เกิดอะไรขึ้นค่ะนี่

โดย สาวตา เมื่อ 21 สิงหาคม 2008 เวลา 0:51 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 3614

เมื่อวันที่มีโอกาสเข้าไปเมืองกรุงเพื่อร่วมประชุมเกี่ยวกับงานนโยบายที่เกี่ยวกับแรงงานในระบบที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมดูแลอยู่ ทำให้ฉันมีโอกาสได้ไปสัมผัสเมืองกรุงในอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้เกิดคำถามที่ ณ เวลานี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ใครช่วยตอบหน่อยได้ไหม

จริงๆวันนั้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ระหว่างรอเวลาเดินทางกลับกระบี่ ฉันเดินออกจากที่พักจะไปที่สวนจตุจักร

ระหว่างเดินทอดน่องชมแผงหนังสือเก่าที่มีวางอยู่ตามรายทางเป็นระยะสลับกับร้านให้เช่าพระอยู่นั้น ฉันก็เห็นลุงผู้พิการคนหนึ่ง กำลังเดินอย่างช้าๆเพื่อมุ่งไปในทิศทางที่ฉันกำลังเดินไปนะแหละ

ฉันเดินตามหลังแกไปจนถึงทางแยกซอยเล็กๆที่เป็นทางต่างระดับกับฟุตบาทในช่วงนั้น ฉันจึงช่วยเสริมความสะดวกในการเดินของแกด้วยการจูงมือนำแกเดินไปช้าๆด้วยกัน

ที่ว่าช้าๆก็เพราะว่ากว่าหนึ่งย่างเท้าที่แกจะเดินต่อไปได้นั้น แกจะต้องคอยขยับเท้าไปทีละนิ้วสองนิ้วเพื่อเคลื่อนกายค่ะ

แกทำให้ฉันชื่นชมในความแกร่งที่มี ฉันเชื่อว่าแกมีใจที่มั่นคง เชื่อมั่นว่าแกพึ่งตัวเองได้ แกจึงอาจหาญในการมาเดินท่ามกลางฝูงชนมากมายในวันนั้นตามลำพัง  เป็นการเดินอย่างช้ามากๆนะคะ

ฉันเดินไปและเดินกลับมาแล้ว แกยังเดินไปได้ไม่ถึง 10 เมตรจากจุดที่ฉันได้ช่วยเหลือแกเลยค่ะ

หลังจากช่วยคุณลุงแล้ว ฉันก็เดินต่อมา และก็เห็นความเคลื่อนไหวหนึ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน ความเคลื่อนไหวนั้นเกิดบนพื้นฟุตบาทข้างหน้า จ้องไปอย่างตั้งใจ ฉันจึงเห็นว่าความเคลื่อนไหวที่เห็นนั้นเกิดจากชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งฉันคาดว่าอายุไม่เกิน 25 ปีนะคะ ความเคลื่อนไหวที่ฉันเห็นไกลๆนั้น เกิดจากเขากำลังคลานไปตามฟุตบาทค่ะ

ท่านคงคิดว่าเรื่องธรรมดาใช่ไหมที่จะเห็นภาพอย่างนี้ แต่ฉันคิดว่านี่น่าจะเป็นอะไรที่ธรรมดาไม่ใคร่เห็นกันนะค่ะ สิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้กำลังทำ และการได้พบคุณลุงคนข้างต้น ทำให้ฉันเกิดคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ค่ะ ใครก็ได้ช่วยตอบหน่อยได้ไหม

การที่ชายหนุ่มคนนี้เขาต้องคลานไปตามฟุตบาทก็เพราะขาขวาของเขาขาดเหนือเข่าค่ะ ที่บริเวณเหนือเข่ามีผ้ายืดสกปรกหน่อยคาดอยู่โดยรอบค่ะ แรงมือของเขา 2 ข้างคือแรงหลักที่ทำให้เขาเคลื่อนที่ไปได้ ในมือซ้ายมีขันใบน้อยๆถืออยู่ด้วยค่ะ มือขวาช่วยขยับขาให้เคลื่อนตัวง่าย

ดูภาพเขาเอาเองละกัน ตอนฉันถ่ายภาพเขานั้น ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวและระแวง จึงได้แต่ถ่ายห่างๆด้วยกล้องที่คุณภาพไม่เท่าไรอ่ะค่ะ

ความรู้สึกฉันตอนนั้นมันถามฉันว่า นี่เป็นคุณภาพที่สังคมไทยได้ดูแลผู้พิการหรือนี่ ดูเหมือนเราจะได้ช่วยเขาแล้วด้วยการให้ขาเทียม ( เดาจากร่องรอยของการมีผ้ายืดที่เข่า)

แต่แล้วทำไมการให้ความช่วยเหลือแก่เขา จึงมีผลลัพธ์ที่ทำให้เขายังต้องใช้ชีวิตอย่างพิกลพิการอีกเล่า

