ผู้นำนั่นแหละทำให้ยุ่ง

อ่าน: 1419

แอบไปฟังผู้รู้เขาคุยกันเรื่องแคชเมียร์ ก็เลยได้รู้เรื่องปากีสถานมาบ้าง จึงนำมาบันทึกไว้ก่อนกันลืม

เรื่องเล่าพาย้อนยุคไปถึงพ.ศ. ๒๑๗๖ ก่อนอังกฤษปกครองอินเดีย ยุคของพระเจ้าออรังเซบ ผู้สร้างตำนานลูกกักขังพ่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อินเดียโน่นเลยละ

สมัยนั้นคนอินเดียกับคนยุโรปรู้จักกันแล้วผ่านการทำมาค้าขาย ชนชาติที่เข้ามาทำการค้าก็ไม่แตกต่างจากชนชาติที่เข้ามาในประเทศไทย คือ โปรตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศส และอังกฤษ ทีแรกที่เข้ามาฝรั่งก็ไม่ได้คิดจะยึดเมืองหรอก แต่ละชนชาติมีการพัฒนากองทัพของตัวเองขึ้นมาเพื่อป้องกันคำติฉินนินทาจากคนต่างเชื้อชาติรวมทั้งคนอินเดียนะ ทหารรุ่นแรกๆก็ใช้คนอินเดียนี่แหละเป็นกำลังพล แล้วจึงค่อยๆแผ่อิทธิพลจนสามารถครอบครองพื้นที่ได้ ชาติแรกที่ครอบครองได้แบบทั้งรัฐก็คืออังกฤษ แล้วจึงขยายพื้นที่ครองออกไปทีละรัฐๆจนเกือบทั่วประเทศ พร้อมกันนั้นก็ขยายพื้นที่เผยแพร่ศาสนาคริสต์ไปด้วย ซึ่งก็สามารถเปลี่ยนคนอินเดียได้บ้าง

เพิ่งรู้แฮะว่าพุทธศาสนายุติบทบาทลงที่แคว้นแคชเมียร์เป็นพื้นที่สุดท้ายในปีพ.ศ. ๒๐๐๐ ก่อนถึงรัชสมัยราชวงศ์โมกุลตั้ง ๖๙ ปี จนกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์โมกุลครองราชย์แล้ว ๔ ปีจึงมีฝรั่งไปขุดพบซากของพุทธสถานที่ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงจนบูรณะไม่ได้ที่อยู่ใต้ดิน

อย่างนี้แปลว่าในยุคพระเจ้าออรังเซบนั้น การแข่งกันเผยแพร่ศาสนาก็มีแต่ฮินดู อิสลาม คริสต์ ซิกซ์และเชนเนอะ  ฮินดูเจริญขึ้น อิสลามอ่อนแอลง เชนเป็นที่นิยมในคนรวย  และเป็นยุคที่วัดวาอารามที่เป็นพุทธสถานที่ยังคงเหลืออยู่ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง วัดของฮินดูก็ถูกรื้อทิ้งเพื่อใช้พื้นที่สร้างสุเหร่า

แผนที่แคว้นแคชเมียร์ ( ขอบคุณภาพจากเว็บไซด์ ICSC )

ยุคนี้ของอินเดียเป็นยุคที่อังกฤษเริ่มขยายพื้นที่ครอบครองไปทีละน้อยๆ จนในที่สุดเมื่อสิ้นราชวงศ์โมกุลก็ครอบครองอินเดียได้

อินเดียเป็นของอังกฤษตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๐๑ จนถึงปี ๒๔๙๐ จึงมีเหตุการจราจลระหว่างฮินดูกับมุสลิมเกิดขึ้นอย่างรุนแรง มีคนบาดเจ็บและตายจำนวนมาก แล้วปากีสถานก็เกิดขึ้นในวันที่ ๑๔ สิงหาคม ของปีนั้นเอง โดยอังกฤษเป็นกรรมการในการแบ่งพื้นที่ ใช้กติกาให้ผู้ปกครองแต่ละรัฐสมัครใจเลือกข้างได้ ส่วนใหญ่เลือกอินเดีย มีแต่รัฐจัมมูและแคชเมียร์ที่ขอไม่เลือกใคร ตอนนั้นคนส่วนใหญ่ของรัฐนี้เป็นมุสลิม รองลงมาเป็นพุทธ ส่วนน้อยเป็นฮินดูและซิกซ์ ผู้ครองรัฐเป็นฮินดู

