เดินทางขึ้นเหนืออีกรอบ
อ่าน: 1619เช้าวันที่ 27 ตุลาคม 2551 ฉันเดินทางมาเยี่ยมเยือนเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง คุณสามีตื่นมารอแต่เช้า เพื่อไปกินข้าวเช้าด้วยกัน แต่สองแม่ลูกใจตรงกันว่า เช้านี้เราจะเปลี่ยนที่กินข้าวเช้าที่ร้านติ่มซำเจ้าประจำที่อยู่ใกล้กับร้านพี่สาวซึ่งเดินทางไม่ไกลจากสนามบินจึงโอ้เอ้กันอยู่จนสายกว่าทุกวัน จนคุณสามีเขาอยู่ไม่ติดที่เดินไปมา ฉันจึงฉุกใจว่า เราไม่ได้บอกเขาว่าเราจะเปลี่ยนที่กินข้าวเช้า เมื่อนึกได้ฉันก็บอกเขาไปพร้อมๆกับลูกชายบอกพ่อว่า วันนี้เขาจะไปส่งแม่เอง กว่าเราจะได้ออกจากบ้านก็เลยแปดโมงครึ่ง
การเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปกินข้าวเช้าใช้เวลาอยู่สักหน่อย ไปถึงร้านก็เลยเก้าโมงเช้าแล้ว ในขณะที่เวลาขึ้นเครื่องคือสิบโมงสิบนาที ระหว่างนั่งรถกันเพื่อจะไปร้าน เริ่มๆเลยลูกชายก็ขับรถเร็วรี่จนรู้สึกได้ แต่เมื่อเขารู้ว่าผู้นำพาให้แม่เดินทางคือผู้กล่าวคำว่ารักคุณเท่าฟ้า เขาก็ชะลอความเร็วลดลง ใจฉันตุ้มๆต้อมๆจะทันมั๊ยนี่ จึงปรึกษาเขาว่า พาแม่แวะเช็คอินก่อนดีไหม เจ้าลูกชายตอบว่า ทำไมเล่า บินการบินไทย ไม่เห็นจะต้องรีบเลย ถึงจะช้าเขาก็รอ แล้วเขาก็ขับเลยสนามบินไป อ้อ ลืมบอกว่า ร้านที่จะไปกินข้าวเช้าอยู่เลยสนามบินไปอีก
ไปถึงร้านก็สั่งของกินอย่างไม่รอรี แล้วนั่งรอกัน นั่งได้ไม่ถึงห้านาที ตาเหลือบมองไปที่นาฬิกา ตายละหว่าจะทันมั๊ยนี่ หลังจากนั้นในใจก็มีคำพูดตามมาอุตลุด ลืมไปว่าต้องใช้เวลานึ่งของให้สุกจึงจะได้กิน นี่ปาเข้าไปเก้าโมงสิบนาทีกว่าของสุกจะมาให้กินจะเลยเก้าโมงสิบห้านาทีมั๊ยนี่ ไหนจะรอกินให้หมดอีก ลูกชายก็กินช้าด้วย ไม่น่าจะทันๆ แล้วใจก็ร้อนอยู่ไม่สุขขึ้นมาอีกที
หลังคำพูดในใจจบลง ของกินถูกทยอยนำมาวางลง ใจตอนนั้นเฮ้อ ของมาแล้วแต่มีเวลาสิบห้านาทีให้กินให้หมด แล้วยังต้องขับรถกลับไปสนามบินอีก แล้วถ้าไม่ทันนะๆคราวนี้เสียเงินค่าเครื่องบินฟรีอีกแล้ว ไม่รู้ว่าตัดสินใจตอนไหน แต่มีคำพูดเอ่ยกับลูกชายว่า คราวนี้ถ้าตกเครื่องบินเสียเงินหมื่นเลยนะลูก แล้วก็กินอาหารกันต่อไป พูดออกไปแล้วใจที่ร้อนดูเหมือนนิ่งลงอย่างยอมรับได้ว่ามีโอกาสตกเครื่องบินได้ ต้องเสี่ยงดวงเอา ตอนยอมรับว่าให้เสี่ยงดวงเอา สัมผัสไม่ได้ว่ามีคลื่นอารมณ์แบบไหนค่ะ แบบว่ามันไม่ใคร่รู้สึกค่ะ
