เมื่อวิชาเก็บผักสอนอีกมุม
เช้านี้อากาศเย็นสบาย ความชุ่มฉ่ำที่ได้รับจากฝนเมื่อคืนยังอวลอยู่ให้รู้สึกดี เด็กๆตื่นกันเช้าดี ๖ โมงเช้าส่วนใหญ่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จกันแล้ว หมอสุเห็นว่าเด็กๆพากันแกร่วอยู่ ไม่รู้จะทำอะไร จึงชวนเด็กๆเล่นยืดเส้นยืดสายด้วยการเล่นโยกตัว และชักคะเย่อเบาๆระหว่างกัน
เชื่อหรือไม่ว่าผลของการตัดสินใจลงมือชวนเด็กๆทำไปด้วยกันอย่างนี้ แล้วตัวเองก็ลงมาทำด้วย ส่งผลให้เด็กๆสะท้อนบอกออกมาว่า รู้สึกว่า “อาจารย์เป็นกันเอง”
ง่ายๆแค่นี้เองนะ การลดช่องว่างระหว่างวัย แค่เด็กทำอะไร ผู้ใหญ่ก็ทำด้วย ไม่มีผิด ไม่มีถูก ไม่มีเกณฑ์มาขวางกั้น ทำด้วยอย่างสบายๆอย่างที่เห็น นี้แหละตัวอย่างของการได้ใจเด็กแบบชิวๆเห็นจะจะกันเลย
อาจารย์หมอเล่าว่าลูกศิษย์เอาแต่เรียน แล้วอาจารย์เป็นคนเอาแต่เรียนเหมีนยกัลล์หรือเปล่า น่าคิดเหมือนกันนาถ้าเอา “เด็ก(เคย)เรียน” มาดูแลเด็กเรียนแล้วอยากให้เล่นอ่ะ
แล้วลีลาของยายฉิมเก็บเห็ดก็เริ่มขึ้นในกาลต่อมาเมื่อพ่อครูชวนให้ไปช่วยกันเด็ดผัก ๓ อย่างมาทำอาหารเช้ากินกับข้าวต้ม
ลีลาของใครเป็นอย่างไร ดูได้จากในภาพนะคะ
ถ้าใช้คำถามว่า “เห็นอะไร” ฉันว่าฉันเห็นเด็กๆอยู่ ๒ กลุ่มอยู่นะ กลุ่มหนึ่งมีเยื่อใยกับความเป็นธรรมชาติในชนบทเริ่มเปิดใจเรียนรู้ด้วยการลงมือเด็ดผัก ลุยลึกเข้าไปท่ามกลางดงขมิ้นขาวเพื่อเก็บผัก หรือเย้าแหย่กันทายปัญหากัน “นี่ต้นอะไร” เมื่อรั้งท้ายเดินแบบทอดน่องไปด้วยกัน
อีกกลุ่มที่ยังไม่ค้นหาคำตอบจากตัวเองว่าจะยินดีตอบรับความเป็นธรรมชาติหรือเปล่า จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้หรือเปล่า พากันจับกลุ่มยืนดูเพื่อนลงมือ อย่างชั่งใจว่าจะปรับตัวอย่างไรดี และเมื่อพ่อครูเดินนำไปที่แนวต้นกวานฮ็อก เด็กๆกลุ่มหลังนี้ก็เดินจับกลุ่มตามพ่อครูและอาจารย์ไปติดๆ
พอมองออกลางๆมั๊ยว่า ใครบ้างในรูปที่พอจะอยู่ในชนบทได้อย่างมีความสุข แม้จะพบกับความไม่พร้อม
ผู้ใหญ่กินข้าวเช้ากันจนจวนจะอิ่มแล้ว มะเดี่ยวก็มาถึง แล้วพาตัวเข้าไปกอดพี่บู๊ดกับพี่ตึ๋ง แต่ไม่ยักกอดทักทายฉัน รักษาระยะห่างยังไงพิกล หรือว่าเป็นด้วยไม่ใคร่ได้คุยกันหรือเปล่านะ ยอมไม่ได้ๆ ไม่กอดเรอะ งั้นฉันเข้าไปกอดซะเองก็แล้วกัน สัมผัสขณะที่กอดรู้สึกเหมือนมะเดี่ยวจะมีความในใจยังไงอยู่แฮะ
มะเดี่ยวมาถึงไม่นาน พี่บู๊ดก็ขอตัวกลับเพื่อไปรับพี่ตุ๊ไปพบหมอฟันตามคำสั่งที่ได้รับจากพี่ตุ๊แบบด่วนที่สุด อาจารย์ฝึกให้เด็กๆรู้จักแสดงความขอบคุณแสดงความกตัญญู มอบของที่ระลึกและคารวะก่อนอำลากัน
เห็นการแสดงออกอยู่ในกรอบ แต่แท้ที่จริงเมื่อได้พูดคุยด้วย มีความคิดนอกกรอบซ่อนอยู่มากหลาย แล้วอาจารย์นะอยู่ในกรอบซ๊าาาาาา
กินข้าวเช้ากันเสร็จก็ราวๆ ๙ โมงแล้ว ก็ถึงเวลาสมควรที่พ่อครูจะจ่ายโจทย์ “ใช้วัวเป็นครู” ให้ลองเรียน
ก่อนวัว ๖ ตัวถูกส่งสู่มือให้เด็กๆรับไว้เป็นอาจารย์ หมอสุก็ลงมือลองเองก่อน ดูหน้าตาของครูหมอซะก่อนซิคะ มีความสุขแค่ไหนกับการ “จูงวัว” ได้สำเร็จสมใจหมาย
ระหว่าง ๒ อาจารย์ข้างบน หรือระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ ใครมี judgement of fear มากกว่ากันดูออกหรือเปล่า
๒๔ เมษายน ๒๕๕๓
« « Prev : ดับไฟคุยกันที่สวนป่า
Next : มหกรรมเรียนกับครูวัว » »
2 ความคิดเห็น
สรุปได้ดีมากกกกกกกกกกกกก
พ่อครูค่ะ พี่ตึ๋งกระซิบดังๆที่สวนป่าว่า “อาจารย์จะโดนลูกศิษย์ขวิดอยู่แล้ว ยังไม่รู้ตัวอีก” ค่ะ