สีชมพูมีที่มา
ปัจจุบันยังมีพระมหาราชาอยู่ ทรงทำหน้าที่แค่เพียงในรัฐพิธี ผู้คนในราชสถานยังให้ความเคารพนับถือในพระองค์ด้วยยังมีความเชื่อว่าสืบเชื้อสายมาจากพระราม ซึ่งเป็นองค์อวตารของพระวิษณุ วันดีคืนดีผู้ที่มาท่องเที่ยวก็ได้ชมขบวนเสด็จของพระองค์ แต่ไม่ใช่พวกเรา เพราะวันที่มาถึงกันนั้นเย็นแล้ว ดูเหมือนมหาราชาองค์ปัจจุบัน จะมีพระนามว่า “มหาราชา ซาไว บาห์วานี สิงห์” นะคะ
ตรงประตูเข้ามีแผนผังวัง เดินเข้าประตูไปก็พบแขกกับงูเล่นโชว์กันอยู่ เดินตามลูกศรเข้าไปก็เจออาคารสีส้มสวยลายสวยอย่างในภาพ
เคล็ดในการสร้างวังนี้มีว่า วังเสมือนพระอาทิตย์ บ้านเรือนตัวเมืองเหมือนหมู่ดาว มิน่าจึงเห็นความหลากหลายของพื้นที่ในเมืองเยอะซะจริง
ความที่ชุมชนของที่นี่มีพระราชาที่นับถือฮินดูปกครองมายาวนาน ประกอบกับประสบการณ์ของการครองแคว้นสืบทอดมาหลายชั่วคน ผสมผสานกับเรื่องราวทีี่่่มีผู้เล่าให้ฟังเรื่องความเจริญในยุคราชวงศ์โมกุล ทำให้ฉันไม่แปลกใจที่บ้านเรือนร้านตลาดในเมืองชัยปุระเป็นศิลปะการก่อสร้างแบบฮินดูผสมมุสลิม ซึ่งตัวตึกมียอดเป็นโดมคล้ายของมุสลิม ซุ้มที่เป็นช่องทำเป็นลวดลายโค้งเว้าเป็นสิบเว้าแบบฮินดู
มันยืนยันให้ฉันเห็นภาพบารมีของมหาราชองค์ที่ ๒ ของอินเดียด้วยซ้ำไป มรดกความคิดของการหลอมรวมคนฮินดูและอิสลามให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขส่งต่อมาถึงผู้นำรุ่นหลังได้อย่างนี้เป็นด้วยความใจกว้างของพระองค์แท้ๆเชียว
สีสันเสื้อผ้าดึงดูดตา วิชาเพ๊นท์เฮนน่าดึงดูดใจ อยากลองจนต้องใส่ส่าหรีก็ยอม อีกมุมหนึ่งก็มีปืนใหญ่และพระราชรถโบราณรวมไว้ให้ชม
วังนี้มีของสวยๆและของแปลกตามากมายจัดแสดงไว้ภายใน ล้วนเป็นของเก่าทั้งนั้น มีมุมและห้องที่จัดแสดงอาวุธต่างๆไว้ด้วย
ที่แปลกใจกับสิ่งของที่นี่ก็เห็นจะมีสีสันของเครื่องแต่งกายสตรีที่คอยต้อนรับ ทำไมต้องใช้สีชมพูด้วยนะ หรือว่ามันสวยดี หรือว่ามันเกี่ยวกับเรื่องวรรณะ
เคยอ่านเรื่องที่อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์เล่าไว้ว่า นอกจาก ๔ สี ขาว แดง เหลือง ดำ ที่ใช้สื่อถึงวรรณะแล้ว ในแต่ละวรรณะยังมีสีซอยย่อยลงไปอีกเหมือนกีฬาสี ทำให้การใช้สีกลายเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่บอกอัตลักษณ์และส่งผลให้เกิดเอกภาพในการรวมกลุ่มของผู้คนที่อยู่ในสังคมอินเดีย
เขาแบ่งโดยใช้ฐานของความเคารพในพระเจ้าของเขาไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าแบ่งเอง เป็นการสถาปนาเอกภาพด้วยกระบวนการทางสังคมที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับการทำความเข้าใจชุมชนอินเดีย
ความงามอันหลากหลายที่ปรากฎอยู่ภายในวังหลวงแห่งนี้มีชีวิตนะ
เรื่องนี้ทำให้ฉันเห็นกระบวนการทางสังคมที่มีอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงสังคมภายในของอินเดียจนทำให้สามารถละลายจนเปลี่ยนผ่านให้ความเป็นเชื้อชาติมีความสำคัญรองลงมาจากวรรณะได้ และเป็นฐานหนึ่งที่ทำให้ระบบวรรณะในอินเดียอยู่มาได้นานเป็นพันปีเลยเชียวนะ
ได้รู้จากเรื่องเล่านี้ว่าราชวงศ์ที่ปกครองเมืองชัยปุระเป็นเจ้าราชบุตรและเป็นมองโกลอยด์เหมือนต้นราชวงศ์โมกุล ต่างกันก็แต่เจ้าราชบุตรนับถือฮินดู ที่เลือกใช้สีชมพูเป็นสีบ้านเมืองเพราะไม่ต้องการตามอย่างคติของชาวอารยันเดิม
