ไปพบชุดคุ้มครอง
ออกจากที่ว่าการอำเภอสุไหงปาดี รถตู้ก็พาเราตะบึงเข้าหมู่บ้านแล้วก็ไปหยุดกึกอยู่ตรงพื้นที่แห่งหนึ่ง มองตรงเข้าไปก็มีป้ายผ้าใหญ่แขวนไว้ระหว่างเสาไม้เรียวเล็ก ๒ เสาแสดงความในใจบางอย่างกับพวกเรา ๔ส.รุ่น ๒ มุมขวาล่างของป้ายระบุผู้เขียนไว้ว่า “ชุดคุ้มครองตำบลสากอ”
อ๊ะ..อ๊ะ…อย่าเพิ่งเข้าใจว่าที่รถหยุดกึกลงตรงนี้เป็นเพราะโดนข่มขู่ให้หยุดเพื่อเรียกค่าคุ้มครองนะคะ ไม่ใช่ค่ะ ไม่ช่ายยยยยยยย..เลย ชื่อผู้เขียนข้างบนนะเป็นกลุ่มผู้ก่อการดีของหมู่บ้านต่างหากค่ะ และพื้นที่ก่อการดีของพวกเขาชื่อ ตำบลสากอค่ะ
คำว่า “ชุดคุ้มครองหมู่บ้าน” นี้มีที่มาด้วยหละ จุดกำเนิดมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบรายวันที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านบ่อยๆ คนพุทธ มุสลิมในหมู่บ้านถูกลอบทำร้าย ด้วยภูมิหลังที่คนในหมู่บ้านแห่งนี้เคยปกป้องคุ้มครองหมู่บ้านให้พ้นภัยสมัยโจรคอมมิวนิสต์ ผู้นำธรรมชาติของหมู่บ้านจึงชวนกันจับมือรวมพลังเพื่อปกป้องหมู่บ้านอีกครั้ง
ลงจากรถเดินเข้าค่ายก็เจอภาพเหล่านี้แหละค่ะ
จากหมู่บ้านหนึ่งขยายผลไปสู่หลายหมู่บ้าน ในที่สุดทุกหมู่บ้านก็จับมือรวมพลังกันได้ เมื่อทั้งหมดมีกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นพลังร่วม จึงก่อเกิดเป็นกำลังพลภาคประชาชนทำงานด้านการดูแลความปลอดภัยภายใต้การดูแลของข้าราชการกรมการปกครองในพื้นที่อีกต่อ
กำลังพลภาคประชาชนแห่งนี้ก่อกำเนิดเริ่มแรกจากทุนทรัพย์ที่พวกเขาระดมมาช่วยกันก่อสร้างที่พักสำหรับผู้เข้าเวรยามดูแลความปลอดภัย โดยมิได้ใช้งบประมาณของทางราชการ เพิ่งจะมีระยะหลังที่ราชการด้านการปกครองได้มีส่วนหนุน เสริมงบประมาณเป็นเบี้ยเลี้ยงให้ด้วย
นอกจากข้าราชการฝ่ายปกครองแล้วที่นี่ยังมีทหารและตำรวจทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยประสานและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดด้วย
บรรยากาศก่อนและระหว่างการบรรยายสรุปของเจ้าของพื้นที่
เมื่อเข้าไปในบริเวณนี้ ก็เห็นโต๊ะยาวถูกจัดวางไว้ที่ลานว่าง ตรงหน้าของโต๊ยาวมีเก้าอี้จำนวนมากจัดวางอยู่ เมื่อพิธีการของเจ้าบ้านเริ่มขึ้น บริเวณโต๊ะยาวนั่นแหละคือที่นั่งของพวกเรา ส่วนบรรดาเจ้าของบ้านนั้นพวกเขานั่งลงกันบนเก้าอี้ด้านหน้านั่นเอง
ถึงแม้บริเวณแห่งนี้จะดูเหมือนเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย แต่ก็มีบัณฑิตอาสามารอบริการน้ำและผลไม้ให้เราอยู่หลายคน ผลไม้ที่ถูกเตรียมไว้ต้อนรับพวกเราคือเงาะโรงเรียนค่ะ
นั่งฟังด้วยความชื่นชมกับลูกฮึดจนเกิดพลังอย่างที่ได้เห็น ได้น้ำเย็นๆจากบัณฑิตอาสาช่วยให้คลายร้อนจากอากาศใกล้เที่ยงไม่น้อย
ตอนที่มีรายงานเรื่องของเบี้ยเลี้ยงสนับสนุน ฉันเดินออกมาจากโต๊ะยาวแล้วเพื่อเก็บภาพถ่ายต่างมุมของค่ายมาทำความเข้าใจความรู้สึกของคนอยู่ค่าย เมื่อได้ยินคำรายงานเรื่องเบี้ยเลี้ยง ฉันเกิดความไม่สบายใจเท่าไร จำได้ว่าปรารภกับพี่แดงไปว่า แล้วนี้ถ้าไม่มีงบเบี้ยเลี้ยงมาให้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ กิจกรรมอย่างที่เกิดขึ้นนี้จะล้มมั๊ยนี่ ก็ฉันรู้สึกเหมือนการจัดตั้งไม่ใช่การอาสายังไงไม่รู้ จะว่าไปแล้วฉันก็ไม่ควรจะฟันธงแบบคนคิดมากเลยเนอะ
การลุกออกมาจากโต๊ะยาวทำให้มีโอกาสซอกแซก ก็เลยได้ไปเห็นว่าตรงด้านหลังของโต๊ะยาวที่พวกเรานั่งนั้น มีบริเวณที่ถูกจัดไว้เลี้ยงเป็ดไข่ มีบ่อปลาเล็กๆด้วย ตอนที่เดินเข้าไปเห็นมีชาย ๒-๓ คนนั่งๆยืนๆคุยกันอยู่ ฉันเข้าใจว่าเขาคุ้นเคยกับสถานที่จึงถามไปว่า “เลี้ยงเป็ดไว้กินไข่ด้วย เลี้ยงปลาด้วยเหรอ” คำตอบทำให้ฉันแป่วอีกแล้ว เขาตอบว่า “ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยมาที่นี่หรอก” แล้วมาได้ไง….??????
