สั่งทำไมกันเล่า

โดย สาวตา เมื่อ 8 กุมภาพันธ 2012 เวลา 2:56 ในหมวดหมู่ จัดการตัวเอง, ประสบการณ์ชีวิต, สร้างนิสัย #
อ่าน: 1390

เดือนกว่าแล้วที่ไม่ได้เขียนบันทึก วันนี้มีเรื่องอยากเขียนขึ้นมาก็เลยเขียน เอะใจกับความแก่ของตัวเองขึ้นมานั่นแหละน่า ทั้งๆที่ทุกเวลาส่องกระจกแล้วไรผมขาวที่เห็นบอกโต้งๆว่าแก่แล้วนา ก็ยังอดไม่ได้ที่จะพรรณนาเรื่องมัน

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าในช่วงนี้ มีเรื่องที่ต้องฟื้นความจำขนานใหญ่อยู่เรื่องหนึ่งกับทีมงาน มันเป็นไปได้อย่างไรกันที่เรื่องราวเพิ่งผ่านพ้นไปไม่เกิน ๒ ปี แต่ปรากฏว่าจำรายละเอียดอะไรแทบไม่ได้ ต้องใช้เวลารื้อฟื้นอย่างช้าๆกันหลายวัน

เรื่องอย่างนี้ไม่สมควรที่จะเกิดกับคนแก่ โดยเฉพาะเรื่องของการไม่จำกติกาและการตัดสินใจที่ผ่านมา แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว

เปรยเรื่องนี้ให้ลูกน้องที่มีอายุรุ่นราวคราวลูกฟังว่า รู้สึกเหมือนประสิทธิภาพการจำของฉันมันย้อนวัยไปซะแล้ว เรื่องมีสาระที่เคยเกี่ยวไม่ยอมจำ อย่างนี้เป็นเรื่องที่ไม่ใคร่เกิดในคนวัยแก่แล้ว ใช่ไหมหนู

เจ้าลูกน้องส่งความเห็นกลับมาว่า อืม ใช่ เด็กวัยหนูไม่จำเรื่องงานหรอกค่ะ จะจำก็แต่เรื่องราวที่สนุกๆเท่านั้น ตอบแล้วเธอก็ส่งยิ้มมาให้

คำตอบเธอชี้ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง  เดี๋ยวนี้คิดอะไรจะคิดได้เร็วกว่าเดิม ตัดสินใจได้ลงตัวเร็วกว่าเดิม จะทำอะไรเมื่อตัดสินใจลงตัวแล้ว บอกให้ใครไปทำแล้ว ก็จะไม่จำ พอเขาย้อนกลับมาคุยกันอีกทีเพื่อรายงานผลและทวนสอบอีกที ตัวเองกลับงง บางทีก็จำไม่ได้ว่าบอกอะไรออกไปแล้วบ้าง

จะว่าเป็นอัลไซเมอร์เลยก็ไม่ใช่ จะว่ากลายเป็นคนสมาธิสั้นก็ไม่เชิง กลายเป็นคนความจำสั้นไปตั้งแต่เมื่อไร ไม่รู้ตัวเลย แปลกเหมือนกัน

หรือว่าเรื่องที่ผ่านมาในช่วงหลังๆ มันมีบทมากมายเสียจนเกิดชิปคำสั่งอัตโนมัติขึ้นในสมองแอบสั่งไม่ให้จำ

ที่จำไม่ได้นี่ไม่ได้หมายถึงขณะตัดสินใจไม่มีสติอยู่กับตัวนะ ไม่ใช่หรอก เพราะตอนที่เกี่ยวมีบทคิดให้ใคร่ครวญไตร่ตรองก่อนสรุป

ไม่น่าเชื่อว่า “สติ” กับ “ความคิดวิเคราะห์” มันจะสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่นอย่างนี้

นี่ถ้าไม่เคยฝึกหน่วงตัวเองให้ช้าลง  คงไม่มีโอกาสได้รู้ ได้เห็นว่า “สติ” กับ “ความคิด” นี่มันคนละตัวกันเลย

ที่สนใจกว่าคือ ชิปคำสั่งอัตโนมัติที่ว่าไว้นั้นเป็นฝีมือใครกัน แล้วสั่งเพื่ออะไรกันเล่า

« « Prev : อารมณ์หลอน

Next : คิดได้ ก็ได้คิด » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กุมภาพันธ 2012 เวลา 20:55

    ๕ห้า5 เวรกรรมทูเดะโอลด์เอจโซไซอิตี้ นะหมอเจ๊
    ผมเองก็เป็นแบบหมอว่ามาเกือบทุกประการแหละ
    ดีนะที่ยังจำได้ว่า รพ.กระบี่ส่งเอกสารมาให้เซ็นรับเงินเมื่ออาทิตย์ก่อน
    คงต้องรออีกสักสองอาทิตย์แหละ กว่าจะจำได้ว่าต้องเซ็นแล้วส่งกลับ
    นี่ถ้าลืม ไม่ส่งเงินให้ ก็จำไม่ได้แล้วหละ คนส่งก็ไม่ต้องเสียเงินฟรีๆ แหะๆ

