จากปู่ถึงหลาน(๑๙)

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 3 เมษายน 2014 เวลา 17:51 ในหมวดหมู่ ครอบครัว, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 40226

วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ ๓ ของทอฝัน พอวันที่ ๒ เมษายน ก็เป็นวันครบรอบ ๙ เดือนของมาวัน หลานทั้งสองเติบโตอย่างมีความสุขในบ้านของเรา

ดูทอฝันเหมือนจะเป็นเด็กอัจฉริยะในการเข้าใจความรู้สึกของคน ในขณะนี้อาการอิจฉาน้องลดลงไปได้มากแล้ว ที่เห็นผลมากที่สุดก็เมื่อหม่าม๊าทอฝันเอาใจทอฝันมากขึ้น กลับจากงานก็ดูแลทอฝันก่อนไปอุ้มน้อง กลับไปบ้านก็ให้ความสำคัญกับทอฝันก่อน ทอฝันจึงยอมกลับบ้านมากขึ้น แต่ทุกคนในบ้านก็ปรับตัว ปู่ก็เล่านิทานเป็นตัวช่วย เล่าเรื่องตุ๊กตาหมาตัวใหญ่ที่ปู่ซื้อให้ทอฝันชื่อกาก้า มีลูกชื่อโบโบ้(ตุ๊กตาตัวโปรด)กับตั๊กก้า ตุ๊กตาแบบเดียวกับโบโบ้แต่ตัวเล็กกว่า

ปู่เล่านิทานว่า กาก้า เป็นแม่ของโบโบ้ เจ้าโบโบ้เป็นหมาตัวเมีย จึงเป็นพี่สาวของตั๊กก้า เจ้าตั๊กต้าเป็นหมาผู้ชาย ชอบเล่นกับพี่ เห็นพี่เดินผ่านมาเจข้าตั๊กก้าจะยิ้มระรื่น แต่บางครั้งโบโบ้ไม่มีอารมณ์เล่นด้วยก็จะแอบถีบน้อง ฮา…แต่เจ่าตั๊กก้าไม่รู้ตัวหรอกว่าพี่ไม่ชอบ นึกว่าพี่เล่นด้วยก็ยังยิ้มคลานไปหาพี่ เจ้าตั๊กก้ายังพูดไม่ได้และยังไม่เข้าใจที่พี่โบโบ้พูด บางครั้งโบโบ้ก็พูดว่า “ไม่ต้องมามองพี่นะ” เจ้าตั๊กก้าก็ยิ้มนึกว่าพี่ล้อเล่นด้วยก็หันมาจ้องมองและยิ้มด้วย ฮา…เจ้ากาก้าซึ่งเป็นแม่ก็เลยต้องดูแลน้องมากกว่าโบโบ้เพราะเวลาโบโบ้หิวห็บอกแม่ได้ แต่เจ้าตั๊กก้ามันพูดไม่ได้ เดินเองก็ยังไม่ได้ แม่กาก้าก็เลยต้องดูเจ้าตั๊กก้ามากกว่า ความจริงกาก้ารักโบโบ้มากนะคะ และทุกคนก็รักโบโบ้ ทอฝันจับทางได้แล้วว่านิทานนี้เป็นเรื่องของตัวก็ถามปู่ว่า แล้วย่าอี๊ดล่ะ(พี่เลี้ยงมาวินซึ่งเป็นญาติปู่)รักโบโบ้ไหม ปู่ก็ตอบว่ารัก ทอฝันถามว่าแล้วปู่ล่ะ แล้วย่าล่ะ พอได้รับคำตอบว่าทุกคนรักก็ยิ้มมากอดปู่ อาการทอฝันก็ดีขึ้น

การเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานก็คงต้องประคับประคองเลี้ยงตามประสบการณ์ซึ่งสำคัญกว่าตำรา เรามักยึดตำราการเลี้ยงลูก แต่ตำราการเลี้ยงลูกบางคร้งเป็นหนังสือแปลก็ต้องถามว่าบริบทของเขากับของเราเหมือนกันไหม บางครั้งผู้เขียนเป็นหมอรุ่นใหม่ซึ่งวิธีการเลี้ยงก็ไม่เหมือนกับคนรุ่นก่อนเลี้ยง ซึ่งประสบการณ์ของหมอรุ่นเก่า กับพ่อแม่รุ่นเก่า ใช่ว่าจะผิดเสียทั้งหมด เช่น คนสมัยก่อนให้เด็กกินไกร๊ป์วอเตอร์ แต่หมอรุ่นใหม่ให้กินยาอย่างอื่นบอกไม่ให้กินทั้งๆที่ตัวยาชนิดนี้ก็มิได้ผสมแอลกอฮอล์แล้ว ต้องถามว่ามันเกิดจากธุรกิจยาหรือเปล่า หมอรุ่นใหม่ไม่ให้กินอะไรนอกจากนมแม่ น้ำก็ไม่ให้กิน ในขณะที่พ่อแม่รุ่นเก่าให้กินน้ำผึ้งเพื่อขับขี้เทา ให้กินน้ำเพื่อไม่ให้ตัวเหลือง ใครผิดใครถูกถ้าผิดและมีอันตรายแล้วลูกๆที่เขาเลี้ยงมาไม่เกิดอันตรายกันหมดประเทศแล้วหรือ

