อ่านใจแล้วก้มกราบคารวะครู
อ่าน: 1981วันนี้เป็นวันพิเศษในหลายๆเรื่องสำหรับตัวเองจนอยากบันทึกไว้
หนึ่งของความพิเศษของวันนี้ก็คือ วันนี้เป็นวันแรม 15 ค่ำ เดือนแปดของเดือนเกิด ซึ่งเป็นวันพระ
ความพิเศษที่ 2 ของวันนี้ก็คือ วันนี้เป็นวันที่นักดาราศาสตร์ได้กล่่าวเชิญชี้ชวนให้รับรู้และเรียนรู้ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ชวนชมสุริยคราสครึ่งดวงที่นานปีทีเดียวกว่าจะได้เห็นกัน
ความพิเศษที่ 3 มีอยู่ว่า ที่อื่นเขาได้ดูสุริยคราสกันเต็มตา หากแต่ที่บ้านนั้น ฝนกระำหน่ำลงมาทั้งวัน จนมองไม่เห็นฟ้า ทำให้อดดูสุริยคราสเหมือนใครอื่นเขา เหตุการณ์ที่เกิดวันนี้เหมือนเมื่อคราวเกิดปรากฎการณ์พระจันทร์ยิ้มยังไงยังงั้นเชียว
ความพิเศษที่ 4 ก็คือ วันนี้มีผู้คนถึงคราวตื่นเรื่องสึนามิว่าจะเกิดขึ้นอีกรอบ และเรื่องจริงก็คือ โชคดีที่วันนี้ปลอดสึนามิ ขืนไม่ปลอดละก็ มีหวังตายกันแน่ๆ ก็ศึกตั้งรับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังไม่ชนะเลย มีศึกสึนามิเข้ามาสมทบด้วย ก็แปลว่าพระธรรมชาติลงโทษอย่างชนิดขุดหลุมฝังแบบไม่ให้โงหัวขึ้นมาเกิดใหม่ได้เลยเชียว ดีใจที่พระธรรมชาติยังเมตตาผู้คนที่นี่อยู่
ความพิเศษที่ 5 นั่นก็คือ วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของตัวฉันเอง ไม่ได้ฉลองอะไรหรอกในวันนี้ เพียงแต่หวนรำลึกถึงความหลังอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่ใช่คนข้างกายเท่านั้นเอง
ในยามที่อยู่ในสภาพที่พาตัววิ่งรอกไปกับงานที่แสนยุ่งเหยิง จะแทบไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ความรู้สึกของตน ณ เวลานั้นๆเป็นอย่างไร มีบ้างที่รู้ตัวขึ้นและหน่วงตัวเองให้ช้าไว้ ช้าไว้ ช้าพอที่จะรับรู้ความรู้สึก ณ ขณะนั้นๆได้ทัน และ ณ เวลานั้นแหละที่มีความอะไรบางอย่างแวบขึ้นมาให้รับรู้และจดจำ
หากมีคำถามว่าจะเรียกอะไรที่ว่านั้นว่า ความคิด ได้รึเปล่า คำตอบมันออกมาว่า ไม่รู้ซิ รู้สึกได้แต่ว่า มันแวบขึ้นมาบอกโดยไม่ทันคิดอะไร ที่ว่าไม่ทันคิดอะไร ก็เพราะว่า เวลาใช้ความคิด มันมีความช้า มีการใช้เวลาไปกับการวิเคราะห์ ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ มิใช่หรือ แต่นี่มันมิได้ต้องใช้เวลาในการใคร่ครวญ ไตร่ตรองเลยนี่นา อยู่ๆมันก็แวบขึ้นมาเฉยๆทันทีทันใดนั้น มันไม่น่าจะใช่ความคิดนะ