    สติ กับ สัมปชัญญะ เท่าที่ “จำ” ได้ มันต้องทำงานคู่กันนะหมอ
    ถ้ามีสติแต่ขาดสัมปฯ มันอาจเลวร้ายกว่าไม่มีสติเสียอีกก็เป็นได้
    เช่น มีสติว่า เกลียด โกรธ แต่ไม่มีสัมปฯ เป็นวิชชาเขามาดับมันก็ยิ่งไปกันใหญ่

    อุปมามีสติเห็นไฟไหม้ แต่ไม่มีความรู้ในการดับไฟ มันก็ยิ่งไปกระพือไฟให้ไหม้มากยิ่งกว่าเดิมเสียอีกนะครับ

    เมื่อสามสี่วันก่อนคุยกับพี่ชาย ท่านยังบอกว่าสามารถของเงิน csr ได้นะครับ …เรือง รพ.สีเขียว ที่คิดกันไว้น่ะ ..ยัง “จำ” ได้ไหมเอ่ย อิอิ

  • #2 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กุมภาพันธ 2012 เวลา 21:00

    ลื้ม.. ลืมหมดแล้วหรือไร
    (เพลงเตือนใจคนแก่ขี้ลืม…เพลงนี้ทำนองมาจากเพลงคลาสสิกฝรั่ง ไชคอฟสกี้หรือไงเนี่ยแหละครับ)

    http://www.youtube.com/watch?v=MCrJIA8z3PM&feature=related

  • #3 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 กุมภาพันธ 2012 เวลา 1:33

    อาจ๊ารย์ อาจารย์ ดีใจที่เข้ามาเม้นท์ค่ะ กะว่าจะหาเวลาหิ้วกรงนกไปให้อยู่พอดีเลย

    ตั้งแต่ย่างเข้าปีตอง ๕ นี่ หัวหมุนเป็นลูกข่างกับเรื่องที่คนอื่นเขาว่ามีสาระ แต่ตัวหมอว่ามันไร้สาระเยอะแยะไปหมด โชคดีที่เมื่อกลางเดือนที่แล้วได้แวบไปหาน้องสร้อย(อุ๊ย) น้องครูอึ่ง และน้องอาราม ได้เม๊าท์เรื่องมันๆกันเลยรอดตัวมาได้ถึงวันนี้

    เอกสารที่ส่งมาให้อาจารย์ช่วยลงนามนั่นก็เป็นหนึ่งในบรรดาเรื่องไร้สาระที่ทำให้หัวหมุน เพราะมีคนมาทำให้ต้องหมุนหัวตอบคำทวงถามอยู่บ๊อยบ่อย จนเบื่อการหมุนหัวไปเลย
    เงินที่ส่งให้ก็ต้องไปหมุนหัวซ้ายทีขวาทีอยู่พักใหญ่

    นึกแล้วเชียวว่าอาจารย์รออยู่ ไม่ลืมค่ะ โครงการ ร.พ.สีเขียวนี่เป็นความฝันที่อยากทำ เพียงแต่ระหว่างนี้ ยังไม่มีสมาธิพอจะรวบรวมขึ้นเป็นเรื่องราวให้ชัด ก็เลยยังไม่ร่างโครงการ ความคิดไม่ชัดพอ อยู่ๆจะขอให้ใครช่วยเป็นสปอนเซอร์ หมอว่ามันยากสำหรับคนที่จะให้นะคะอาจารย์

    ขอบคุณอาจารย์ที่เตือนให้นึกถึง “สัมปชัญญะ” มันเตือนให้จำได้แล้วว่า ไม่จำเพราะไม่ยึดติด แค่รู้ว่า ทำแล้ว บอกแล้ว มีคนรับไปทำแล้ว ก็จบ ไม่ยึดติดว่า เขาจะทำได้ตามที่บอกไปมั๊ย วางอุเบกขาก่อนจบว่า ถึงเวลาค่อยตามดู ทำไม่ได้ก็ไว้บอกซ้ำ นึกไม่ได้ก็ให้คนถามทวนเรื่องให้ฟัง นึกไม่ออกก็ให้เวลาตัวเองนึกไปช้าๆเมื่อคนถามทวนเรื่องให้ฟัง ถึงเวลาก็นึก ไม่ถึงเวลานึกก็ปล่อยไป แล้วก็จบ แค่นี้แหละค่ะ ทำแบบนี้ก็ไม่เหมือนคนแก่อีกนะแหละ เอ๊ะ หรือว่าเหมือน

    เพลงที่ลิงค์มาเพราะค่ะ ไม่ได้ฟังนานแล้ว ขอบคุณค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.095628976821899 sec
Sidebar: 0.60160994529724 sec