น้ำใจชาวบ้าน

โดย bangsai เมื่อ มีนาคม 20, 2012 เวลา 0:39 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1364

เรื่องที่ผมบันทึกต่อไปนี้ เป็นเรื่องเล็กๆธรรมดาเท่านั้น ไม่ใช่ใหญ่โตสำคัญอะไรมากมาย เพียงผมอยากบันทึกความรู้สึกดีดีของผมท่ามกลางสังคมที่มีความหวาดระแวงกัน

ผมไปทำงานลำปาง น้องๆจัดให้ไปพักรวมกันชานเมืองตางดาวขวามือในรูปนั้น เจ้าของเป็นคนจังหวัดน่าน มีโรงแรมที่น่าน ที่แพร่ และที่ลำปางนี่ เป็นสตรีขีรถเบนซ์ป้ายแดงจอดอยู่สองคัน ดูท่าทางเป็นคนเก่งคล่อง ราคาที่พักก็ไม่แพง ผมชอบเพราะติดทุ่งนาที่เขียวขจี

มีอาหารเช้าบริการ ส่วนอาหารกลางวันและเย็นนั้น หากินเอาเอง หากจะให้โรงแรมทำให้ก็ได้ แต่ราคาผมว่าสูงไปหน่อย มื้อเย็นผมจึงชอบเดินไปกินที่อื่น ความจริงเราก็มีรถสองคัน สามารถเอาไปเข้าเมืองลำปาง จะกินอะไรก็มีทั้งนั้น ปกติผมเป็นคนเกรงใจคน จึงไม่อยากไปออกปากของยืมรถจากน้องๆ ชอบเดินเอาดีกว่า

วันนี้เหมือนหลายวันที่ผมไม่กินข้าวเย็นที่โรงแรม แต่เดินไปกินที่ร้านข้างถนนซึ่งมีคุณยายมาทำอาหารขาย แม้ว่าคุณภาพจะสู้ที่โรงแรมไม่ได้ แต่ราคาถูกและอยากจะช่วยให้คุณยายมีรายได้ ระหว่างกินผมก็คุยกับคุณยายไปเพื่อทำความเข้าใจวิถีชีวิตคุณยาย

เสร็จแล้วก็เดินไปซื้อของใช้ที่ร้าน 711 ริมถนนสายหลัก ไกลจากที่พักประมาณ ครึ่งกิโลเมตร ระหว่างเดินไปนั้น ถนนมืดมิดลงแล้ว มีไฟบ้างเป็นช่วงๆมีรถเก๋งส่วนตัวผ่านไปหลายคัน บางคันมีป้ายแดงด้วย เมื่อทำธุรเสร็จแล้วก็เดินกลับที่พัก เดินกลับมาเพียงไม่กี่นาทีก็มีมอเตอร์ไซด์ขับสวนทางไป แล้วมอเตอร์ไซด์คันนั้นก็วกกลับมาหาผม

คุณลุงมาหยุดหน้าผมแล้วก็มองผมอย่างจริงจังปากก็ถามว่า อาจารย์….ใช่ไหม ผมงง งง ลุงถามอีก คราวนี้ผมเข้าใจแล้วว่าลุงคงเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นอาจารย์อะไรสักคนหนึ่งที่ลุงท่านนี้รู้จักดี ผมเลยตอบว่าไม่ใช่ครับ…ลุงยิ้มๆแล้วก็ขับกลับออกไป

เดินกลับที่พักอีกไม่กี่ก้าวก็มีมอเตอร์ไซด์อีกคันมาด้านหลังแล้วมาจอดใกล้ๆ ถามว่า จะไปไหนครับ ผมเดาเจตนาชายชาวบ้านท่านนี้ได้ ดูการแต่งตัวที่รกรุงรังเหมือนทำงานมาหนักทีเดียว ผมยิ้มตอบแล้วบอกว่าจะเดินกลับที่พักที่โรงแรมครับ ชายชาวบ้านท่านนั้นออกปากว่าไปด้วยกันไหมล่ะ ผมออกปากว่า ขอบคุณครับ ผมอยากเดินออกกำลังกายครับ…ชาวบ้านท่านนั้นยิ้มให้แล้วก็บอกว่า นึกว่าจะไปด้วยกันผมผ่านตรงนั้นพอดี… ผมขอบคุณชาวบ้านท่านนั้นยกใหญ่

ผมตื้นตันใจที่พบเหตุการณ์เช่นนี้ น้ำใจชาวบ้านช่างเหลือล้นจริงๆ ผมไม่ได้คิดว่าจะพบสิ่งดีดีเช่นนี้ บนถนนมืดๆ สองข้างทางเป็นนาและบ้านชาวบ้าน พร้องบางจุดมีขยะทิ้งส่งกลิ่นเหม็น ทำไมมีผู้มีน้ำใจเช่นนี้ แต่เอ รถเก๋งผ่านไปตั้งหลายคันไม่เห็นแสดงน้ำใจเช่นนี้เลย แต่นี่เป็นมอเตอร์ไซด์เก่าๆกับชายชาวบ้านที่รกรุงรัง

แค่นี้ท่านก็คงเข้าใจความรู้สึกของผมนะครับ

ขอบคุณคนลำปาง

ขอบคุณชาวบ้านท่านนั้น

« « Prev : น้ำค้างบนใบข้าว..

