เยือนน่าน (๑)
ต้นเดือนพฤศจิกายน ปี ๒๕๕๕ เป็นเวลาพิเศษของชีวิตที่ได้มีโอกาสเหยียบดินเมืองน่าน เมืองที่อดีตเคยฝันอยากพาตัวมาปักหลักทำงานเมื่อจบแพทย์ ยุคนั้นเป็นยุคที่นิสิต นักศึกษาแพทย์ล้วนฮิตฮอต ชวนกันมุ่งหน้าสู่ชนบทกันแบบแห่ ที่คิดปักหลักทำงานในกรุงมีอยู่น้อย น่านเป็นที่หมายตา จับฉลากได้มาน่านถือว่าได้คิวทองเป็นรางวัล ฝันละลายเป็นแห้วเมื่อลืมตาตื่น วันนี้ทำงานอยู่ต่างที่
ปูชนียบุคคลอย่างนพ.บุญยงค์ วงศ์รักมิตรเป็นแรงดึงดูดหลักที่ทำให้น่านน่าสนใจ การได้มาน่านแต่ละครั้งได้กำไรชีวิตติดตัวกลับทุกครั้งไป ๒ ครั้งแรกหน้าที่ตามอาชีพทำให้ได้มา ครั้งนี้สำนึกแห่งศิษย์เป็นตัวชักพาให้มา
ให้เวลาเดินทางตัวเองไว้ ๖ วัน เคยบินจากกรุงเทพฯถึงน่านก็แล้ว นั่งรถจากลำปางไปน่านก็แล้ว ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะลองใช้เส้นทางรถไฟดูบ้าง รับรู้สังขารช่วงใกล้เดินทางแล้วน่าจะไม่ไหว จึงลงเอยด้วยการบินลัดฟ้าจากกระบี่สู่เชียงใหม่แทน เมื่อพาตัวแตะพื้นดินเชียงใหม่ ครูใหญ่และน้องอารามมารอรับตัวอยู่แล้ว หลังจากนั้นไปปะหน้าน้า น้าบอกว่า “หนูแห้วซะแล้ว จำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางมุ่งกรุงเทพฯแทน…..”
ส่งกอดให้กันแล้วละจากมุ่งสู่ลำพูน เมืองที่พ่อครูบอกว่า ได้มานอนค้างแล้วอายุจะยืนขึ้น ถึงลำพูนย่ำค่ำ หยิบอุปกรณ์และไฟฉายไปส่องผัก เก็บผักริมรั้วริมหนองริมทางเดินในพื้นที่โรงเรียนมงคลวิทยามาทำกับข้าวกิน ได้ครัวบ้านหนูน้อยเสื้อสีส้มเป็นที่พึ่ง ตำน้ำพริก หั่นตะไคร้ เด็ดผัก จนได้อาหารจานด่วนรสเลิศที่มีความหวานของผักสดๆจากต้นมาให้ลิ้มลอง แถมด้วยปลาย่างจากหนองน้ำที่ปิ้งจนแห้งหอมกรุ่นโดยพ่อครัวที่มีความละเมียดละไม เติมเต็มความสุขเล็กๆที่เกิดจากการทำกสิกรรมให้ตัวเองได้พึ่งด้วยกัน
อิ่มคาว ก็เติมหวานด้วยลองกองที่น้าหามาฝาก ชีวิตละมุนละไม อิ่มใจอย่างนี้จะเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมหรอกจะบอกไห่ ท้องตึงกันแล้วจึงสลายวง ชวนกันมาเตรียมพร้อมเดินทางในวันรุ่งขึ้น
เช้าก็ชวนกันเข้าเชียงใหม่ คว้าตัวน้องฑูร น้องแอ๊ด หลานนิว และดร.ฝนได้ครบ ก็มุ่งหน้าสู่ลำปางตามเส้นทางห้างฉัตร น้าแจ้งไว้ว่าจะมีผู้ร่วมทางไปด้วยอีกคนที่ลำปาง ระหว่างทางดร.ฝนนึกได้ว่ามีซองบุญของวัดท่ามะโอที่พ่อครูฝากไว้ จึงชวนกันร่วมบุญ ตกลงใจแวะวัดเพื่อถวายซองแทนพ่อครู
