ไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้3(ซูโจว อู๋ซี นานกิง หังโจว)
อ่าน: 2339วันรุ่งขึ้น ทานอาหารเช้าเสร็จผมไปเดินเล่นข้างโรงแรม มีสวนเล็กๆอยู่ข้างโรงแรมก็เลยชวนคุณแอ๊ดไปถ่ายรูปเล่นกัน มีหยดน้ำมาฝากด้วย ได้เวลาขึ้นรถไปโรงงานไข่มุก ขายมุกกันก่อน ผมกับคุณแอ๊ดได้แต่เดินดูเพราะไม่มีตังค์ซื้อ ฮา… ออกมาจากหน้าโรงงานไข่มุกมีเวลาเดินซอกแซกตามซอย ไปเดินดูตลาดชาวบ้าน ซื้อขนมกินเล่นอร่อยดี ไม่รู้เขาเรียกอะไร แต่ไกด์บอกว่าเอาง่ายๆเรียกพิซซ่าจีนก็แล้วกัน อิอิ
จากนั้นก็ไปที่พระใหญ่หลิงซาน ไกด์พาเรานั่งรถไฟฟ้าไปส่งยังจุดหนึ่ง ผมได้ยินเสียงดนตรีแบบออเคสต้าอลังการมาก แต่จุดที่รถจอดกับจุดที่มีเสียงดนตรีก็อยู่ห่างกันพอสมควรไกด์ก็อธิบายนัดแนะจุดกันก่อน อธิบายเสร็จเดินไปที่จุดที่มีเสียงมันก็เงียบพอดี แต่ก็ยังได้ภาพว่าตอนมีเสียงดนตรีดอกบัวบานได้ แต่พอเราไปถึงดอกบัวมันหุบไปแล้ว แฮ่…ก็ได้ถ่ายภาพความงามของภาพที่ทำด้วยโลหะมาฝากเล็กน้อย มีนกพิราบสีขาวล้วนด้วย จากนั้นก็ไปเจอกันที่จุดนัดพบ ไกด์พาเข้าตัวอาคารหรูหรายิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง ชนิดเข้าไปใครก็ทึ่งในความงาม แต่พอเข้าไปคุณแอ๊ดขอเข้าห้องน้ำก่อน ลูกทัวร์ก็เดินเข้าไปก่อน ผมก็รออยู่กว่าคุณแอ๊ดจะออกมาก็ใช้เวลาพอสมควรเพราะคิวยาว ออกมาได้ไกด์ก็เร่งให้เดินเพราะคนอื่นล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ถ่ายรูปไม่ได้ตั้งใจเลย กดได้กดเอาไปก่อน เพราะคนก็เยอะ แต่ก็พอมีของมาฝาก
เราทานอาหารเที่ยงแล้วก็เดินทางกันต่อ ระยะทางไกลพอสมควร ถึงจุดหมายเขาให้เราไปเที่ยวสวนลี้หู ชมวิวทะเลสาบไท่หู แต่เราไม่รู้เส้นทางมัวแต่อ้อมไปอ้อมมากว่าจะไปถึงจุดที่เพื่อนๆเขาอยู่เราก็เสียเวลาไปมาก พอเที่ยวชมแล้วจะกลับอ้าว…เราเดินอ้อมทำไม จุดที่เราเดินจุดแรกใกล้กว่าที่เขาเดินกันอีก เซ็งเป็ดเลย…ฮ่าๆ แต่ที่สวนดังกล่าวมีสวนสนุกด้วย มีของกินเล่นและมีไก่ย่างด้วยอันละ ๒ หยวน แต่ไม่ได้ซื้อกิน จนพระอาทิตย์ใกล้ตกก็ไปทานอาหารเย็นซึ่งมันก็คล้ายๆกันทุกวันแต่ก็ยังดีที่ไกด์คนไทยเขาเอาน้ำปลามาให้กับน้ำพริกเผ็ด เราเอาน้ำพริกสวรรค์ไปก็แบ่งให้ให้คนในโต๊ะได้ทานกันถ้วนหน้า ทานข้าวแล้วก็เข้าพักที่โรงแรม greenway
