ช่วยกันสร้างฝันให้เป็นจริง

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 16 สิงหาคม 2012 เวลา 7:31 ในหมวดหมู่ การศึกษา, เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 25829

ผมโดดเข้าไปสู่แวดวงการศึกษาอย่างถลำลึกเสียแล้ว เริ่มจากการเป็นนายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนสตรีภูเก็ตที่ต้องทำกิจกรรมร่วมกับโรงเรียน ต่อมาพอลูกเข้าเรียนที่โรงเรียนสตรีภูเก็ตก็ได้รับการคัดเลือกเป็นนายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสตรีภูเก็ต ครั้นเป็นครบสองวาระก็มาเป็นประธานกรรมการสถานศึกษา

ในขณะที่รัฐบาลเริ่มปฏิรูปการศึกษา ผมก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานเขตพื้นที่การศึกษานำร่อง ๑ ใน ๕ ของประเทศ ต่อมาก็ได้รับเลือกให้เป็นประธาน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา และปัจจุบันมีการแยกสายมัธยมกับประถมออกจากกัน เขากำหนดให้เป็นประธาน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา

ระหว่างเป็นนายกสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนสตรีภูเก็ตก็เชิญคณาจารย์จากจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยมาสอนเสริมให้กับนักเรียน ม.๖ ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยให้นักเรียนทั้งจังหวัดเข้าเรียนฟรีโดยไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ซึ่งได้รับงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตจัดสรรเงินให้ ๘๐๐,๐๐๐ บาทเศษ ปีถัดมาเชิญนักเรียนไปถึงพังงาและกระบี่เรียนฟรีเช่นกัน คนในแวดวงการศึกษาจึงมองผมในรูปแบบต่างกัน ครูบางคนมองว่าผมทำความวุ่นวายให้เขาเสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้พักผ่อนต้องมาคอยดูคอยช่วยเหลือนักเรียน ครูบางคนก็เสียรายได้จากการเป็นติวเตอร์ ครูส่วนใหญ่เขาก็ว่าดีค่หางอึ่ง…อิอิ

ช่วงปีเศษที่ผ่านมาจังหวัดภูเก็ต มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อการคัดเลือกครูสอนดีและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ผมได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ เมื่อกระบวนการคัดเลือกครูสอนดีเสร็จสิ้นลง ผลปรากฎว่าจังหวัดภูเก็ตเป็น ๑ ใน ๑๐ จังหวัดทั่วประเทศที่มีกระบวนการคัดเลือกที่ดีเด่น มีส่วนร่วมและโปร่งใสได้รับรางวัลเป็นเงินมาบริหารจัดการเพื่อพัฒนาการศึกษาของจังหวัดภูเก็ตเป็นเงินสามล้านบาท เท่านั้นยังไม่พอยังได้รับรางวัลจังหวัดที่มีการสื่อสารดีเด่นซึ่งเป็น ๑ ใน ๗ ของประเทศอีกหนึ่งหมื่นบาท

คราวนี้แหละครับที่ทำให้ผมกลุ้ม ผมจะทำยังไงกับเงินสามล้านบาทดี ได้นำเสนอที่ประชุมไปว่าผมอยากตั้งสภาการศึกษาจังหวัด เพื่อระดมความคิดจากทุกภาคส่วนมาจัดการศึกษาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เด็กและเยาวชน โดยมีความคิดว่าปัญหาผลผลิตทางการศึกษาไทยที่ไม่ค่อยเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เด็กจบการศึกษาแล้วไม่เป็นคนดี คนเก่งอย่างที่สังคมคาดหวัง จบแล้วทำงานไม่เป็น ขาดความอดทน เด็กในจังหวัดภูเก็ตยังต้องเผชิญกับกระแสโลกาภิวัฒน์อย่างรุนแรงเนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่แทนที่เด็กภูเก็ตจะเก่งภาษา สามารถสื่อสารกับคนทั้งโลกได้ ก็กลับกลายเป็นว่าพูดเป็นแต่ภาษาไทย ภาษาอังกฤษก็ยังอ่อน ในขณะที่แรงงานในภูเก็ตซึ่งเป็นชาวอาเซียนกำลังรุกกระหน่ำเข้ามาทำงานในภูเก็ตมากขึ้น เราจะทำอย่างไรกับการศึกษา ถ้าคนภูเก็ตไม่ลุกขึ้นมาจัดการศึกษากันเองให้ลูกหลานของเราเป็นเด็กที่เราต้องการ

แต่..การสร้างเด็กให้เป็นคนที่พึงประสงค์คงไม่ใช่เฉพาะคนภูเก็ตเท่านั้นที่จะคิดจะทำ แต่เราท่านทั้งหลายที่อยู่ในสังคมนี้ต่างมีหน้าที่ต้องช่วยกัน เพราะโมเดลของภูเก็ตก็จะมีประโยชน์กับเด็กและเยาวชนจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศด้วย ผมอยากขอความคิดเห็นจากทุกท่านที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้ว่า
๑.เราจะจัดรูปแบบสภาการศึกษาจังหวัดอย่างไรจึงจะมีประสิทธิภาพ
๒.เราจะหาเงินจากที่ไหนมาบริหาร
๓.เราจะจัดทำหลักสูตรอย่างไรที่จะทำให้เด็กและเยาวชนเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
๔.ครูสอนดีที่เราได้คัดเลือกมาควรมีส่วนร่วมทำอะไรบ้าง
๕.ท้องถิ่นควรจัดการศึกษาอย่างไร

ลองเบาะๆกันก่อนนะครับ เพราะผมจะนำความเห็นของทุกท่านเข้าสู่ที่ประชุมในวันที่ ๒๒ สิงหาคมนี้เพื่อนำเสนอแนวคิดในการก่อร่างสร้างตัวของสภาการศึกษาจังหวัดภูเก็ต เชิญญาติพี่น้องทั้งหลาย ลุยเลยครับ แฮ่…

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : จากปู่ถึงหลาน(๑๓)

Next : จากปู่ถึงหลาน(๑๔) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

8437 ความคิดเห็น