กินทุกอย่างที่ปลูก
อ่าน: 3005การทำงานพัฒนาชุมชนหรืออื่นๆนั้นเรามักจะตั้งตัวชี้วัดที่สำคัญหนึ่งคือ ความต่อเนื่องยั่งยืน ซึ่งเป็นยาหม้อใหญ่สำหรับนักปฏิบัติ เพราะองค์ประกอบ ที่มาที่ไป การเริ่มต้น เงื่อนไขชุมชน การสนับสนุนจากภายนอก แม้แต่ระเบียบราชการต่างก็มีส่วนไม่มากก็น้อยต่อประเด็นชี้วัดดังกล่าว
เรามิใช่เทิดทูนทุกอย่างที่เป็นชุมชนว่าดีเลิศประเสริฐศรีไปหมด ที่ดีก็มีมาก ที่ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงก็มีไม่น้อย ยกตัวอย่างหากเปรียบเทียบครอบครัวกลุ่มผู้ไทกับกลุ่มไทบรู หรือโส้ กลุ่มโส้จะสกปรกกว่า บ้านช่องห้องหอ เกะกะ มองตรงไหนก็เป็นเรื่องต้องตำหนิติติงในมุมมองของคนเมืองอย่างเราไปหมด แต่เราจะไปชี้นิ้วให้เขาเปลี่ยนไปหมดทุกอย่างนั้น เขาคงหนีตะเลิดขึ้นป่าขึ้นดอยไปอีก ก็ค่อยเป็นค่อยไป แต่หลายอย่างของเขานั้น ชนเผ่าอื่นๆอาจจะทำอยากกว่า เช่นการปฏิบัติทำการเกษตรเพื่อการพึ่งตนเอง โดยเน้นเกษตรผสมผสานตามเงื่อนไขตัวเองนั้น มันสอดคล้องกับวิถีเดิมๆของเขา โส้ทำได้ดีมาก
เมื่อวันก่อนมีประชุมกรรมการเครือข่ายไทบรู แล้วลืมสมุดบันทึก จึงกลับไปเอา พบผู้นำรุ่นสองกำลังปฏิบัติหน้าที่ “คุณมาดี” เจ้าหน้าที่สถิติแห่งชาติที่กำลังทำการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วประเทศ ใช้เวลาพอสมควร แต่ก็ให้กำลังใจเขาเพราะผลการสำรวจมีผลต่อการพัฒนาประเทศ
พอดีเข้าสู่เวลาอาหารกลางวัน ประสิทธิ์ ผู้นำรุ่นสองอีกคนก็เตรียมอาหาร แบบง่ายๆ ผมไม่ทราบว่าเรียกอะไร เห็นเขาบอกว่าเป็นเมี่ยง ก็แปลกๆ เขาเอาตะไคร้มาหั่น ใส่ครก เอาพริกใส่ ข่ากลางอ่อนกลางแก่ ส้มมะขาม ตำพอแหลก แล้วที่ขาดไม่ได้คือปลาร้า เป็นเสร็จ
แล้ว ภรรยาพ่อหวังก็ไปเอากล้วยอ่อนและปลีมาหั่นใส่กะละมังที่ใส่น้ำ เอาเกลือใส่ลงไปพอสมควรขยำๆแล้วเทน้ำออก ใส่น้ำใหม่เข้าไปเพื่อล้างความฝาด ประสิทธิ์บอกว่านี่คือเมี่ยงของชาวบ้าน เอาปลีกล้วยมาห่อกล้วยอ่อน แล้วไปจ้ำเมี่ยงที่ตำมาแล้วนั้นใส่ปาก หยิบข้าวเหนียวตามไป
สักพักประสิทธิ์ก็เดินไปสวนข้างบ้านคว้าเอาใบมะละกอมาใบหนึ่ง ผมงง งง เอามาทำไม เขาบอกว่าเอามากินกับเมี่ยงนี่แหละ เขาบอกว่า หากกล้วยอ่อนยังฝาดอยู่ก็เอาใบมะละกอมาเพื่อตัดฝาด ความอยากรู้ผมลองชิมดู ก็จืดๆ รสชาติจะอยู่ที่ตัวเมี่ยงที่เขาตำมามากกว่า
ภรรยาพ่อหวังบอกว่า หากมีมะเดื่อก็เอามากินได้ ยิ่งได้มะเข่งยิ่งอร่อย เพราะเขาจะออกเปรี้ยว มะเข่งเป็นไม้เนื้อแข็ง ใบมีรสส้มใช้แทนมะขามได้ หน่วยสุกกินได้ หน่วยอ่อนจะมีรสฝาด ส่วนมะเดื่อนั้นมีสองชนิด ชนิดหนึ่งนั้นกินไม่ได้ แต่เอาไปให้วัวควายกินเวลาเขาคลอดลูก เพราะจะช่วยให้ “น้องวัว” ตกง่าย น้องวัวคืออะไร นี่ต้องถาม อาวเปลี่ยน ได้ข่าวว่าชอบนัก..
ภรรยาพ่อหวังบอกว่า “นี่ไงปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก” เพราะทุกอย่างที่เป็นอาหารมื้อกลางวันนี้ไม่ได้ซื้อหามาเลย และทุกอย่างมีอยู่ในสวนเล็กๆนี่เอง ชาวบ้านถึงบอกว่า เข้าป่านั้นเอาแค่กระติ๊บข้าวไปเท่านั้น อาหารหรือกับข้าวไปหาเอาข้างหน้าในป่า
หากมองในมุมของนักโภชนาการนั้นสอบตกหมด เพราะความสะอาดนั้นไม่ผ่าน..
เรื่องนี้หากหยิบมาพัฒนากันละก็คงใช้เวลามากกว่าโครงการปัจจุบันที่กำลังจะปิดตัวลงน่ะครับ…