อันที่จริงมันจะใช่ความคิดหรือไม่ใช่ความคิดก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ความสำคัญมันอยู่ตรงที่สิ่งที่รับและรู้ขึ้นมาต่างหาก ไอ้สิ่งที่มันแวบขึ้นมานั้น มันประทับอยู่ในความทรงจำ แล้วมันก็ได้ทำให้ฉันเกิดความเข้าใจบทบาทที่เกิดมาในโลกนี้มากกว่านะ
บทบาทอะไรหรือ ก็บทบาทที่ถูกกำหนดมาว่า เมื่อเกิดมาแล้ว ณ ปัจจุบันขณะนั้นๆ ณ ที่แห่งหนึ่งที่พาตัวเข้าไปสิงสถิตย์อยู่ตรงนั้น แต่ละผู้คนมีหน้าที่ต้องลงมือทำอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างนั้นได้ถูกกำหนดและมอบหมายแก่ผู้คนแต่ละคนมาตั้งแต่เกิดแล้ว การ กระทำบางอย่างจึงเกิดขึ้นด้วยน้ำมือผู้คนแต่ละคนจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็แล้วแต่
นับแต่เข้าใจในเรื่องราวนี้ ดูเหมือนว่าตัวฉันปล่อยวางอะไรๆได้ง่ายดายขึ้น และการปล่อยวางนี้ก็ทำให้ฉันได้คืนมาซึ่งความวางใจ เป็นความวางใจต่อการทำหน้าที่ของผู้คนนั่นเอง
และแล้ววันนี้ก็มีโจทย์มาให้ทดสอบความวางใจนี้ เริ่มต้นจากการได้รับคำชวนจากหมอรุ่นพี่ให้ไปกินข้าวเย็นด้วย มีเหตุผลสั้นๆบอกมาว่านัดน้องหมอเด็กที่เพิ่งเรียนจบกลับมาไปเลี้ยงรับ
ถึงเวลาฉันก็พาตัวไปตามนัด กินกันไปสนุกกันไปจนอิ่มตื้อ ก็เริ่มมีช่วงพิธีการกล่าวต้อนรับสมาชิกใหม่ ผู้่เป็นต้นเรื่องกล่าวความรู้สึกต่อการพาตัวกลับมาทำงานหลังเรียนจบ ฝากเนื้อฝากตัวกับทีมงานเด็กแล้ว ก็คิดว่าจะจบเรื่องราวของพิธีการ แต่ปรากฏว่าไม่จบแฮะ มีรายการต่อมาอีก รายการที่ว่าก็คือ อยู่ๆก็มีการเล่าชีวิตการทำงานที่ผ่านมาทั้งหมด 30 กว่าปีที่ผ่านมาของฉัน เป็นเรื่องราวความรู้สึกของหมอเด็กที่ได้ทำงานร่วมกันมา้ มีคำพูดเอ่ยถึงความเป็น “ปูนียบุคคล” อ่านจากการ์ดให้ฟัง อ่านจบแล้วการ์ดใบนั้นก็ถูกนำส่งมอบมาใส่มือฉันพร้อมมีของขวัญชิ้นน้อยแนบมาด้วย
บอกตามตรงว่าในขณะนั้นความรู้สึกของฉันคือเอ๊ะ หลังความรู้สึกว่า เอ๊ะ ความคิดมันก็ทำงานต่อ มีคำถามเกิดขึ้นภายในใจว่า วันนี้เขาทำอะไรกันรึนี่ จะทำอย่างนี้ทำไมไม่บอกกันก่อน แล้วไอ้คำว่า “ปูนียบุคคล” นี่มันกล่าวเกินไปแล้วมั๊ง ไม่รู้สึกว่าดีใจเลยสักนิด ที่มีคนมอบคำๆนี้มาให้ในยามนี้ มันมีความรู้สึกไม่สบายใจอย่างไรพิกล
กลับจากงานเลี้ยงมาถึงบ้าน คุณสามีนั่งรออยู่ที่บ้านแล้ว ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า้นำพวงมาลัยดอกรักร้อยสายจำปีที่ติดมือเข้าบ้านมอบให้ แล้วก็จัดการตัวเองเพื่อเข้านอน แต่แล้วก็นอนไม่หลับ จึงลุกมาเขียนบันทึกนี้
