแรกที่ให้มารับ คือ คุณผู้ชาย รองฯฝ่ายบริหาร……เขาดีใจมากนะค่ะ….ที่ได้รับของขวัญจากใจในวันนี้…………. ทะยอยแจกคนนำเสนอจนหมด…..คราวนี้ถึงคิว….ให้กำลังใจแก่ผู้อยู่เบื้องหลัง…..เติมพลังให้ชื่นใจกันหน่อย….เป็นอันว่าทุกคนในที่นั้น…ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังและเบื้องหน้า…..ได้รับกระทงกันไปถ้วนหน้า……ถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยค่ะ….ชมดูกันเอาเองก็แล้วกัน…..ว่าเขาสุขใจและชื่นใจกันขนาดไหน…..

การทำเซอไพร้ท์ของฉันบ่ายวันนี้….ส่งให้บรรยากาศสดชื่นและสดใสเกิดขึ้นในยามบ่าย…..รับรู้เลยว่า….ความผ่อนคลายเกิดขึ้น…..จนพวกเขาไม่รู้สึกเลยว่า…ประชุมกันจนหมดเวลางานกันไปแล้ว…..ความสำเร็จที่เกิดขึ้นคือไม่มีใครรีบร้อนกลับก่อนเลิกประชุม…..ทุกเรื่องที่กำหนดวาระไว้….แม้แต่วาระหารือ….ได้ข้อสรุปง่ายๆ…ภายใต้ความเห็นร่วมกันของทุกๆคน….และที่ฉันพอใจมากที่สุดสำหรับผลการประชุมในวันนี้….คือการที่ผู้คนในที่ประชุม….ยินดีให้ฉันจัดหลักสูตรพัฒนาให้พวกเขา….สิ่งที่ดึงดูดให้เขาตกลงปลงใจกับหลักสูตรเป็นคำๆนี้ค่ะ….”สุนทรียสนทนา : dialogue , Voice dialogue”…..พวกเขาอยากเรียนรู้ว่ามันคืออะไร…..ในขณะที่ฉันคาดหวัง….หลักสูตรจะทำให้เขาเปลี่ยนตัวเองจาก “พูดมาก ฟังน้อย ตัดสินก่อนพูด” เป็น “พูดน้อยๆ ฟังมากๆ ตัดสินหลังฟังการพูด”

เช้าวันนี้ไปตามเอารูปที่ถ่ายไว้มา…..ก็มีคนบอกว่า เมื่อวานนี้มีคนพูดกันว่า……มีความสุขมากกับการประชุม….เขาสุขใจที่ฉันยิ้มแย้ม ไม่เข้ม ไม่ดุกับเขาค่ะ……

Keywords : ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจก่อนถึงเวลาเพื่อให้ได้ดี  ตัดสินใจเมื่อถึงเวลาแล้วก็ได้ดีได้ 

                  การ “รอ” ไม่ได้ทำให้เสียหาย แต่กลับทำให้การตัดสินใจที่เกิดขึ้นเหมาะสมกว่าด้วยซ้ำ

                  คำชื่นชม ช่วยลดความกลัวของคนได้

                  ให้รางวัลจากใจอย่างเหมาะกับกาละ-เทศะ สร้างแรงจูงใจได้ดีนักแล

                  เมื่อเป็นผู้ใหญ่กว่าเขาต้องบอกมาให้รู้ว่าคิดบวกอยู่นะ คิดลบนะไม่ต้องบอกหรอก ปล่อยให้เขาคิดเอง

                  ไอ้ที่จี๊ดคนอื่นนะ เป็นเพราะอยากจะบอกคนว่า หันมามองฉันหน่อยก็ดี

                  ปล่อยให้ข้อตัดสินเป็นความคิดรวบยอดที่มาจากทุกคนที่มาคุยกันดีที่สุด  

                  วงคุยจะไปได้ดี ไม่ว่าประชุมงานหรือสนทนาเมื่อคนผ่อนคลายจากความระแวงตัวเองว่า “ผิด”

                  ย้ำเรื่องที่ฟังว่า “ถูก” “ดี” ที่เขาบอกออกมา

                  ผู้ใหญ่ควรถามตรงๆว่า ผู้เด็กกว่ามีอุปสรรคต่อเรื่องที่เขาอยากทำแล้วอยากให้ช่วยให้ลื่นไหลอะไรบ้างไหม          

 

 

« « Prev : ปล่อยผีดุก่อนวันลอยกระทง

Next : ถอดบทเรียนกระบวนกร-4 » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.75889492034912 sec
Sidebar: 0.62087798118591 sec