วันต่อมา…เราไปที่เมืองนานกิง ไกด์มาเราไปที่พิพิธภัณฑ์ที่แสดงสิ่งที่น่าหดหู่กับภาพที่ได้พบเห็น ทั้งงานศิลปะและของจริง ด้านหน้าเราจะเจอประติมากรรมเกี่ยวกับความหดหู่ ภาพของลูกที่นั่งร้องไห้ ใกล้แม่ที่ตายไปแล้วขณะที่น้องดูดนมแม่อย่างไร้เดียงสา ภาพคนที่พาแม่หลับหนีภัยสงคราม แต่ละภาพเห็นแล้วนึกถึงจิตใจมนุษย์กับความโหดร้ายที่ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ๓๐๐,๐๐๐ คนที่ต้องตายไปกับการกระทำของทหารญี่ปุ่นครั้งนี้ เขาสลักชื่อแซ่ผู้ตายไว้ที่ก้อนหินด้วย กองกระดูกที่ทับถม มันทำให้เรารู้สึกอึดอัดเศร้าใจ แต่ก็ไม่วาย…ไกด์แนะนำว่าก่อนเข้าไปให้อธิษฐานก่อนว่าเรามาเยี่ยมไม่ต้องตามเราไป ฮ่าๆ ไกด์บอกให้เราสังเกตรถเก๋งที่แล่นอยู่ในเมืองนานกิง จะเห็นได้ว่าแทบจะไม่เห็นรถญี่ปุ่นเลย ซึ่งก็เป็นความจริง ความเจ็บปวดมันร้าวลึกไปถึงเลือดเนื้อและกระดูก เพราะคนที่ตายไปคือญาติพี่น้องของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
ออกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว ไกด์พาเราไปทานอาหารเที่ยง แล้วพาเราไปตลาดฟูจือเมี่ยว ที่นี่ผมกับคุณแอ๊ดเห็นเรือจอดในคลองลักษณะเป็นเรือให้เช่านั่งน่าสนใจดีสอบถามราคา ๕๐ หยวนต่อคนก็ชวนพรรคพวกที่ไปในบัสเดียวกัน รวม ๖ คนนั่งเรือเที่ยว สนุกดีได้ชมวิวทิวทัศน์สองข้างคลอง มีประติมากรรมหินรูปขงจื๊อด้วย ที่นี่มีที่ให้เดินมากพอสมควร เราเห็นรถไฟฟ้าให้นั่งเล่นอีกคนละ ๑๐ หรือ ๑๕ หยวนไม่แน่ใจก็นั่งรถเที่ยวกันต่อ เขาก็พาไปวนๆตามจุดต่างๆรอบหนึ่ง เราก็ดูไว้จุดไหนน่าสนใจเดี๋ยวเดินมาอีกที…ลงจากรถผมชวนคุณแอ๊ดเข้าไปที่วัดขงจื๊อ ไปเดินดูปฏิมากรรมหินรูปลูกศิษย์ลูกหาของขงจื๊อ..ดูภาพเขียนขงจื๊อขนาดใหญ่ เสียดายที่ขาดคนอธิบาย แต่แทบทุกสถานที่ในเมืองจีนเสียตังค์ครับ ที่นี่ถ้าจำไม่ผิดคนต่างชาติคนละ ๓๕ หยวน แต่คนจีน ๑๕ หยวน ยอมเสียตังค์ครับเพราะอยากรู้อยากเห็น แถมข้างในยังมีเครื่องดนตรีวางอยู่ลักษณะเหมือนกับจะมีการแสดงดนตรีโบราณ และมีคนจับจองที่นั่งรอกันอยู่ แต่เราไม่มีที่นั่งเหลือและถ้าจ่อมอยู่ตรงนี้ก็จะไม่ได้เห็นที่อื่น ก็เลยถ่ายรูปภายในอาคารแล้วเดินออกมาทางด้านหลัง
