ใบไม้ป่าแต่เรียกผัก..
หากไม่บอกหลายท่านก็คงไม่รู้จักว่านี่มันลูกอะไร จริงๆมันเป็นลูกผักหวานป่าครับ ผมไปถ่ายมาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 53 ที่ผ่านมาที่สวนของหมอธีระ ที่เรียกหมอเพราะสมัยอยู่ป่านั้นถูกอบรม ฝึกให้เป็นหมอรักษาทหารป่า มีหมอคนไทยอยู่ด้วยหนึ่งในนั้นก็คือหมอเหวง ที่กลายเป็นศัพท์ เหวงในปัจจุบันนี่แหละ
หมอธีระเพิ่งจะสูญเสียสุดที่รักไปเพราะมะเร็งที่เต้านม จึงเรียกลูกสาวกลับจากรุงเทพฯมาอยู่ด้วยกัน หมอธีระเอาความรู้ฝังเข็มและอื่นๆมาศึกษาและทดลองกับต้นผักหวานป่า โดยทดลองมากมาย และก็พบความจริงทางธรรมชาติของผักหวานป่าจนเป็นเซียนคนหนึ่งในดงหลวง น้อยคนที่จะเห็นผล หรือลูกผักหวานป่าเช่นนี้ เพราะ มันอยู่ในป่าน่ะซี ผลขนาดนี้ก็เอามาต้มกินได้ เขาว่าอร่อยซะไม่เมี๊ยะ ผมไม่เคยลองและไม่อยากลองเพราะเสียดายมัน
หมอธีระมีเคล็ดลับในการดูแลผักหวานป่า โดยใครที่ไม่ใช่คนรักชอบพอก็จะไม่บอก และไม่มีไทโซ่คนไหนที่ดูแลต้นผักหวานป่าจนได้ลูกดกและมากมายขนาดนี้ ปีที่แล้วก็มีคนมาขอซื้อไปเพาะได้ราคาดี ใครที่ไม่เคยกินผัดผักหวานป่าลองไปถามตามร้านดูนะครับว่ามีผักหวานป่าไหม …หากกินแล้วจะติดใจเหมือนผม อาว์เปลี่ยนบอกว่าที่เชียงใหม่เอามาทำใบชาราคากิโลกรัมละ 3,000 บาท นี่หลายปีมาแล้วนะปัจจุบันน่าจะแพงขึ้นไปอีก
เทคนิคอย่างหนึ่งของการปลูกผักหวานป่าคือต้องอิงอาศัยไม้ใหญ่ และควรอยู่ทางตะวันออกของต้นไม้ใหญ่เพราะแดดตอนเช้าแสงแดดไม่ร้อนมากเท่าตอนบ่าย
ซ้ายมือนั่นคือยอดผักหวานป่าที่ถ่ายมาจากตลาดในปากเซ คราวไปเที่ยวลาวใต้ ส่วนภาพขวามือคือผักหวานป่าที่พบคราวไปดูน้ำตกตาดเฮืองส่วนใต้ของเมืองจำปาสัก
คราวนั้นผมพบแม่ค้าเอาถุงสีส้มซึ่งบรรจุผักหวานป่าจากดอนกลางแม่น้ำโขงไปขายในเมืองปากเซ ราคากิโลกรัมละ 100 บาท หากเป็นบ้านเรารึ จะซื้อกินให้พุงกางไปเลย ก็บ้านเรานั้น 200 บาทขึ้นไปทั้งนั้น
ผมเรียกผักหวานป่าว่าเป็นพืชป่าเศรษฐกิจที่มีราคาค่างวดมาก ปีปีหนึ่งทำเงินเข้าครอบครัวเป็นหมื่นบาท เข้าชุมชนหลายแสนบาท แต่มากกว่าร้อยละ 90 เป็นของป่า เพราะการปลูกแม้จะเริ่มนิยมกันมากขึ้นแต่ พ่อครูบาบอกว่าเป็นพืชปราบเซียนจริงๆ เป็นยาก เติบโตยาก ส่วนมากตายหมด
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 53 ที่ผ่านมาท่านรองเลขาธิการ ส.ป.ก. ดร.วีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ ไปเปิดงานผมพาเดินชมแล้วพบพ่อแสน วงศ์กะโซ่ ซึ่งเป็นเซียนผักหวานท่านหนึ่ง ชี้ให้ดูว่าต้นนี้หากใครซื้อผมขาย 1,000 บาท ไม่มีใครกล้า มีคนวนเวียนดูหลายคนแต่ไม่กล้าซื้อเพราะราคามันแพงไป พ่อแสนกล่าวทีหลังว่าผมไม่ตั้งใจขายหรอก แค่เอามาให้ดูเท่านั้น เพราะผมเองก็อยากขยายมันเยอะๆมากกว่าที่จะขายมันไป จึงตั้งราคาสูงๆไว้
ไม่แน่ใจว่าช่วง 23-24 เมษายนที่จะไปสวนป่าผักหวานดงหลวงจะเหลือเท่าไหร่ หากไม่พลาดก็จะหอบไปให้คนที่มาสวนป่าชิมกันสักถุงใหญ่ๆครับ…โดยเฉพาะน้องสาวที่มาจากทางเหนือลองมาชิมผักหวานดงหลวงบ้างนะ….
« « Prev : ภาพเหลืองแดงสมานฉันท์กัน..
4 ความคิดเห็น
ปี้นี้เก็บยอดผักหวานป่าที่มี2ต้นมาแกงหลายครั้ง
เนื่องจากหาเมล็ดผัดหวานป่ายาก
จึงขยายพันธุ์ผักหวานบ้านไปพลางๆ
สวนป่ากำลังทำวิจัยเรื่องผักพื้นบ้านเท่าที่คิดได้ครับ
อิอิ
เพิ่งเคยเห็นลูกของต้นผักหวาน หน้าตาเป็นงี้นี่เอง
เห็นแล้วอยากทานผักหวานเลย อิอิ
อยากเห็นชาผักหวานจังค่ะพี่ หน้าตาจะเป็นไง จำได้ไหมเอ่ย
พ่อครูบาฯครับ ปีนี้ราคาผักหวานป่าที่ดงหลวงแพงกว่าปีที่แล้วครับ 250-350 บาทต่อกิโล ส่วนมากเหมือนเดิมคือพ่อค้าจากสกลนครจะมากว้านซื้อไปขายปลีกที่ตลาดอีกที
พี่เคยทดลองเอามาคั่วเองทำชา แต่ไม่ดีเท่าที่ต้องการ และเราทำแบบผู้ไม่มีประสบการณ์ หากเอาไปให้ผู้มีประสบการณ์คงน่าสนใจ หอมมากครับยังคิดกันว่าทำผักหวานป่าแห้งใส่ถุงไว้ใครอยากกินก็เอาไปแช่น้ำแล้วเอาไปทำอาหารต่อ ใบจะเขียวขึ้นมา ทำเป็นสินค้าขายได้…แค่คิดครับ ไม่เคยทำ