เจ้าลูกชายฟังแล้วไม่พูดอะไร แต่ฉันสังเกตว่าเขากินเร็วขึ้น ระหว่างที่ของกินถูกนำมาวาง ฉันก็เรียกเจ้าของร้านมาบอกว่า คิดตังค์ก่อนเลยวันนี้รีบไป หนุ่มเจ้าของร้านเขางง หลุดปากออกมาว่า เพิ่งวางของลงให้เอง กินกันเสร็จลงเวลาเก้าโมงครึ่งพอดี ออกจากร้านผ่านหน้าร้านพี่สาว ลูกชายถามว่า จะแวะเอาเงินให้พี่สาวหรือไม่ ฉันตอบเขาว่า วันนี้เวลาไม่พอให้แวะ ไปกันก่อนแล้วกัน เดินทางถึงสนามบินสิบโมงพอดี
ยกกระเป๋าเดินผ่านประตูเข้าไป เอ๊ะ ไม่มีใครเลยมีแต่พนักงาน สงสัยเราเป็นคนสุดท้ายมั๊ง ว่าแล้วก็เดินเข้าไปเช็คอิน พนักงานเขาก็ดูคล้ายจะรีบอยู่ ได้ยินบอกกันว่าอีกใบเดียวใบเดียว ระหว่างหยิบตั๋วเพื่อเช็คอิน เสียงประกาศสนามบินก็ดังขึ้นตอบคำถามในใจ “เที่ยวบินที่ TG…… จากสนามบินสุวรรณภูมิได้มาถึงสนามบินกระบี่แล้ว “
เหตุการณ์เช้านี้เป็นบททดสอบอารมณ์อีกบทหนึ่งที่บอกให้รู้ว่า ที่บอกตัวเองว่าตัวเองเปลี่ยนไปจนใจเย็นได้นั้น เย็นจริงมั๊ย และอะไรคือเหตุที่ทำให้ “ไม่เย็น” ถ้าถอดบทเรียนรู้ที่ได้เจอวันนี้ ฉันให้คะแนนตัวเองว่าวันนี้ใจมันร้อนขึ้นแวบหนึ่งแล้วปรับกลับมาเป็นอุ่นและอุ่นจนเกือบเย็นค่ะ และเหตุที่มันร้อนนั้นมันมีเหตุจากนำใจไปเกี่ยวสัมพันธ์กับคำตัดสินที่เกิดจากประสบการณ์ในอดีตที่คุณสัญญาจำไว้ วิธีหนึ่งที่ใช้ในวันนี้ที่ปรับใจให้อุ่นได้จนเกือบเย็นก็คือ ฝึกใจให้ตัดสินในแง่บวก โดยบอกตัวเองว่า ถ้าคิดว่าไม่ทัน ให้ภาวนาในใจว่าทันซี รับรองว่าทัน ทำใจมันทั้งที่กลัวไม่ทันนะแหละ ซึ่งก็ได้ผลต่อการทำให้ใจมันนิ่งลงได้ทั้งๆที่มีลุ้น
ได้คำตอบว่าที่ใครตั้งนามใหม่ให้ว่า แม่ลมเย็นนะไม่สามารถรับไว้ค่ะ หนึ่งคือ ไม่กล้ารับเพราะรับภาพตัวเองไม่ได้กับตอนที่รู้สึกลมเย็นเบื้องล่าง สองคือ ที่คิดว่าเย็นได้นั้น มันยังหลอกตัวเองอยู่น่ะ บทเรียนครั้งนี้ได้คำถามใหม่ว่า มีวิธีอะไรที่จะทำให้สามารถตามและอยู่กับปัจจุบันโดยไม่ทำนายอนาคตบ้างหนอ น่าสนๆ เอ้าเรียนรู้ต่อไป
อีกบทหนึ่งที่เรียนรู้ก็คือ คนวัยต่างกัน ตัดสินใจต่างกัน เมื่อเจอสถานการณ์เดียวกัน ประสบการณ์อดีตนำมาใช้ตัดสินปัจจุบันไม่ได้เสมอไป ในสถานการณ์บางอย่างที่ไม่มีคำตอบได้ชัด คนสูงวัยกว่าจะเป็นหมีที่ไม่กล้าลองเหมือนคนอ่อนวัยกว่าซึ่งจะใช้ความเป็นกระทิงตัดสินใจ
« « Prev : คุย คุย คุย ถาม ถาม ถาม
Next : เมื่อได้เจอสาวสวยรวยน้ำใจ » »
4 ความคิดเห็น
อ่านไปลุ้นไป อิอิ
คิดถึงแม่ลมอุ่น
จากพ่อลมเย็น อิอิ
อาเหลียงค่ะ ในที่สุดแล้ว การตัดสินใจของคนเป็นกระทิงเขาแม่นยำกว่า เพราะว่าเมื่อไปถึงสนามบินนะ ยังต้องไปนั่งรออีกตั้งนานกว่าเขาจะเรียกขึ้นเครื่อง นี่แหละน่าที่เขาว่า ธรรมชาติมันจัดการตัวเองได้ แต่เราเองนี่แหละที่ไปมีจิตวิตกเอง
คิดถึงท่านพี่จังค่ะ