พอออกมา…คุณแอ๊ดเห็นห้องน้ำขอเข้าห้องน้ำหน่อย ผมก็เลยยืนรอ เห็นคุณแอ๊ดเดินขึ้นบันไดไปสี่ห้าขั้นแป๊บเดียวกลับลงมา ผมถามว่าเสร็จแล้วเหรอ ทำไมเร็วนัก คุณแอ๊ดหัวเราะเอิ้กๆ บอกว่าก้าวขึ้นไปสองสามขั้นก็ได้กลิ่นแล้ว แต่เข้าใจว่าเป็นกลิ่นจากห้องน้ำผู้ชายที่อยู่ข้างล่าง แต่พอก้าวขึ้นบันไดขั้นสุดท้ายก็เจอสาวหมวยถกกางเกงนั่งปล่อยเบา มือก็กดมือถือแชทกับเพื่อนไม่ได้สนใจอะไร เจอแบบนี้ป้าแอ๊ดก็เผ่นกระเจิง ฮ่าๆ
จากนั้นเราก็ไปเดินดูร้านขายของต่างๆ ดูอย่างเดียว แถวนี้มีต้นแปะก๊วยเยอะมาก ปลูกเป็นต้นไม้ข้างทาง ได้เห็นลูกมันที่ยังติดอยู่กับต้นด้วย แต่ไม่ได้ดมเพราะคนอื่นเอามาดมแล้วบอกว่ากลิ่นมันเหมือนตด ฮา….ผมเดินดูโน่นดูนี่ คุณแอ๊ดบอกว่าจำได้ว่าเมื้อกี้เรานั่งรถผ่านมีคนเขียนภาพข้างถนนด้วย เราเดินกันไปเสพงานศิลป์สไตล์จีนอย่างมีความสุข ชอบลีลาการตวัดพู่กันของจีน ไม่เจ๋งจริงเละครับ ผมว่างานศิลป์จีนเขียนยากกว่าสีน้ำของฝรั่ง เพราะสีน้ำฝรั่งเขียนบนกระดาษที่ไม่ค่อยซับน้ำเท่าไหร่ ใช้น้ำรองพื้นก่อน แล้วต่อยแตะแต้มเอา ผิดพลาดนิดหน่อยก็พอแก้ไขได้ แต่ของจีนเขียนบนกระดาษปอนด์บางๆ แตะปุ๊บติดปั๊บเลย ไม่นิ่งจริง ไม่แม่นจริง เละเลย แถมยังต้องใช้เทคนิคในการจุ่มสี การบิดแปรง โอ๊ย…อยากเขียนแบบนั้นบ้าง
ได้เวลาเราไปขึ้นรถเพื่อไปทานอาหารเย็นกัน แต่เราไปถึงเร็วร้านอาหารยังทำไม่เสร็จเราจึงไปเดินเที่ยวกัน ไกด์บอกว่าของหายากบนถนนของจีนสามสี่อย่าง เช่น หญิงท้อง สุนัข แต่จุดที่เราไปทานอาหารซึ่งเป็นกำแพงเมืองนานกิง ผมเดินไปด้านข้างร้านอาหารเป็นริมคลองแต่เป็นลักษณะคลองขุด เห็นคนไปตกปลาเขาใช้คันเบ็ดด้ามยาวที่เขาเรียกว่าคันชิงหลิว ไม่มีรอก ยืนตกปลานิ่งๆ และเห็นคนเอาสุนัขไปวิ่งเล่นกัน ๖-๗ ตัว แถมด้วยวัยรุ่นไปกอดจูบกันแถวนั้นด้วย เฮ้อ…ทานข้าวเสร็จเราก็ต้องนั่งรถไปหังโจวเพื่อนอนที่โรงแรม Haiwaihai ซึ่งเราต้องนอนที่นี่สองคืน…
« « Prev : ไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้2(เซี่ยงไฮ้ ซูโจว)
Next : ไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้4(หังโจว) » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้3(ซูโจว อู๋ซี นานกิง หังโจว)"