เมื่อลาน..จะไขลาน

โดย bangsai เมื่อ กรกฏาคม 2, 2012 เวลา 21:04 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1997

ตั้งแต่เรียนที่เชียงใหม่สมัย 40 ปีที่แล้ว ทุกคนต้องพูดถึงซุปเปอร์สโตร์ที่ชื่อ ตันตราภัณฑ์ เพราะมีทุกอย่างที่อยากได้ แต่เจ้าของเป็นทุนท้องถิ่น และฟังมาว่า เซนทรัล ที่ดังอยู่ที่กทม จะไม่ขึ้นไปขยายสาขาที่เชียงใหม่ เพื่อไม่ไปแข่งขันกับทุนท้องถิ่น แต่แล้ว ก็ไม่อยู่ เซนทรัลเกิดขึ้นที่เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดร…. บิ๊กซี โลตัส ไปขยายกิจการ ใหม่ๆก็ต่อต้านกัน ตอนนี้ก็เงียบไปแล้ว ผมเห็นชาวบ้านขนญาติพี่น้องนั่งปิคอัพมาเที่ยว บิ๊กซี โลตัส กันกี๊บก๊าบ ซื้อกันระเบิด เกินความพอเหมาะพอดี เพราะระบบธุรกิจมีอุบาย แยบยลที่จะกระตุ้นการจับจ่ายมากขึ้นกว่าความจำเป็นที่ควรจะเป็น เพื่อรุ่นน้องคนหนึ่งเป็น NGO ตัวแม่ในอีสาน ประกาศว่าชาตินี้จะไม่เหยียบเซนทรัล และเธอก็ไม่ทำจริงๆเท่าที่ผมรู้…

นั่นเป็นมุมหนึ่งที่จะมองได้ แต่อีกมุมหนึ่งก็สามารถมองได้ว่า ซุปเปอร์สโตร์นั้นเหมาะกับสภาพเมือง เพราะไปที่เดียวได้ครบทุกอย่างที่ต้องการ ไม่ต้องซ้อหมูที่นี่ ซื้อผักที่โน้น ต้องเดินทางไปอีก ตึกหนึ่ง จะซื้อเสื้อผ้า ต้องเดินทางไปอีกมุมของเมือง เหมือนสมัยก่อน แต่ความหนาแน่นของคนในเมือง รถติด มลพิษ การประหยัดเวลา ระบบซุปเปอร์สโตร์จึงเหมาะ ไปที่เดียวได้หมด ส่วนจะถูกจะแพง จะโอไม่โอในคุณภาพสินค้านั้น ก็ว่ากันไป นี่ก็อีกมุมหนึ่งในการมอง

และมุมอื่นๆอีก

ทุกปีผมจะเอาเงินให้ลูกจำนวนหนึ่งเพื่อให้เธอไปซื้อหนังสือที่เธออยากอ่าน อยากได้ อยากมี โดยเราไม่ได้จำกัดประสงค์ใดๆเลย เธอก็ดีใจหายซื้อหนังสือนิยายดังๆ หรือหนังสือดังๆแห่งยุคที่เป็นภาษาอังกฤษมาอ่าน เราก็แอบชื่นชมเธอ ว่า เออ หนังสือใช้ได้ และเธอก็สนใจที่จะพัฒนาภาษาของเธอ ดังนั้นทุกครั้งที่มีมหกรรมหนังสือที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ เธอก็จะขอเงินไป Shopping หลังๆมานี่เธอพอมีรายได้ เธอก็ไปเองไม่ขอเงินเราแล้ว

ผมสรุปว่าเธอไป Shopping ความรู้ที่เธอสนใจ ที่มีคนจัดระบบความรู้ไว้แล้วในรูปหนังสือแบบต่างๆมากมาย สารพัดชนิด สารพัดสาขา สารพัดรูปแบบ สารพัดราคา สารพัดสำนวน สารพัดผู้เขียน ก็มันเป็นมหกรรมหนังสือ หรือมหกรรมความรู้ก็ได้ แน่นอนมีหนังสือที่ขายดีเพราะอยู่ใน trend มีหนังสือดังและขายดีเพราะผู้เขียนดัง แถมไปนั่งให้เห็นหน้า ไปเซ็นชื่อให้อีก และมีหนังสือดีมากๆจำนวนไม่น้อยที่ขายไม่ดี เพราะผู้เขียนไม่ดัง และไม่มีประชาสัมพันธ์

ลานปัญญา

ผมมองว่าเป็นคล้ายๆซุปเปอร์มาเก็ตด้านความรู้ เรื่องราวบันทึก หลายสาขาอาชีพ หลายประสบการณ์ หลากหลายสำนวน และมีผู้เขียนบันทึกเองนั่นแหละนอกจากเขียนแล้วก็ยังไป Shopping บันทึกคนอื่นๆ นอกจากผู้เขียนบันทึกเองแล้วที่ทำเช่นนั้น สมาชิกที่ไม่ประสงค์จะออกนามอีกจำนวนไม่น้อยที่มา Shopping โดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้อีกด้วย


(เส้นทางเดินของลานปัญญา แม้จะวกไปมา แต่ก็สวยงาม
: รูปจากอินเทอร์เน็ต)