Next : ความสวยในความขัดแย้ง.. » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 มีนาคม 2012 เวลา 16:07

    ผมเคยเดินดุ่มๆ คนเดียว บนทางมืด จู่ๆ มีนศ.สาว เบรคมอไซค์พรืด แล้วถามว่า หนูไปส่งไหมคะอาจารย์ ..ว้ายตาเถร ถ้าไปแล้วผมต้องซ้อนท้ายเธอ มันคงจะไม่ดี ใครมาเห็นเข้า ก็เลยตอบเธอไปเหมือนที่พี่บางทรายตอบน่ะแหละ อิอิ แต่ก็ยังนึกถึงน้ำใจเธอไม่หาย เธอคงไม่คิดอะไร ไอ้ผมเสียอีก

    เดินผ่านกลุ่มแม่บ้าน หรือ คนงานตัดหญ้าที่กำลังตั้งวงโจ้ข้าวใต้ร่มไม้ พวกนั้นก็ต้องถามว่า “กินข้าว..อาจารย์” แต่ผมก็ไม่เคยกินร่วมสักทีหรอ แต่ชอบไปนั่งด้วยสักกะเดี๋ยว ดูว่าอาหารเขามีอะไรกันบ้าง

  • #2 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 มีนาคม 2012 เวลา 16:33

    จริงๆผมก็ไม่ตำหนิท่านที่ขับรถเก๋งคันงามหรอกครับ ผมนึกว่าหากเป็นผมขับรถผ่านมาตรงนั้นบ้าง แล้วมีใครมาเดินอย่างผมบ้าง ผมจะจอดรถรับเขาไหม เดาความคิดท่านเหล่านั้นได้ นี่เป็นภาพสะท้อนคนเมือง ที่ผ่านการเรียนรู้มาให้ไม่ไว้ใจใครนัก ตรงข้ามคนชนบท จะมีความไว้ใจมากกว่า ซึ่งผมเผชิญเรื่องแบบนี้มามาก มาย หลายตัวอย่างครับอาจารย์

  • #3 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 มีนาคม 2012 เวลา 17:19

    ผมเคยเห็นหญิงสาว เดินเดี่ยวอยู่ริมถนน ในมหาลัย (มหาลัยผมมันใหญ่มาก มีป่าดิบด้วย) ยามมืดอีกต่างหาก ผมคิดว่าอยากจะจอดรับเธอไปส่ง เพราะเกรงอันตรายต่อเธอจากพวกมิจฉาชีพ (ฉกทรัพย์แล้วข่มขืนอีกต่างหาก อีกทั้ง อาคารข้างหน้าไม่น่าต่ำกว่า 1 กม.) แต่คิดอีกวาบ เอ..ถ้าเธอคิดไปอีกแบบ แล้วหาว่าผมเป็นผู้ชายลามกล่ะ จะว่าไง (เฒ่าหัวงูอีกกระทง) …ผมชั่งใจไปมา สุดท้ายผมเร่งรถออกไป ไม่รับเธอไปด้วย …เธอคงอยากออกกำลังกาย อิอิ

  • #4 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 มีนาคม 2012 เวลา 21:07

    ห้า ห้า ห้า อาจารย์คิดยากเน๊าะครับ

  • #5 Tak (ตาก) ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 มีนาคม 2012 เวลา 18:53

    ขำ อจ.ทวิช จิงจิง ค่ะ
    เราก็เคยถูกรับขึ้นรถในถนนริมคลองตามบ้านอกอย่างนี้ ที่เรายอมขึ้นเพราะเดินมาแล้ว ๔ โล และเราก็เคยเป็นฝ่ายรับเขาเช่นกัน เท้าเขาเท้าเรา คงจะเมื่อยเท่ากัน เข้าใจน่า บรรดารถเก๋งคันงามมักกลัวภัยค่ะ
    แต่เรามักโซกดี เจอแต่คนดี๊ดี

  • #6 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 มีนาคม 2012 เวลา 20:50

    ผมเคยเข้าชนบทแปลกใจที่ผ่านใครๆก็ทักทายเราเหมือนคนรู้จัก พอคุยสองสามคำก็ชวนไปกินน้ำที่บ้าน บางบ้านเอาส้มสูกลูกไม้มาสู่ ชวนกินข้าว เชิฯนอนพักเสียเลยเมื่อทราบว่าเราเป็นใครมาจากไหน โอยมีเรื่องประทับใจมากมายเกี่ยวกับชนบท ตอนนั้นเรายังเด็กเพิ่งจบ เขาก็เรียกเราเป็นลูก …โอย แสนดีกับเรา จะให้เราลืมเขาได้อย่างไรล่ะ

    ตรงข้ามกับในเมือง ต่างคิดว่าคนแปลกหน้าคือคนร้ายไว้ก่อน หรือเราต้องห่างไว้ก่อน ป้องกันไว้ก่อน….. เสน่ห์ชนบททำให้ผมทำงานมาถึงทุกวันนี้


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 1.3304100036621 sec
Sidebar: 0.77646517753601 sec