ตามลม(๕๓): ชี้มุมเอี่ยวทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงให้ทีมงานรับรู้
ระหว่างที่ยังคิดไม่ออกจะทำอะไรได้อีกง่ายๆ ก็หาโอกาสค้นหาข้อมูลเพื่อค้นหาปัญหาจากบรรดาช่างทั้งหลายและฝ่ายบริหารที่ทำหน้าที่กำกับงาน
ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าบอกตรงๆว่าอะไรคือแรงจูงใจให้เข้าไปจับเรื่องมาทำ ที่พบที่เห็นเป็นอย่างไรตามลำดับ ลงมือทำอะไรไปบ้าง และเพื่ออะไร
ทั้งเรื่องของความห่วงใยลึกๆที่มีอยู่ในใจ ทั้งเรื่องที่รับรู้ว่างานที่ช่างรับผิดชอบเป็นเรื่องเกินความสามารถที่จะแก้ลำพัง ทั้งเรื่องของความพลาดที่ตัดสินใจทำเรื่องใหญ่เพียงลำพังของช่าง ทั้งเรื่องของการได้ที่ปรึกษามาให้กำลังใจตั้งแต่ต้นและกำลังจะมาช่วยในไม่ช้า ทั้งเรื่องของความเสี่ยงตามกฎหมายที่กำลังจะเสนอเข้าสภาที่พวกเขาได้เข้าไปเกี่ยวข้องโดยไม่คาดฝัน
เปิดใจบอกความรู้สึกไม่แฮปปี้ขณะที่มาจับเรื่องทำ แล้วเจอบางคนในพวกเขาเมินเฉยเมื่อฉันขอความช่วยเหลือให้เขารับรู้ด้วย
บอกตรงๆว่า จับเรื่องนี้มาแล้วฉันก็รู้ว่ามันยากเกินความสามารถ แล้วเรื่องยากๆขนาดนี้หากพวกเขาจะรับมือเอง แก้ปัญหาเองต่อไปก็ไม่เป็นไร ที่ได้ทำไปให้แล้ว อะไรที่ทำได้ก็ทำให้แล้ว อะไรที่ทำไม่ได้ก็ช่วยหาที่ปรึกษามาให้แล้ว เมื่อรับรู้แล้วจะไม่จับมือกันเดินหน้า ฉันเองก็จะหยุดเช่นกัน เพราะผู้ที่เสี่ยงกับเรื่องราวที่สะสมมาแต่กาลก่อนนี้ในทางกฏหมายไม่ใช่ตัวฉัน
บอกความหวังไปด้วยว่า เพียงแค่ต้องการข้อมูลที่พร่องไปของตึกเจ้าปัญหาและระบบท่อน้ำทิ้งของโรงพยาบาลที่ซ่อนอยู่ในที่ลับตา
หวังใจว่าสิ่งที่ช่วยกันค้นหาและร่วมกันรับรู้จะช่วยยืนยันเจตนาบริสุทธิ์ที่พวกเขาร่วมกันทำมาก่อนที่ฉันจะเข้ามาเกี่ยวข้อง
รู้อะไรที่ให้ประโยชน์ในการประมวลไว้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของจุดที่เจอปัญหา ก็ให้บอกออกมาโดยไม่เก็บงำ จะขอแค่นี้เอง ที่ชวนมานั่งคุยกัน
ที่บอกก็เพื่อมอบอำนาจให้พวกเขาตัดสินใจ จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวอย่างไรในการแก้ไม่ว่ากัน ขอแต่ข้อเสนอทางแก้ปัญหานั้นเกิดขึ้นจากความเข้าใจปัญหาของพื้นที่จริงทั้งหมดแล้วเท่านั้นเอง จะได้ไม่ตามแก้กันแบบซ้ำซากต่อเนื่องยาวนานอย่างที่เคยเป็นมากันต่อไปอีก
« « Prev : ตามลม (๕๒) : ก้าวต่อไปอีกก้าวแล้วหละ
Next : ตามลม(๕๔): เปิดใจ”รับรู้คุณค่าของคน” “ซื่อตรงต่อความรู้สึก” จึงได้ใจคนมา » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ตามลม(๕๓): ชี้มุมเอี่ยวทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงให้ทีมงานรับรู้"