ได้มุมมองเรื่องสีสันของเสื้อผ้าด้วย ก่อนมีเรื่องเหลือง-แดง คนไทยไม่ได้คิดอะไรมากกับสีผ้า ได้สีอะไรก็ย้อมไป มีพืชพันธุ์ต้นไม้อย่างไรก็ย้อมสีนั้นไป แต่คนอินเดียเขาต้องคิด เพราะเวลาที่เขาจะทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง เขาจะต้องใช้สีให้มันเหมาะสมกับสภาพการณ์แห่งความเชื่อของเขา
กว่าจะได้มาซึ่งความงดงามเหล่านี้ ไม่รู้ว่าใช้แรงงานไปเท่าไร แต่สัมผัสได้ว่าผู้คนยุคนั้นมีความสุข ใจสงบ เข้มแข็งแต่ไม่แข็งกร้าว
เวลาใช้สีอะไรแล้วต้องคิดและต้องใช้ให้เหมาะสมกับความเชื่อ การเลือกใช้สีของคนอินเดียจึงต้องมีการตีความเสมอ เมื่อพัฒนาการทางด้านศิลปะของอินเดียก้าวหน้าและละเอียดจนไม่มีปัญหาเรื่องการตีความสี ก็เกิดการแสวงหาสีให้ครบตามความเชื่อ ทำให้เกิดกระบวนการผลิตอันเป็นที่มาของความหลากหลายด้านสีสันวรรณะที่อลังการไปด้วยสีที่เป็นเอกลักษณ์
รับรู้วัฒนธรรมอินเดียว่าสีมาจากฐานความเคารพในพระเจ้าที่ชี้ทางการทำดีให้กับพวกเขาแล้ว ชวนให้หาคำตอบเรื่องสีของบ้านเราว่ามีฐานที่เหมือนและต่างกับคนอินเดียอย่างไรในแง่ของวัฒนธรรมและวิธีคิดเนอะ
ข้างในมีห้องสะสมวัตถุโบราณเหมือนในบ้านเศรษฐีทั่วไป มีห้องหนึ่งรวบรวมอาวุธทั้งมีด ดาบ ปืนและชุดนักรบไว้ให้ชม ขนาดของดาบเห็นแล้วนึกถึงความแข็งแรงของคนถือได้เลย มารู้ทีหลังว่าพระมหาราณี คยาตรี เทวีนั้นเ็ป็นนักแม่นปืนมือฉกาจ จึงไม่แปลกใจแล้วกับรสนิยมของผู้ที่สะสมสิ่งเหล่านี้ไวู้
ซ้ายสุดคือไหเงินที่เล่าถึง ศิลปะฮินดูผสมอิสลามนี่สวยงามประณีตชวนให้ศึกษาความหมายที่ซ่อนเร้นเหมือนกันเนอะ
ฝีมือยิงปืนของพระราชมาตาการันตีได้ตั้งแต่พระชันษาเพียง ๑๒ ปี ทรงยิงเสือดาวตัวแรกในพระชนม์ชีพได้ ซึ่งทำให้พระมารดาของพระองค์ที่โปรดปรานนิยายผจญภัยของ เซอร์ไรเดอร์ แฮกการ์ด อย่างมาก ทรงตั้งพระนามเล่นให้พระองค์ตามชื่อนางเอกนิยายเรื่องโปรดว่า Ayesha
จุดที่ได้เข้าไปชมมีเสื้อผ้าฉลองพระองค์และท้องพระโรงจัดโชว์ไว้ด้วย มีหม้อน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกสร้างด้วยเงินบริสุทธิ์บรรจุน้ำได้ใบละพันลิตร(หนึ่งตัน) ให้ชมด้วย หม้อนี้สร้างเพื่อใช้บรรจุน้ำจากแม่น้ำคงคาใส่เรือไปกรุงลอนดอนเพื่อไว้ให้มหาราชาใช้เสวยและสรงก่อนเสด็จไปในพระราชพิธี่ โลหะเงินที่ใช้สร้างเบิกมาจากท้องพระคลัง ตัวหม้อหนักราวๆ ๓๕ กก.
ภาพที่เห็นต้องเงยหน้าสู้ฟ้า พาเข่าติดดินจึงจะอิ่มตาอิ่มใจ ศิลปะที่นี่ปราณีตกว่าที่อัคราเนอะ ขวาสุดคือลานที่ศิลปินมานั่งผลิตงานขาย
ที่นี่มีลานกว้างอยู่ในห้องชั้นล่างจัดไว้เป็นห้องขายสินค้าพวกหัตถกรรมและภาพวาด มีสาธิตการวาดภาพและระบายสีด้วยสีที่ฝนได้จากอัญมณีให้ดู มีภาพสวยๆขาย ตาไม่ถึงก็ดูไม่ออก ภาพไหนใช้สีฝนจากอัญมณีบ้าง
วังนี้ก็ใช้หินอ่อนในการสร้างเช่นกัน ได้ยินว่ารัฐนี้มีหินอ่อนเยอะ ลวดลายที่แกะสลักปราณีตบรรจง อ่อนโยน อ่อนช้อย ปราณีต และเนียนกว่าที่ทัชมาฮาล ป้อมอัครา และวังฟาห์เตปุระ ลวดลายมีหลากหลาย น่าสนใจตรงช่องลมต่างๆที่ละเอียดยิบ หน้าตาเหมือนเหล็กดัดแต่เป็นหิน
๘ สิงหาคม ๒๕๕๓
« « Prev : จุดเกาะเกี่ยวกับไทยที่น่าสนใจ
Next : ที่แท้เป็น “ฝาย” ในโอเอซีส » »
1 ความคิดเห็น
ชอบเรื่อง ชอบรูปมาก ขอบอก