ทอฝันกลัวคุณย่าโกรธเพราะไม่ทำตัวเป็นเด็กดี ถ้าคุณย่าเงียบไม่พูดด้วยจะร้องไห้แล้วบอกว่า “ทอฝันเป็นเด็กดีค่ะคุณย่า แงๆ” อิอิ ถ้าคุณย่ายังไม่ยอมญาติดีด้วยก็จะแถมว่า “ทอฝันขอโทษค่ะ…แงๆ”

ฟังดูหลายบ้านมีปัญหาการเลี้ยงหลานด้วยวิธีสมัยก่อนกับการเลี้ยงสมัยใหม่ตามวิธีการของแพทย์ปัจจุบัน ก็คงต้องแล้วแต่ครอบครัวใครครอบครัวมันกันละครับ แต่จะบอกให้…เด็กที่เลี้ยงด้วยกล้วยน้ำว้าสุกบดกับข้าวป้อนให้กินตอนอายุ ๓ เดือน แข็งแรงทุกคนแถมได้ดิบได้ดีเป็นอัยการพิเศษฝ่ายก็มี อิอิ

มาวินกินนมยากสักนิด และกินนมแม่เป็นส่วนใหญ่แต่…มาวินชอบแหวะและแหวะบ่อย ดูจะผิดสังเกต เมื่อลองสังเกตดูตอนดูดนมแม่จากขวดจะเห็นมาวินบ้วนออก แต่ถ้าเป็นอาหารบดโดยเฉพาะที่คุณย่าทำให้จะกินมากขึ้นเพราะคุณย่าต้มซุปจากผักและกระดูกหมู
มีอยู่วันหนึ่งทอฝันกินขนมปังขาไก่ มาวินอยากกินรุกลี้รุกลนคุณย่าก็เลยป้อนให้แทะเล่น พักเดียวมาวินตาบวม ตามเนื้อตัวขึ้นตุ่มเหมือนถูกมดกัด ต้องพาไปหาหมอซึ่งสงสัยว่ามาวินจะแพ้ยีสต์ ต่อมามาวินกินโยเกิร์ตก็เกิดอาการผื่นแดง หลังจากนั้นคุณย่าซื้อปาท่องโก๋มาทานมาวินกระดี๊กระด๊าอ้าปากอยากกิน คุณย่าป้อนให้แป๊บเดียวตาเริ่มจะบวม ตามเนื้อตัวขึ้นเป็นตุ่ม รีบถ่ายรูปให้หมอดู แต่พอกินยาที่หมอให้มาแป๊บเดียวก็ค่อยๆหาย แสดงว่ามาวินแพ้ยีสต์ค่อนข้างแน่นอน แล้วมาวินจะไปเรียนหนังสือเมืองนอกได้ไหมเนี่ย…

มาวินซนตามประสาเด็กผู้ชายชอบปีนป่าย เผลอไม่ได้ปีนเตียงนอน ปีนเก้าอี้ไม้ ปีนขึ้นบันได ทั้งๆที่ขามาวินมีอาการผิดปกตินิดหน่อยตั้งแต่แรกเกิดที่ขามาวินบิดเข้าในแต่ก็พยายามแก้ไขจนคลายจนดูเป็นปกติแต่พอเวลาคลานข้างซ้ายจะคลานเข่าปกติ แต่ขาขวาจะเหยียบด้วยฝ่าเท้าไม่คลานด้วยเข่า เวลาเดินในเครื่องหัดเดินขาก็จะไม่ค่อยยก แต่ถ้าถามว่าขามีแรงไหม ก็พวกปีนเก้าอี้ใช้มือโหน ขาจิกแน่นก็แสดงว่าขามีแรง ปรึกษาหมอแล้วก็บอกให้คอยดูตอนเดินว่าเป็นอย่างไรค่อยไปแก้กันตอนนั้น

ปู่กับย่าเลี้ยงหลานด้วยความสุขแม้บางวันคุณย่าจะเหนื่อยจนหมดแรง บางคืนทอฝันนอนด้วยแล้วละเมอร้องไห้ตอนดึกใครจะเข้าใกล้ก็ไม่ได้ต้องคุณย่าคนเดียว คุณย่าแทบสลบแต่ด้วยความที่รักหลาน ถ้าหลานจะนอนด้วยก็จะยอมทุกครั้ง แต่ก่อนจะหลับก็จะต้องให้ปู่เล่านิทาน คุณย่าเขี่ยหู สารพัดสารพันที่จะต้องทำบางคืนปู่ต้องเป็นช้างให้หลานขี่ บางคืนก็ต้องเป็นของเล่นหยอดเหรียญให้หลานโยกๆและร้องเพลง เอ บี ซี ดี

เฮ้อ…เป็นปู่อย่างผมลำบากนิ…

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : เฮฮาศาสตร์(ห้วยขาแข้ง)๕

Next : เรียนรู้ตลอดชีวิต » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

7723 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 8.6288712024689 sec
Sidebar: 0.075618982315063 sec