เขตแดนที่กันออกเป็นปากีสถานเป็นพื้นที่ชาวมุสลิมอยู่หนาแน่น มีแคว้นสินธุ์ ปัญจาป บาลูคิสถานและจังหวัดบางส่วนที่ติดอิหร่านและอัฟกานิสถาน และรัฐเบงกอลตะวันออก เมืองตักกสิลากลายไปเป็นของปากีสถานไปด้วย

ต่อมาอังกฤษได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นปากีสถานตะวันตกและตะวันออกอีก การกันเขตแดนแบบนี้ทำให้ต้องมีการอพยพของผู้คนขนานใหญ่ มุสลิมจำต้องอพยพเข้าไปในเขตปากีสถาน ฮินดู ซิกซ์ เชน อพยพมาในเขตอินเดีย ทำให้มีการปะทะกัน เกิดความขัดแย้งขนานใหญ่ มีการต่อสู้ทำร้ายกัน เล่ากันมาว่ามีคนตายราวๆ ๒ ล้านคนเลยเชียว

แบ่งเขตแดนเป็นปากีสถานแล้ว อังกฤษก็คืนเอกราชให้อินเดียด้วย ยุคนี้เป็นยุคแรกที่อินเดียได้คนอินเดียเป็นผู้ปกครอง  ยวาห์ ลาล เนห์รู (Nehru) คือคนอินเดียที่ขึ้นปกครองอินเดียเป็นคนแรกหลังคนต่างด้าวปกครองอินเดียมาถึง ๗๕๕ ปี

หลังเนห์รูทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดียได้เพียง ๑ ปี แคว้นจัมมูและแคชเมียร์ที่ขอไม่ขึ้นกับใครก็ถูกปากีสถานใช้กำลังเข้ายึดครองเพื่อรวมเขตแดน เหตุผลที่เข้ายึดเกิดจากประชาชนส่วนมากของแคว้นนี้เป็นมุสลิม เจรจากับผู้ปกครองที่เป็นฮินดูแล้วไม่ได้ผล  เมื่อปากีสถานยึดครองแคชเมียร์ส่วนมากได้ มหาราชาก็ไปขอเซ็นสัญญารวมเป็นรัฐหนึ่งของอินเดีย อินเดียก็เลยต้องส่งทหารมารบเพื่อยึดพื้นที่คืน  การรบนี้อินเดียได้ชัยในหลายพื้นที่และชนะมากกว่า

ขอบคุณภาพจากเว็บไซด์ http://www.pinonlines.com/node/16618

จนอินเดียยึดเมืองหลวงศรีนครหรือศรีนาคาร์ได้ สหประชาชาติก็เข้ามาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยและมีการเจรจาหยุดยิง พร้อมแบ่งแคชเมียร์เป็นสองส่วนด้วยเส้นหยุดยิงที่เรียกว่า เส้นควบคุม (Line of Control)

พื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ปากีสถาน เช่น เมืองกิลกิต เมืองมุซาฟาบาด ด้านใต้อยู่ในเขตอินเดีย  แล้วปากีสถานได้มอบดินแดนแคชเมียร์ด้านตะวันออกเฉียงเหนือให้กับจีนเพื่อตอบแทนที่จีนช่วยเหลืออาวุธต่อสู้กับอินเดีย ซึ่งอินเดียก็ประท้วงอย่างรุนแรงแต่ไม่สามารถทำอะไรได้  ทั้งหมดนี้คือความเป็นมาของความขัดแย้งระหว่างอินเดียกับปากีสถาน

เดี๋ยวนี้เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะทั้งสองฝ่ายไม่ยอมรับเส้นควบคุมที่สหประชาชาติให้เจรจาและลงนาม ต่างยังอ้างว่าดินแดนแคชเมียร์ทั้งหมดเป็นของตน การเจรจาเพื่อให้หยุดรบกันยังดำเนินอยู่มาจนปัจจุบัน

ความขัดแย้งนี้ส่งผลกระทบถึงชาวพุทธซึ่งมีจำนวนมากเป็นอันดับสองในแคชเมียร์ด้วย เพราะถ้าอยู่กับอินเดียที่ปกครองโดยชาวฮินดูพวกเขารู้สึกปลอดภัยกว่าการไปอยู่กับปากีสถานซึ่งเป็นประเทศมุสลิม

๘ สิงหาคม ๒๕๕๓

« « Prev : อคติเป็นรากเหง้า?????

Next : ระเบิดเวลาอยู่ที่นี่เอง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "ผู้นำนั่นแหละทำให้ยุ่ง"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.049059152603149 sec
Sidebar: 0.12681007385254 sec