นอนไม่หลับกับคำว่า “ปูชนียบุคคล” นี่แหละ รู้สึกว่าไม่เหมาะที่จะได้รับเกียรตินี้เลย
นึกไปนึกมาก็นึกขึ้นได้ หากฉันไม่มีครูดีมาก่อน วันนี้ฉันคงไม่ได้ยินคำนี้ฝากติดหูกลับมาหรอก นึกขึ้นได้แล้วก็สบายใจ วันนี้จึงขอมากราบคุณครูทั้งหลายถึงแม้วันนี้จะไม่ใช่วันครูค่ะ ขอบคุณที่ช่วยสอนสั่ง จะสอนตรงๆ สอนอ้อมๆ หรือสอนโดยไม่ได้ตั้งใจสอนก็เถอะนะค่ะ แต่ในวันนี้สิ่งที่ครูได้ลงมือทำนั้นได้พิสูจน์ถึงความสามารถของครูแล้วค่ะ
ขอกราบคารวะแทบเท้าและขอส่งมอบคำชมที่ศิษย์ได้รับมานี้แด่้ครูนะค่ะ คำชมนี้ไม่ได้มอบให้ฉัน หากแต่ได้มอบให้กับครูค่ะ
“ปูชนียบุคคล”
คำว่า ” ครู “เปรียบไว้ได้หลายอย่าง
เปรียบ”เรือจ้าง”รับส่งผู้โดยสาร
ให้พ้นห้วงมหาชลาธาร
ได้ข้ามผ่านถึงฝั่งสมตั้งใจ
เปรียบ”แม่พิมพ์”กล่อมเกลาเฝ้าหล่อหลอม
ทั้งโอบอ้อมการุณย์หนุนนำให้
ปลูกฝังซึ่งคุณธรรมผ่องอำไพ
ให้ก้าวไปตามครรลองของชีวา
เปรียบ”แสงเทียน”ส่องสว่างทางมืดมิด
เพื่อให้ศิษย์แจ่มกระจ่างทางศึกษา
จากไม่รู้ทั้งเขลาเบาปัญญา
กลับเก่งกล้าเลิศล้ำเพราะพร่ำเรียน
คือ”ปูชนียบุคคล”เปี่ยมล้นค่า
ควรบูชาเคารพนบนอบเศียร
ทั้งกายใจจิตวิญญาณท่านเฝ้าเพียร
เพื่อนักเรียนเติบใหญ่นั้นได้ดี
ขอทดแทนบุญคุณที่หนุนเนื่อง
ชาติรุ่งเรืองเพราะคุณครูกู้ศักดิ์ศรี
พร้อมอุทิศใจกายหมายมอบพลี
เป็นคนดีที่น่ายลชนชื่นชม
ร่วมเชิดชูครูไทยด้วยใจมั่น
ที่สร้างสรรค์บ่มเพาะความเหมาะสม
ในวันครูที่สิบหกมกราคม
ขอกราบก้มไหว้ครูดีศรีแผ่นดิน
ความพิเศษที่ 6 นั้นคือ การได้รับของขวัญอันมีค่ามาส่งมอบและส่งต่อเพื่อคารวะครูทุกคน
22 กรกฎาคม 2552
ขอบคุณคำกลอนชื่อ “ปูชนียบุคคล” จาก คุณ wannzaa http://www.zabzaa.com/poem/view.asp?gid=513
« « Prev : เอาของขวัญวันเกิดมาอวดกันหน่อย
4 ความคิดเห็น
อนุโมทนาสาธุครับ
ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ…ชวนโกเหลียงมาฉลองครบรอบที่เชียงใหม่ไหมคะ…อิอิ
#1 พี่บู๊ดค่ะ ชาวเฮทุกคนคือผู้ที่ได้รับคำชมนี้นะค่ะ ในฐานะที่พี่ก็เป็นครูให้น้องด้วย จึงขอมอบคำชมนี้คารวะพี่ในฐานะครูคนหนึ่งของน้องด้วยค่ะพี่
#2 พี่ว่าครูพี่ยินดีอย่างที่น้องว่าค่ะ แล้วสร้อยก็เป็นหนึ่งในครูที่ได้รับคำชมนี้เน้อน้อง รับมันไว้นะค่ะ คำชมจากผู้คนในองค์กรของพี่