ไปประชุมที่กรุงเต๊บ(๑)

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 14 กรกฏาคม 2010 เวลา 23:48 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 1595

อัยการชาวเกาะอย่างผม นานๆไปประชุมที่กรุงเทพฯสักที เว้นแต่ตอนไปเรียนที่สถาบันพระปกเกล้า แถมตอนไปเรียนก็แทบไม่ได้ไปไหน ถึงกรุงเทพฯเข้าที่พัก เช้าออกไปเรียน เย็นกลับที่พัก เรียนเสร็จกลับเกาะ อิอิ ไปไหนมาไหนก็แท็กซี่ตลอด คนมีกะตังค์ ฮ่าๆ

วันนี้มาเข้าพักที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ เขาหลอกว่าซี ๘ ลงมาพักห้องคู่ แต่พอเอาเข้าจริง ซีทะลุ ๘ อย่างผมก็ต้องนอนห้องพักคู่เพราะห้องเต็ม ก็ยังสงสัยอยู่ว่าสำนักงาน ก.ค.ศ.เขาเตรียมงานตั้งแต่เดือนที่แล้ว เขาไม่รู้เลยหรือว่าจัดให้ผมพักเดี่ยวไม่ได้ ถ้าบอกตั้งแต่แรกว่าพักคู่ก็จะไม่เสียความรู้สึก ดีว่าไม่ชวนคุณแอ๊ดไปเที่ยว กทม. แล้วถ้าคุณแอ๊ดมาด้วยผมจะทำอย่างไร ไม่ต้องเสียตังค์เช่าโรงแรมนอนหรือ

เอาเหอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เอากระเป๋าเข้าที่พักแล้วก็เดินตุหรัดตุเหร่แถวซอยนานานั่นแหละ เดินไปถึงซอย ๑๕ ปากซอยเจอเป็ดย่างครับพี่น้อง ไม่รอช้าสั่งข้าวหน้าเป็ด ๑ จาน น้ำเปล่า ๑ ขวด น้ำแข็งเปล่า ๑ แก้วพอข้าวหน้าเป็ดมาเท่านั้นแหละ ต้องกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ มันมาเต็มจานเลยครับพี่น้อง รสชาติไม่เลวเลย อิ่มแปล้พุงกาง แนะนำไว้เผื่อใครผ่านไปแถวนั้น

เดินต่อไปเรื่อยๆถึงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่ได้ขึ้นนานแล้วไปเที่ยวมาบุญครองดีกว่าจะได้ไปหาซื้ออุปกรณ์กล้องถ่ายรูปและสูทสักตัวจากร้านที่เคยเป็นขาประจำ ไปยืนอ่านวิธีการซื้อตั๋วอยู่ครู่หนึ่ง ฮ่าๆ คนกรุงเต๊บไม่ต้องหัวเราะ เรามันคนบ้านนอกนั่งแต่แท็กซี่ประจำเลยนิ…จะเอาแบ๊งค์ยี่สิบซื้อตั๋ว เอ…มันสอดตรงไหนหว่า ยืนดูอยู่แป๊บหนึ่งความฉลาดก็มาเยือนเมื่อเห็นช่องใส่เหรียญ หันไปดูที่เคาวเตอร์รับแลกเหรียญ เดินทำหน้าฉลาดแลกเหรียญมาสี่สิบบาท แล้วก็หยอดลงไปสามสิบ มันทอนมาห้าบาท ฉลาดมาก เหอๆ….

