ควันหลงสอบสัมภาษณ์
อ่าน: 1665นึกได้ว่าลูกศิษย์อ.แป๋ว ถามรอกอดว่า เวลาจะไปสมัครงานและเข้าสอบสัมภาษณ์ต้องเตรียมตัวยังไง จึงมาเขียนบันทึกเพิ่มเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์มุมมองในฐานะผู้เป็นกรรมการสอบไว้อีกสักหน่อย
ในการสอบสัมภาษณ์นอกจากให้ผู้เข้าสอบแสดงบทบาทคู่สนทนากับกรรมการสอบผ่านโทรศัพท์โลดแล่นไปตามจินตนาการสมมติที่ตัวผู้เข้าสอบวาดภาพตามที่ตีความโจทย์แล้ว ใช่ว่าคณะกรรมการจะใจหินสนุกกับความตื่นเต้นของผู้เข้าสอบแต่อย่างใด ทุกคนนั่งลุ้นด้วยความเมตตายิ่ง ใจนะลุ้นผู้เข้าสอบทุกคนให้แสดงความสามารถออกมาได้ดี
ในเบื้องต้นก่อนนำเข้าสู่บทบาทการสนทนาที่กำหนดให้ คณะกรรมการได้สร้างสัมพันธภาพกับผู้เข้าสอบโดยชวนสนทนาชนิดที่ว่าหาคะแนนช่วยให้อย่างสุดๆ ง่ายที่สุดคือให้ผู้เข้าสอบแนะนำตัวเองสั้นๆ พร้อมบอกจุดเด่นหรือความสามารถเด่นๆที่เขามี ฉันบอกเขาว่าโปรโมทตัวเองมาหน่อยว่าตัวเองมีดีอะไรให้ว่ามาเต็มที่เพื่อโกยคะแนนให้ตัวเอง อะไรก็ได้ที่รู้ว่าเป็นเรื่องดีๆของตัวเองก็ให้เล่าออกมาให้หมด รวมทั้งให้เสนอเรื่องราวความสามารถพิเศษออกมาได้ด้วย ทุกรูปแบบจะเป็นกีฬา ดนตรี หรืออะไรก็ได้ที่เขารู้สึกภูมิใจกับตัวเอง
แปลกแต่จริงก็คือว่า ผู้เข้าสอบบางคนไม่สามารถบอกว่าความสามารถที่เด่นๆของตัวเองคืออะไร บางคนบอกในเรื่องของคอมพิวเตอร์ออกมา ซึ่งฉันมีข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ที่จะมาแลกเปลี่ยนอยู่สักหน่อย มีคนบอกว่าหนูใช้ Microsoft office และโปรแกรมบัญชีได้ ฟังแล้วก็เอ๊ะ ตามมาด้วยเสียงในใจว่า แล้วมันเด่นยังไง บาปมั๊ยนี่ที่ไปรู้สึกเอ๊ะกับเขารึว่าเมื่อสวมวิญญาณกรรมการสอบแล้วกลับรู้สึกว่าไม่น่าสนใจแค่ใช้ Microsoft office ได้เท่านี้เองแฮะ แต่พอรู้ทันว่ากำลังไปตัดสินเขา ใจเลยมีลุ้น เออ! แล้วยังไงต่อละอีหนู ใช่แต่พูดในใจแต่ถามออกไปด้วย ถามไปแล้วเธอเงียบไม่มีการตอบต่อ รายละเอียดความสามารถอื่นๆเธอก็ไม่เล่าต่อ
จำได้ว่ามีคนหนึ่งบอกว่าทำ power point ได้ เมื่อชวนคุยต่อว่า ทำเพื่ออะไร เธอบอกว่างานการที่ทำ ต้องมีการนำเสนอสินค้า และมีโอกาสทำงานนำเสนอหลายครั้ง เมื่อสาวน้อยคนนี้ถือบทเป็นผู้รับโทรศัพท์ สิ่งที่มองเห็นก็คือ เธอเดินลุกจากที่นั่งไปรับโทรศัพท์ พร้อมสะพายกระเป๋าใบโตติดตัวไปด้วยและหนีบมันไว้ที่รักแร้ขวาของเธอ มือซ้ายเธอลุยๆลงไปบนกองของหลายชิ้นที่วางทับโทรศัพท์อยู่แล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาคุย ขณะเดียวกันมือขวาก็ป่ายแจกันดอกไม้แห้งที่วางบังอยู่ทางด้านหน้าของกองของให้พ้นหน้าตาของเธอ โดยเจ้ากระเป๋าใบโตนะยังหนีบอยู่ที่เดิม และเธอก็ยืนโทรศัพท์ในท่านั้นจนกระทั่งจบการสนทนา ฟังที่ฉันเล่าแล้วจินตนาการดูละกันว่าแปลความอะไรได้บ้างในเรื่องของความสามารถ 4 เรื่องที่เล่าไว้แล้วว่าต้องให้คะแนนแก่เธอ
