วันนี้แม่ลูกชวนกันดูหนัง
เช้าวันหยุดวันนี้ ได้นั่งดูหนังที่บ้านกับลูกเป็นหนังออนแอร์ผ่านจอทีวีเพื่อคุณ ซึ่งดูจนจบแล้วก็ไม่รู้ชื่อมันหรอก รู้แต่ว่ามันเป็นเรื่องกระตุกคิดว่าหุ่นยนตร์ก็มีความรู้สึกได้
ระหว่างดูกันอยู่ ฉันบอกลูกสาวว่า แม่อยากดูหนังแต่ไม่รู้ว่าจะไปดูเรื่องอะไร ลูกสาวได้ยินคว้าหนังสือพิมพ์มาไล่ดูชื่อหนังแล้วบอกมา แต่ว่าตอนที่เธอบอกนั้น ตาและหูฉันมันจดจ่อกับหนังออนแอร์เลยฟังไม่ได้สรรพว่าหนังที่เธอเลือกชื่ออะไร มันเลยแว่วๆและรับรู้แค่ว่าเธอเลือกเรื่องที่จะดูแล้ว
ถ้าเป็นแต่ก่อนฉันก็คงไม่สนใจจะบอกให้เธอรับรู้ว่าฉันได้ยินสิ่งที่เธอบอกไม่หมด แล้วเมื่อถามขึ้นมาใหม่ เธอจะงอนว่าฉันไม่ใส่ใจที่เธอบอกให้ฟัง แต่วันนี้ฉันบอกเธอว่า เดี๋ยวๆ แม่กำลังสนใจที่หนังมันพูดกันอยู่ ขอดูหนังก่อน แล้วเดี๋ยวจะคุยต่อ ฟังแล้วเธอเงียบเสียงไป จนกระทั่งโฆษณาขัดตอนเข้ามา ฉันจึงชวนเธอคุยต่อเรื่องหนังที่เธอเลือก ว่าเป็นหนังแนวไหน
เจ้าพี่ชายเดินเข้ามานั่งร่วมฟังด้วย ฉันบอกเขาไปว่า ฉันกับน้องกำลังคุยกันเรื่องหนัง ฉันอยากดูหนังจึงให้น้องเลือกเรื่องที่จะดู ได้เรื่องมาแล้ว ช่วยบอกหน่อยสนุกมั๊ย เพราะวันก่อนไปดูหนังมา
เจ้าพี่ชายได้ฟัง เขาก็เดินไปดูรายการหนังในหนังสือพิมพ์ สองพี่น้องร่วมวิจารณ์หนังที่มีรายการให้ดูในหนังสือพมพ์ คุยกันจุ๋งจิ๋ง ไม่มีคำถกเถียงอะไรกันออกมา แล้วก็มีคำตอบว่า เรื่องที่เลือกพี่ชายไม่เคยดู
คราวนี้มันมีแปลกที่การแลกเปลี่ยนและคำพูดคุยไม่มีอะไรเป็นคำตัดสิน แต่ได้คำตอบว่าหนังซึ่งลูกสาวเลือกจะไปดูนั้น เจ้าพี่ชายเขามีความเห็นร่วม แต่ฉันไม่ร่วมออกความเห็นอะไร
บรรยากาศที่คุยกันเช้านี้นับเป็นเรื่องดีๆอีกวันของชีวิตในครอบครัว ที่เกิดจากตัวฉันทำตัวเองเป็นคนใจง่ายอีกครั้ง เป็นการทำตัวใจง่ายภายใต้เงื่อนไขที่วางร่วมกัน นั่นคือ “ดูหนัง” ค่ะ
ใครไม่เคยทำลองทำดูนะค่ะ เป็นความสุขที่ได้มาอย่างง่ายๆค่ะ และนี่คือการดูแลกันที่ลูกๆไม่ต้องไปเริ่มเมื่อแก่หรือเจ็บป่วยหนักๆค่ะ
หมายเหตุ รูปภาพที่ได้มา อภินันทการจาก Bloggang.com และอาจารย์หมูส่งมาให้ค่ะ
3 ความคิดเห็น
ทำไมต้องรอจนถึงวันนั้น อิอิ
ไม่มีวันนี้สำหรับคนนั้นแล้ว
แต่จะมีวันนี้สำหรับทุกคนค่ะ ไม่ต้องรอถึงวันนั้น เช่นกันค่ะ
#1 #2 อิอิ…การทำตัวเป็น”คนใจง่าย” นะแค่ “ปล่อยง่าย” ก็ไม่ต้องรอจนถึงวันนั้นแล้วค่ะ