ขึ้นไปแล้วรอฟังเสียงมันบอกถึงสถานีสยาม รู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นชาวสยามขึ้นมานิดๆ ลงจากรถเดินเตร่ไปเจอร้านขายอุปกรณ์กล้องถ่ายรูปที่ทางเชื่อม ถามดูราคาแฟลชแคนนอน ถูกกว่าที่ภูเก็ต ๒,๙๐๐ บาท ไม่ซื้อได้ไง เจอแผ่นสะท้อนแสงก็เลยจ่ายเงินอีก เอาไว้ใช้งานเผื่อผลงานจะเข้าขั้นโปรสักที อิอิ

เดินต่อไปเงยดูตึกที่มีร่องรอยไฟไหม้นิดหน่อย ไม่อยากดูให้มันเจ็บช้ำไปกว่านี้เลยถ่ายรูปไว้ดูเพียงรูปเดียว เดินต่อไปจนถึงมาบุญครอง ปกติถ้าไปมาบุญครองผมจะไปที่ฟู้ดคอร์ทก่อนเพื่อหาของอร่อยกิน แต่วันนี้ไม่เฉียดเข้าไปเพราะข้าวหน้าเป็ดยังทำให้ดูเป็นคนท้องอ่อนๆอยู่ ฮ่าๆ เดินไปหาร้านตัดสูทที่เคยเป็นลูกค้ามาหลายตัว เดินไปชั้นสี่ก็แล้ว หาไม่เจอ ชั้นสามก็แล้วหาไม่เจอ ลองขึ้นไปชั้นห้าก็มันขายเฟอร์นิเจอร์ เอ…หายไปไหนหว่า เดินหาเสียน่องโป่งก็หาไม่เจอ เดินตั้งแต่ชั้นสองถึงชั้นห้าก็ไม่เจอ นี่ดีนะยังตัดสินใจเอาเสื้อแจ๊คเก็ตสีดำสำรองมาตัวหนึ่ง พรุ่งนี้รัฐมนตรีมาเปิดงานต้องผูกเนคไทให้เรียบร้อยและใส่เสื้อแจ๊คเก็ตทับอีกทีหนึ่งเราจะดูเป็นคนสุภาพมากกว่าหน้าตา ฮ่าๆ

หาซื้ออินเทอร์เน็ตซิมการ์ดมาใช้อันหนึ่ง เขาบอกว่าให้เอาใส่มือถือแล้วเปิดเครื่อง แล้วเขาจะส่ง sms มาบอก รหัสผ่าน นี่รอมันครึ่งชั่วโมงแล้วไม่เห็นมันบอกรหัสผ่านเลย มันบอกแต่ว่าเริ่มใช้ได้ ๓๐๐ นาที แล้วจนถึงตอนนี้ก็ยังใช้ไม่ได้ ตูโง่หรือมันฉลาดกันแน่ เมื่อกี้ก็ลืมให้เขาจัดการให้ซะที่ร้านจะได้จบกัน ทำอวดดี สมน้ำหน้า ฮ่าๆ เดี๋ยวต้องใจเย็นๆกับมันสักหน่อย แถมพอมาดูสัญญาณอินเทอร์เน็ตในห้องเผื่อจะได้เชื่อมต่อสัญญาณไวไฟ แต่ปรากฏว่าเป็นสัญญาณไฟมอด เพราะทุกยี่ห้อมันเหลือขีดเดียวและบอกว่า poor เหมือนกันหมด สงสัยต้องเสียตังค์ให้กับโรงแรมแต่พอไปถามราคาเธอบอกว่านาทีละ ๑๕ บาท โอ..แม่เจ้า แพงนักก็ยอมอดเล่นเน็ต ดูสิว่าคืนนี้จะตายไหม ฮ่าๆ สงสัยจะหลับก่อนฟุตบอลเสียก็ไม่รู้เพราะเดินจนเพลีย

กลับมาถึงห้องพัก เห็นกระเป๋าในห้องก็ตกใจเพราะเป็นชื่อผู้หญิงมีคำนำหน้าด้วยคำว่า “นาง” ด้วย จ๊าก… แต่เสื้อผ้าที่แขวนเป็นเสื้อผ้าผู้ชาย แสดงว่ายืมของภรรยามาแน่ๆ อิอิ