ผู้ใดสนใจเรื่องอะไรก็ไปอ่าน ไปศึกษาเรื่องนั้น ออกจากเรื่องนี้ ไปเรื่องโน้น แล้วกลับมาเรื่องนี้อีก อิสระเต็มที่ ภายใต้กติกา.. หากจะกล่าวว่า ลานปัญญาเป็นซุปเปอร์สโตร์ความรู้ก็เป็นร้านไม่ใหญ่นัก กะทัดรัดตามที่มาหรือพัฒนาการของซุปเปอร์สโตร์แห่งนี้ ส่วนความรู้จะเผ็ดร้อน จี๊ดจ๊าด หรือจืดชืดอย่างไรนั้นก็ขึ้นกับร้านค้าเล็กๆที่เอาสินค้ามาแสดง หรือขึ้นกับเจ้าของบันทึกว่าเป็นคนที่มีลีลาวาดลวดลายอย่างไร ก็เป็นสิทธิเฉพาะตัวจริงๆ เป็นทักษะ ความชอบ สไตล์ของใครของมัน แต่ผมก็เห็นพัฒนาการการเขียนของหลายท่านที่ดีขึ้นจริงๆ

เอ มุมมองมุมนี้ก็ไม่เลวนะ หากเรามาช่วยกันสร้างซุปเปอร์สโตร์แห่งนี้ให้น่าสนใจสมาชิกก็ต้องช่วยกัน สร้างสีสันแห่งความรู้และรสชาติให้น่าสนใจ แต่ก็ขึ้นกับหลายๆส่วนด้วยที่อาจจะต้องสรุปบทเรียนและยกระดับกันขึ้นมาบ้างเหมือนกันครับ

ย้อนไปที่เรื่องที่เชียงใหม่ พบว่าเมื่อมีเซนทรัลมาตั้ง พบว่า ตันตราภัณฑ์ก็ปิดตัวลงไป เมื่อโลตัส บิ๊กซีไปตั้งที่ขอนแก่น ซุปเปอร์สโตร์ท้องถิ่นก็เปลี่ยนรูปแบบสินค้าไปหมดสิ้น ร้ายชัยมหาที่ผมเป็นลูกค้าเก่ามานานตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อเขา เดี๋ยวนี้กลายเป็นร้านขายเฉพาะขนมปังและสินค้าที่เกี่ยวกับขนมปัง และทำได้ดีมาก ผมก็เป็นลูกค้าขนมปังโฮลวีทของเขา

ลานปัญญาก็ยังเป็นซุปเปอร์สโตร์แห่งความรู้แม้จะเล็กๆ แต่เมื่อมี fb มีอื่นๆ เมื่อย้อนกลับมามอง ลานปัญญา ก็น่าสนใจที่จะแลกเปลี่ยนหามุมที่เหมาะสมของลานในโลก Social network หรือก็พัฒนาในตัวของลานเองอยู่แล้ว….

ความเห็นของท่านน่าสนใจครับ

« « Prev : เมื่อนักมวลเมฆเผชิญภัย..

Next : ประเทศไทยในสนามกอล์ฟ.. » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 กรกฏาคม 2012 เวลา 14:46

    มีร้านขายผัก ผลไม้ ขนม ใน รพ. ตั้งมาเก่าแก่ตั้งรุ่นยาย
    ต่อมามีร้านสะดวกซื้อมาตั้งเพิ่มจากหนึ่งร้าน เป็นหลายๆร้าน
    มีร้านขายผลไม้สำเร็จรูปคือปอกใส่ถุงเรียบร้อย เพิ่มขึ้น
    มีร้านขนมหวานเพิ่มขึ้น
    ร้านผัก ผลไม้ และขนมดั้งเดิมก็ยังขายดี และเป็นที่นิยม

    จำนวนคนมากขึ้น ทางเลือกที่มีมากก็เหมาะกับสัดส่วนของคน
    แต่เคยสังเกตว่า แล้วทำไมคนนิยมซื้อผัก ผลไม้ร้านดั้งเดิมนี้อยู่
    ทั้งอาจารย์ นักศึกษา ญาติคนไข้ คนไข้ หมอ พยาบาล

    แม้บางครั้งคนแน่นร้านแทบจะต้องแจกบัตรคิว คนก็ยินดีรอ
    มันเป็นเรื่องของ รอยยิ้ม มิตรไมตรี การพูดคุย พูดเล่น ทักทาย
    มีของติดมือมามาก ฝากไว้มาเอาก่อนกลับบ้านก็ได้
    ความรู้สึกเหมือนมีเพื่อน มีที่นั่งพัก

    ไม่ต้องมีแต่เรื่องผลประโยชน์
    ไม่มีการเร่งให้รีบซื้อรีบไป
    ไม่ต้องแบ่งพวกชั้น พวกเธอ พวกผู้ดี พวกบ้านนอก

    มันเป้นอย่างนั้นค่ะ พี่บางทราย

  • #2 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 กรกฏาคม 2012 เวลา 17:46

    เห็นด้วยครับ เมื่อสัปดาห์ก่อนพี่ไปตลาดเช้าในเมืองขอนแก่นกับยาหยี ผ่ายร้ายของชำคุณยาย อายุมากแล้วยังมานั่งขาย เรียกให้เราไปอุดหนุน เราก็เข้าไปอุกหนุนแม้ว่า สินค้าผักสดของยายจะสู้ร้านข้างๆไม้่ได้ แต่การซื้อสินค้าบ่อยครั้งก็ไม่ได้ดูที่ตัวสินค้าเท่าไหร้นัก ดูที่อัธยาศัยคุณยายและสงสาร หรือพูดอีกทีคือ การเอื้อเฟื้อเกื้กูลมากกว่าคำนึงถึง ความเป็นเลิศของสิ่งที่ได้มา และคุณยายก็แถมให้บ้าง ลดราคาให้บ้าง ต่างคนต่างพึงพอใจครับ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.6162121295929 sec
Sidebar: 0.31134581565857 sec