บ้านเรือนที่กำลังพลนี้ใช้พักเวลาเข้าเวรยามเป็นกระต๊อบไม้เล็กๆทำขึ้นด้วยไม้แผ่นหยาบๆ มีหน้าต่างแบบใช้ไม้ค้ำยัน มองเข้าไปเห็นในกระท่อมบางหลังมีมุ้งอยู่ ไม่มีไฟฟ้า ฉันไม่เ็ห็นแหล่งน้ำใช้และไม่เห็นหน้าตาห้องน้ำค่ะ มีรั้วไม้กั้นเขตกระต๊อบ นอกเขตรั้วมีตู้ยามอยู่หลังหนึ่ง ฉันไม่เห็นบังเกอร์ ไม่เห็นลวดหนามที่นี่ค่ะ ใครเห็นอยู่ตรงมุมไหนบ้างช่วยกระซิบหน่อย
สภาวะภายในค่ายชุดคุ้มครองหมู่บ้านต.สากอ อ.สุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส
สังเกตหน้าตาของกำลังพลที่มาต้อนรับพวกเราแล้ว ฉันรู้สึกได้เลยว่าพวกเขาเหนื่อยล้าและไม่สบายใจนะคะ ฉันว่าสายตาของบางคนที่พอเห็นได้บอกถึงความกังวลใจแม้ว่าความรู้สึกรับผิดชอบที่พวกเขามีอยู่เต็มร้อย ดูจากความเข้มแข็งและมีวินัยของแถวที่เขายืนต้อนรับฉันว่าพอประกันได้ถึงความเข้าใจทำให้พวกเขามาเกี่ยวข้องทำหน้าที่เหล่านี้
เห็นพวกเขาแล้วฉันก็มีคำถามติดตัวกลับมาหาคำตอบด้วย คำถามเดียวกับที่เพื่อนๆก็เคยถามในห้องเรียนค่ะ “การทำร้ายกันถึงชีวิต มุสลิมคิดอย่างไร หลักศาสนาอิสลามสอนไว้อย่างไร”
ก็งานที่กำลังพลเหล่านี้เขาทำกันอยู่และเล่าให้ฟังมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเรื่องราว “ทำร้ายกันถึงชีวิต” ไม่ใช่หรือ ทั้งหมดที่เห็นเป็นมุสลิมทั้งสิ้น พวกเขารู้สึกขมขื่นที่จำเป็นต้องทำร้ายกันให้เสียเลือดเนื้อหรือเปล่านะอยากรู้จริง
ภาพอย่างที่เห็นนี้ ในวันธรรมดาๆคงไม่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้
ตอนที่เดินทางมาถึงฉันเห็นรถตู้คันหนึ่งวิ่งมาจอดด้วย เมื่อคนในรถก้าวลงมาฉันก็เห็นป้าแจ๋ พี่จุกและพี่อู๊ด ที่แท้พี่จุกได้ทราบว่าป้าแจ๋มานราธิวาส จึงขอตามมาสังเกตการด้วย ตอนที่พวกเรานั่งฟังบรรยาย ป้าแจ๋ไม่ได้เข้าไปสมทบด้วย ดูเหมือนป้าแจ๋แวะลงเยี่ยมที่นี่ไม่นานก็เดินทางแยกตัวไปพร้อมพี่ทั้ง ๒ คน
๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓
ความคิดเห็นสำหรับ "ไปพบชุดคุ้มครอง"