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ไปทานอาหารเย็นตักข้าวมา ๑ ทัพพี กับอย่างละนิดอย่างละหน่อย แกงจืด ๑ ถ้วย แตงโม ๒ ชิ้น แฮ่ะๆ ช้อกโกแลตเค้ก ๑ ชิ้น แต่ดื่มน้ำเปล่าไปสามแก้ว เพราะนั่งคุยโม้กับบรรดาผู้อยู่ในแวดวงการศึกษาอาวุโสแต่ละแห่ง คุยเรื่องกอล์ฟมั่ง เรื่องการศึกษามั่ง ความร้ายกาจของคนในแวดวงการศึกษามั่ง แต่นินทาแบบล้อเล่นสนุกสนาน เพราะบรรดาท่านที่นั่งอยู่ล้วนแล้วเป็นผู้อาวุโสในแวดวงการศึกษา แล้วพอได้เวลาเราก็แยกย้ายกันกลับห้องเตรียมตัวไปดูบอล อิอิ

กลับมาถึงห้อง ก็เอาโทรศัพท์ตัวใหม่ของแอลจี ที่เห็นว่าราคามันถูกดีและมันดูคล้าย BB ของวัยรุ่น ราคา ๓,๖๙๐ บาท เอาไว้เผื่อเน็ตใช้ไม่ได้จะเอาไว้จิ้มเล่น เอาการ์ดใส่เข้าไปใหม่ ลองเข้า facebook อาฮ่า มันเข้าได้ครับพี่น้อง แต่พอใช้แป้นภาษาไทยก็ต้องร้องเจี๊ยก…เพราะหาตัว ม. ตัว ว.ไม่เจอ นี่ยังไม่รู้ว่าตัวไหนไม่มีอีกนะเนี่ย บนแป้นพิมพ์ไม่มีครับพี่น้อง สงสัยว่าทำไมรุ่นนี้มันขายถูกจังหรือว่าแป้นมันผิดพลาด งงจริงๆ เอาละลองใหม่ไปเข้า Hotmail เข้าได้อีกครับ แต่ตัวอักษรภาษาไทยอ่านไม่ได้ครับพี่น้อง มันเป็น ??????? อ้าว…แล้วจะทำยังไงละเนี่ย แถวโรงแรมก็ไม่เห็นร้านขายมือถือให้เข้าไปถามได้เลย เซ็งม้านิ๊ง (ฮ่าๆ ต้องงงแน่นอน คนใต้บ้านผมเรียกเป็ดเทศว่า “ม้านิ๊ง” อิอิ เซ็งเป็ดมันยังน้อยไป ม้านิ๊งตัวใหญ่กว่า)

ล้มเลิกความตั้งใจ เพื่อนร่วมห้องก็ชอบนอนหัวค่ำ ผมถามว่าดูบอลไหม เขาบอกว่ามันดึกเขาไม่ดูหรอก เขานอน ผมก็เลยนอนมั่ง ตื่นเอาหกโมงเช้า เปิดทีวี ข่าวบอลโลกพอดี เจ้าปลาหมึกพอลแม่นอีกแล้ว นี่ดีนะมันไม่ได้อยู่เมืองไทย ถ้ามันอยู่เมืองไทยมันอาจท้องแตกตายไปแล้ว เพราะพี่ไทยจะต้องเอาของไปเซ่นไหว้มัน ที่มันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เจ้าประคู้ณ ฮ่าๆ (ค่อยอ่านต่อนะ…)

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : หาดไตรตรังก์

Next : ไปประชุมที่กรุงเต๊บ(๒) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 cinshy ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 กรกฏาคม 2010 เวลา 5:36

    อ่านมันส์ดีค่ะ ฮ่าๆๆๆ

  • #2 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 กรกฏาคม 2010 เวลา 8:10
    • ทั่นอัยการ อารมณ์ดี จึงเขียนได้ซาหนุก อ่านเพลิน…

    เพิ่งกลับจากกรุงเทพ ตอนแรกว่าจะเขียนเล่าเหมือนกัน ก็ผลัดๆ มา จนตอนนี้ เริ่มแน่ใจอีกแล้วว่าคงจะไม่เขียน ยกเว้นเรื่องแนะนำห้องพักรับรองพระภิกษุ-สามเณรที่สุวรรณภูมิ เพราะรับปากเจ้าหน้าที่เค้าไว้…