ถึงลำปางจวนเที่ยง ผู้ที่จะร่วมทางก็ส่งเสียงมาแนะนำเส้นทาง จนกระทั่งได้เจอตัว สถานที่ีที่แวะรับเป็นบ้านทาวเฮาส์ ถึงจุดรับจึงได้รู้ว่า เรื่องราวชีวิตของคนในบ้านหลังนี้เคยออกสื่อในรายการคนค้นฅน เจ้าของบ้านชื่อ ครูแมว สนทนาทำความรู้จักกันครู่ใหญ่ จึงเดินทางต่อไปวัดเพื่อถวายซองบุญ ตอนนี้ทั้งรถมีสมาชิกเพิ่มมาอีก ๒ คน หนึ่งคือครูแมว อีกหนึ่งคือ ครูป้อม
๒ ท่านนำทางไปวัด นิมนต์เจ้าอาวาสมารับซองบุญ รับพรแล้วขอเมตตาหลวงพ่อเลี้ยงข้าววัด อิ่มท้องแล้วเดินชมวัดกัน ได้ความรู้ใส่บ่าแบกหามมาว่า ขะโยมดารา นักร้องดังหลายท่านเป็นอุปัถฐากของวัดนี้ อาคารวิปัสนาหลายหลังรู้มูลค่าแล้วร้องอื้อหือ แต่ละหลังใช้งบไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท
วัดตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่บ้าน ใกล้ชิดชนิดออกไปยืนที่ประตูก็ถึงเรือนชาวบ้านนั่นแหละ พระพุทธรูปที่วัดมีเป็นรูปลักษณ์ที่ใช้ฝีมือเชิงช่างพม่าสร้างขึ้น ดูจากวิธีต่อเติมตกแต่งสถานที่ที่มีเครื่องมือพร้อม ลงมือได้ในพริบตาเดียว ณ เวลานั้น ก็บอกตัวเองว่าพระเณรวัดนี้มีฝีมือช่างกันไม่เบา
บ่ายคล้อยเดินทางมุ่งสู่น่าน ระหว่างผ่านแพร่ แวะร้านค้าริมทางสำรวจสินค้าเกษตรของชาวบ้าน มีกบ ปลาไหล ผักพื้นบ้าน ฝักเพกาพันธุ์ไม้วางขาย มีดอกว่านชนิดหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้)วางขายด้วย เขาว่าใช้ใส่ยำคล้ายๆดอกกระเจียว มีเมล็ดเปราะขายด้วย เห็นแล้วนึกถึงคนที่บอกว่าชอบที่อยู่เมืองโคราชในบัดดล บอกตัวเองว่า ถ้าขากลับ เวลามีให้ แวะซื้อไปฝากซะหน่อยน่า
วิ่งรถอีกราวๆ ๒ ชั่วโมงก็ถึงน่าน ก่อนเข้าน่าน พี่ตึ๋งส่งเสียงทักทายและบอกจุดที่ตัวเองอยู่ จึงรู้ว่าทีมพิษณุโลกล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ถึงน่านเกือบ ๕ โมง ส่งข่าวแจ้งเจ้าภาพว่าถึงกันแล้ว มอบพี่ตึ๋งรับพี่บ่าวแฮนดี้จากโรงแรมมาสมทบที่จุดนัดหมายของเจ้าภาพ ๕ โมงครึ่งคือเวลาพบกัน
ถึงจุดนัดพบ คณาจารย์และทีมงานที่มีพันธกิจอันยิ่งใหญ่รอพวกเราอยู่แล้ว มีหัวเรือใหญ่ คือ ศ.น.สพ. อรรณพ คุณาวงษ์กฤต นำทีมต้อนรับสู่ห้องประชุม ระหว่างพ่อครูกับอ้ายเปลี่ยนบินมาจากเมืองกรุง อาจารย์หัวใจทองได้เล่าเรื่องความเป็นมาของสถานที่ให้ฟัง จบแล้วจึงชัดเจนว่า ห้องประชุมที่นั่งกันอยู่เป็นของสำนักงานคณะกรรมการศึกษาวิจัยทรัพยากรการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
« « Prev : ตามลม๒ (๙) : ฟังคำอธิบายแล้ว…อิอิ
ความคิดเห็นสำหรับ "เยือนน่าน (๑)"