พลังสะสมที่แฝงอยู่
รวมตัวกันได้ครบคนก็ย้ายขบวนกลับไปกินข้าวเที่ยง เมื่อถึงโรงแรมพี่อวบไข้ขึ้นสูง ดูอาการแล้วน่าจะให้นอนพัก จึงส่งให้ขึ้นไปงีบพักในห้องพัก คนที่เหลือไปเติมท้องให้อิ่มในโรงแรมนี่แหละ
มื้อกลางวันที่เริ่มเอาบ่ายไปแล้วอย่างวันนี้ มีเรื่องสนุกให้ได้ลงมือ เมื่อใครต่อใครเห็นกับข้าวแล้วแบะปาก พี่แดงก็จัดแจงหาไข่มาให้ทำไข่เจียว ด้วยความช้าของพนักงานโรงแรม พวกเราจึงยึดตะหลิวและเตาจากพนักงานมาทอดเองซะเลย
ร่องรอยที่บอกว่าที่นี่ใช้แสงสว่างจากตะเกียง กะะทะใหญ่ใช้หุงข้าวและครกสีข้าว บอกว่าวัฒนธรรมบ้านเขาและบ้านเราในอดีตใกล้ชิดกัน
ระหว่างรอเคลื่อนพลรอบบ่าย หลายคนจับกลุ่มคุยกันต่อ มีก็แต่น้องต่อผู้ไวยิ่งกว่ากามนิตอีกละมั๊งที่ออกไปตลาดกลับมาพร้อมกับถุงทับทิมและสาลี่ มาถึงก็ชวนน้องโอ๊ดเก็บรวมๆไปล้างและเตรียมไว้เป็นเสบียงระหว่างเดินทาง
กว่าจะได้เคลื่อนขบวนออก ก็ใช้เวลาเช็คเอาท์กันอยู่นาน คนอินเดียชำนาญในวิชาชีพค้าขายมากกว่างานบริการนะเออ อันนี้ฉันวัดจากความคล่องตัวที่เขาแสดงออกมาให้เห็นตลอดทริป
พี่อวบอาการทุเลา หลังจากได้งีบนอนตื่นหนึ่งพร้อมเดินทางแล้ว หมดห่วงเรื่องพี่อวบก็มีคนใหม่เข้ามาเป็นคนไข้แทน น้องสุริยะมากระซิบบอกด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ผมไม่ไหวแล้ว พี่หมอขอยาหน่อย” จ่ายยาให้ไปแล้วก็บอกต่อเพื่อนๆที่นั่งรถคันเดียวกับเขาให้รู้และฝากให้ช่วยดูแลต่อ
ชวนกันทอดไข่เจียว ตีไข่ ไม่ใส่สี แล้วก็ชวนกันมานั่งกิน
รถเคลื่อนตัวไปตามถนนเส้นใหม่เพื่อมุ่งสู่เมืองเดลี ระหว่างเดินทางก็มีคนป่วยเพิ่มอีกคน พี่เรวัตบอกข้ามเบาะมาว่าครั่นเนื้อครั่นตัว กินยาแล้วขยับตัวพอสบายแล้ว พี่เรก็หลับไปด้วยความเพลีย ตื่นขึ้นมาอีกทีก็บอกว่าอาการทุเลาขึ้นบ้างแล้ว ทำให้หายห่วง
ระหว่างทางมีที่พักให้แวะเหมือนเส้นทางขามา ขณะที่ใช้เวลาที่นี่ หลายคนก็จับกลุ่มคุยกันอีกนั่นแหละ ก่อนจะขึ้นรถกัน น้องต่อชวนดูสิ่งหนึ่งที่ต้นไม้หน้าร้าน สีสันมันน่ารักไม่รู้ว่าโตกว่านี้แล้วมันจะมีหน้าตาอย่างไร