    พักหลังนี้ ไม่ค่อยได้เขียนเรื่องที่ผ่านๆ มา ทั้งที่ตอนแรกก็อยากจะเขียน… เพิ่งค้นพบตัวเองว่า การเขียนเล่าเรื่องที่ผ่านมานั้น เป็นการคิดย้อนอดีต ส่วนการคิดงานที่กองอยู่เต็มวัดซึ่งยังไม่ได้ทำนั้น จัดเป็นการคิดเล็งอนาคต ผสมกับงานเฉพาะหน้าซึ่งเป้นปัจจุบัน…

    เทียบนิทานเวตาล การเดินทางเหมือนการฟังนิทาน แต่เป็นนิทานจากชีวิตจริง ภาพเสียงสมบูรณ์ และยังเป็นนิทานที่เราก็มีส่วนแสดงอีกด้วย….

    เจริญพร

  • #3 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 กรกฏาคม 2010 เวลา 8:21

    อิอิอิ น่ารักดีค่ะ ตอนเบิร์ดหัดขึ้นรถไฟฟ้าไม่ได้ทำหน้าฉลาดน่ะค่ะ แต่ไปยืนดูตามตู้ต่าง ๆ ว่าเค้าทำกันยังไง ก่อนตะกุยหาเหรียญในกระเป๋า เลยมีน้องมาช่วยกดให้ดู 555

  • #4 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 กรกฏาคม 2010 เวลา 23:26

    นมัสการท่านเจ้าอาวาสและน้อง cinshy และน้องเบิร์ด
    ขอบคุณทุกท่านที่แวดเข้ามาทักทาย
    นานๆเข้ากรุงเทพที ถ้าเพื่อนหรือน้องไม่มารับก็นั่งแทกซี่ประจำ บางทีก็คิดจะขึ้นรถไฟฟ้ามหานคร มันมีรถอะไรบ้างก็ไม่รู้ เคยขึ้นบ้างไม่เคยขึ้นบ้าง ที่เคยขึ้นก็ไปกับคนอื่น คราวนี้ลองทำใจดีสู้เสือไปเอง พ่อเคยบอกว่าย่าเคยสอนว่าหอยมันเดินด้วยปาก ฮ่าๆ ไปไหนไม่ถูกให้ใช้ปากถามเอา ไม่ใช่เอาปากเดิน แฮ่ๆ 
    ผมมานั่งนึกนอนนึกว่าบางทีคนเราจะซีเรียสกันไปถึงไหน มองอะไรให้มันเป็นเรื่องสนุกซะ ความโกรธเกรี้ยวก็คลายลง ความเกลียดผู้อื่นก็จะลดลง ทำไมเราจึงต้องหาเรื่องเครียดใส่ตัวกันน้อ…

  • #5 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 กรกฏาคม 2010 เวลา 7:58

    อ่านไปยิ้มไปค่ะ
    คิดตาม เห็นภาพสนุก ๆ ไปด้วย

    ตอนนี้ที่กทม. มี BTS (รถไฟฟ้าวิ่งบนฟ้า)  MRT(รถไฟฟ้าใต้ดิน) BRT(รถไฟฟ้าบนถนน) ค่ะ
    ส่วนใหญ่ BTS จะวิ่งในเขตเมือง  MRT จะออกไปทางรอบนอกไกลหน่อย และBRT เพิ่งเปิดให้บริการไม่นานยังไม่ได้ศึกษาเส้นทางเลยค่ะ แต่ได้ยินว่า ไม่เวิร์ค … คือ เป็นรถไฟฟ้าที่ต้องติดแหง็กอยู่บนถนนเหมือนรถยนต์ทั่วไปเลยค่ะ

  • #6 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 กรกฏาคม 2010 เวลา 7:20

    ผมยังไม่เคยขึ้น MRT กับ BRT เลยครับ ต้องไปลอง แล้วจะมาเล่าให้ฟัง ฮ่าๆ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.59505295753479 sec
Sidebar: 0.99868011474609 sec