คนวัยหนุ่มขนาดนี้ไม่มีทางหาเลี้ยงชีพด้วยวิธีอื่นอีกแล้วหรือ สังคมเรามันแย่ สอนให้คนหนุ่มๆยอมแพ้จนทำกับตัวเองขนาดนี้เลยหรือ

« « Prev : รักที่ฝากไว้ให้คนรุ่นหลัง

Next : อีกมุมหนึ่งจากสวนจตุจักร » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 kajonsaks ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 สิงหาคม 2008 เวลา 0:02

    ขาด้วน หนึ่งข้าง ใช้ไม้เท้าก็ได้นี่นา การคลานน่า เป็นวิธีการในการหาเงินมากกว่าครับ

  • #2 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 สิงหาคม 2008 เวลา 9:17

    #1 เวลาเกิดอะไรขึ้นอย่างที่เราเห็น เรามักจะโทษว่า “คน” คือ ต้นเหตุ จนเราลืมค้นหาต้นเหตุที่แท้จริง
    สำหรับหมอเจ๊เมื่อเห็นภาพนี้ มันเหมือนมีอะไรเอ๊ะในใจจนทำให้ถ่ายภาพมาให้ดูกันนั้น ไอ้อะไรที่เอ๊ะนั้น ในตอนแรกก็เกือบจะคิดอย่างที่อาจารย์ให้ความเห็น แต่พอหน่วงความคิดให้ช้าลง มันเกิดคำถามค่ะ ว่าเขาคนนี้มีขาเทียมที่ใช้ได้มั๊ย เพราะมีบ่อยๆที่ผู้พิการได้รับความเมตตาแจกขาเทียมให้ แต่พอรับไปแล้วเขากลับใช้ไม่ได้ ใส่ไปก็เจ็บตลอด มีก็เหมือนไม่มี แล้วถ้าจะไปขอใหม่ ระบบนี้มีก็ให้เขาไม่ได้อีกด้วย ความเมตตาที่ให้ไปจึงเหมือนทำลายโอกาสของเขาที่จะได้ขาที่เหมาะกับตัวเขาค่ะ
    ดูสภาพตอนเขาคลาน หมอเจ๊ไม่เชื่อว่า เขาตั้งใจเพื่อให้เกิดความสงสาร ถ้าหมอเจ๊เข้าใจผิดก็ต้องนับถือว่า คนๆนี้ใจเยี่ยมมากและทรหดสู้ชีวิตจึงกล้าทนกับสภาพที่เขาทำลงไป ทั้งๆที่ต้องแลกเงินมาด้วยความลำบากทางกายและความอับอายต่อสายตาสาธารณชน ใครทำอย่างนี้ได้ต้องซูฮกนะอาจารย์ ก็ให้เราไปทำอย่างเขา คลานได้ไปสักคืบเราก็คงไม่เอาแล้วหละ ต่อให้ได้เงินมากก็เหอะ
    และถ้าเขามีขาเทียมจริง เวลาเขาอยากได้เงินด้วยวิธีที่ดีกว่านี้ การทำงานที่ดีกว่านี้จะได้ที่ไหนค่ะ มีใครสักกี่คนที่ให้งานแก่คนพิการอ่ะค่ะ ที่ทำงานของอาจารย์พอมีที่รับเขาเข้าทำงานมั๊ยค่ะ
    ไอ้อะไรที่เอ๊ะในใจตอนนั้น คือ คำถามว่า ชายคนนี้เป็นเหยื่อของระบบอะไรในสังคม ผลพวงที่เราเห็นนั้นเป็นผลพวงของความเป็นคนที่ระบบเหล่านั้นหล่อหลอมเขามาใช่ไหม เสียดายที่หมอเจ๊ไม่กล้าพอที่จะหยุดและสนทนากับเขาค่ะ ก็เลยไม่มีข้อมูลที่ให้คำตอบแก่คำถามในใจตัวเองได้ตรงกับสิ่งที่เป็นจริงของเขา ได้แต่สะท้อนมองตามข้อมูลที่ตัวเองมีเท่านั้นอ่ะค่ะ

  • #3 sasinand ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 สิงหาคม 2008 เวลา 21:44

    น่าจะให้ทางการมารับตัวไป ใส่ขาเทียมและฝึกอาชีพให้นะคะ เพราะที่ดูในภาพ เขามีเจตนาค่ะ

  • #4 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 สิงหาคม 2008 เวลา 21:38

    #3 หมอเจ๊ดูแล้วไม่ตัดสินค่ะ ใครที่กล้าทำอย่างนี้ได้ คงมีอะไรในใจมากมายอยู่นะค่ะ ที่น่าสนใจกว่าคือ อะไรคือเหตุที่ทำให้เขาตัดสินเยี่ยงนี้ ถ้าตัดประเด็นเรื่องเงินยังชีพออกไปแล้วค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.066982984542847 sec
Sidebar: 0.16768503189087 sec