เส้นทางที่เดินทางต่อ รถเยอะกว่าเส้นทางขามา บางช่วงมีการก่อสร้างจึงทำให้การเดินทางค่อนข้างช้า ระหว่างทางได้วิ่งลงไปยิงกระต่ายและเก็บดอกไม้กันอีกครั้ง รถวิ่งเข้าสู่เมืองแห่งหนึ่งก่อนผ่านไปสู่เดลี
กลายเป็นวัฒนธรรมกลุ่มไปซะแล้วเจอกันต้องรวมกลุ่มกันนั่งคุย แวะพักครึ่งทางที่นี่แหละจึงได้เจอเจ้าตัวข้างบนที่มีสีสันสวยดี
ยิ่งผ่านยิ่งเห็นความหลากหลาย สะดุดใจว่าคนในสังคมของเขาอยู่ร่วมกันแล้วต่างคนต่างอยู่หรือเปล่าจึงเห็นทุกเรื่องเป็นเรื่องธรรมดา
ชวนไกด์ท้องถิ่นมาคุยก็ได้ข้อมูลว่า ภายในชุมชนมีการจัดการเล็กๆที่มีคุณค่าซ่อนอยู่ เขามีกลไกพบปะสนทนากันของตัวแทนกลุ่มในหมู่บ้านหรือชุมชน
มานั่งคุยกันบ่อยๆ สารพัดทุกข์สุขของคนในกลุ่มได้ถูกถ่ายทอดสู่กันฟัง ตกลงกติกาการอยู่ร่วมกันในเวทีเล็กๆระดับครัวเรือนและละแวกบ้าน การสื่อข่าวสารต่างๆทั่วถึงก็เกิดขึ้นจากการใช้เวทีเหล่านี้เป็นสะพานเชื่อม
ชีวิตบนเส้นทางผ่านมีอะไรธรรมดาๆที่ดูแล้วสบายๆ ไม่เร่งร้อน รีบเร่งเหมือนบ้านเรา
ฟังไกด์เล่าแล้วนึกเห็นเวทีที่กลุ่มเฮฮาศาสตร์มักจะมีด้วยกันเสมอๆขึ้นมาทันที เมื่อไรเจอะกัน จะกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่็ระดมชวนมานั่งพูดคุยเสมอ
พลังอย่างนี้น่าจะแฝงอยู่ในชุมชนของอินเดียอย่างเงียบๆมายาวนาน แล้วทำให้เรื่องของวรรณะที่แข็งในเชิงดิ่ง อ่อนตัวลงได้ดุลกันมั๊ง สังคมอินเดียในระนาบชาวบ้านจึงลงตัวอย่างที่ได้พบเจอ
ถามเรื่องการอยู่ร่วมกับมุสลิมจากเขาด้วย เขาตอบว่ามุสลิมจะอยู่ส่วนมุสลิมไม่ใคร่สุงสิงกับเพื่อนบ้าน แต่เวลามีประชุมจะมีตัวแทนมาคุยด้วยเช่นกัน ธรรมดาแล้วมุสลิมจะรวมกลุ่มกันอยู่ในที่หนึ่งๆ ฟังแล้วรู้สึกไกด์ไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับมุสลิมเท่าไร ลืมบอกไปว่าไกด์คนนี้เป็นฮินดู
บรรยากาศบนท้องถนนเมื่อเข้าสู่เดลีเป็นอย่างนี้ คนจรจัดนอนใต้ทางด่วนอย่างนี้ได้ ไม่มีใครไปทำอะไร
รถบัสทั้ง ๒ คันนำเรามาถึงเดลีย่ำค่ำแล้ว บรรยากาศของเดลีตอนค่ำนั้น เหมือนแถวถนนแจ้งวัฒนะยามโพล้เพล้อย่างนั้นแหละ
แวะกินอาหารเย็นกันแล้วจึงเข้าที่พักกัน
๙ สิงหาคม ๒๕๕๓
« « Prev : โล่งใจ
ความคิดเห็นสำหรับ "พลังสะสมที่แฝงอยู่"