มีสาวน้อยคนหนึ่งเพิ่งจบซิงๆจากสถาบันการศึกษา เธอเล่าประสบการณ์ว่า เธอมักไปร่วมกิจกรรมเข้าค่าย และเป็นอาสาสมัครเมื่อตอนที่เกิดสึนามิ เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น เธอเดินไปที่ชั้นวางโทรศัพท์แล้วจัดการโยกย้ายของที่วางเกะกะให้มีระเบียบเรียบร้อยและเลื่อนโทรศัพท์วางใหม่ให้สะดวกต่อการทำงานสื่อสารของเธอ ระหว่างสนทนา เธอขอหน่วงเวลาพูดคุยเพื่อจดสาระที่เธอจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือก่อนที่เธอจะให้ข้อมูล จดแล้วเธอวางหูโทรศัพท์เดินเข้ามาใกล้กรรมการเล็กน้อย พอให้คุยกันได้ยินและเสียงไม่ผ่านเข้าในหูโทรศัพท์ ได้ข้อมูลแล้วเธอจึงกลับไปยกหูโทรอีกครั้ง เธอทำเช่นนี้อยู่สามสี่รอบ และเรื่องที่ทำลงไปนั้น เป็นคำตอบที่โจทย์คาดหวังว่าจะได้เห็น ฟังแล้วจินตนาการดูละกันว่าความสามารถของคนที่พบกันแค่ไม่กี่นาทีนะพอประเมินได้ไหม
อีกสาวหนึ่งที่จำเรื่องราวเธอได้ เธอทำงานที่อื่นๆมาก่อนแล้วมาสมัครสอบในตำแหน่งผู้ช่วยเหลือคนไข้ หน้าที่ทำอยู่เดิมเธอบอกว่าเธอทำงานด้านการบัญชีของบริษัท เมื่อแนะนำตัวกันแล้ว ฉันถามเธอว่า งานผู้ช่วยเหลือคนไข้ที่เธอคาดเดานะเธอคิดว่าหากได้รับการคัดเลือก มีงานอะไรบ้างที่เธอมีโอกาสได้รับมอบหมายให้ทำ ปรากฏว่าเธอตอบไม่ได้ ตอบแค่ว่าก็ช่วยเหลือคนไข้ อันที่จริงคำถามนี้ไม่ได้โหดร้าย เพราะว่ามันมีเฉลยเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ประกาศรับสมัครสอบแล้ว ว่าตำแหน่งนี้หมายถึงผู้ทำงานอะไร เมื่อถามเธอว่าทำไมลาออกจากงานเดิมมาสมัครสอบเล่า เธอบอกว่าเธออยากได้งานที่มั่นคง แค่การสนทนาเพียงเท่านี้ จินตนาการดูละกันว่าวัดความสามารถอะไรได้บ้างแล้ว
ขอเล่าไปถึงเบื้องหลังของการออกข้อสอบ ก่อนที่จะมีข้อสอบสัมภาษณ์ออกมาเป็นชุดเดียวอย่างที่ฉันเอามาให้ดูนั้น มีการแลกเปลี่ยนกันระหว่างกรรมการอยู่หลายรอบในเรื่องของการให้คะแนน 4 ข้อ ตอนแรกตกลงกันว่า ต่างคนต่างถามคนละข้อ แต่ขอให้ทุกคนๆรับรู้ก่อนว่า คำถามคืออะไร เพื่อตกลงเรื่องการวัด ก่อนที่ข้อสอบจะออกมา ก็ให้แต่ละคนยกตัวอย่างดูหน่อยว่าวัดอย่างไร เพราะทุกข้อที่ต้องการคะแนนเป็นนามธรรมทั้งสิ้น ที่ต้องให้ยกตัวอย่างเพราะว่า ถือหลักการว่า เมื่อมีผู้ต้องการทราบวิธีวัดจะสามารถอธิบายให้เขาเข้าใจได้ สุดท้ายได้มอบหมายให้พยาบาลไปออกข้อสอบมาให้โดยกำหนดรูปแบบว่าเป็นการสนทนาผ่านโทรศัพท์แล้วข้อสอบที่ออกไม่ถูกใจประธานกรรมการสอบ ฉันเลยมีงานเข้าด้วยประการฉะนี้แล ออกข้อสอบมาแล้ว ประธานมีการเซ็นเซอร์โดยขอดูและซ้อมก่อนใช้ด้วยนะขอบอก วาดภาพดูละกันว่าประธานกรรมการนะซีเรียสกันแค่ไหนกับความโปร่งใสของคกก.
หลังการสอบผ่านไปแล้ว ฉันชวนลูกน้องที่เข้าสอบมานั่งคุยเล่าให้รุ่นน้องคนอื่นๆฟังรวมทั้งชวนคนที่เข้าสอบเช่นกันซึ่งฉันรู้ว่าเธอตื่นเต้นมาก ไม่ตื่นเต้นได้ยังไง มีคนเล่าว่าเธอเดินในห้องที่ให้นั่งรอสอบไม่หยุดเลย เข้ามาสอบได้คุยสนทนาผ่านโทรศัพท์ประโยคเดียวก็วางหูโทรศัพท์ซะเฉยเลย เธอเป็นคนที่ทำงานในร.พ.มานานกว่าสิบปีด้วยนะ ฉันหันไปบอกกับผู้อาวุโสในงานของเธอที่เป็นกรรมการสอบร่วมว่า ตกม้าตายจริงๆ ฉันไม่รู้จะช่วยยังไงนะ
ลูกน้องฉันเขาเล่าว่า เขาไม่ตื่นเต้นในขณะที่สอบสัมภาษณ์ เมื่อฉันชวนให้เขาบอกเหตุผล เขาว่าการที่ได้คุยกันทุกวันศุกร์ที่หน่วยงานกับฉันและเพื่อนร่วมงาน ทำให้เขาคุ้นชินกับการพูด เขาจึงไม่รู้สึกแตกต่างเมื่อต้องไปนั่งคุยกับกรรมการ เขาบอกว่าหากเขาไม่เคยได้คุยอย่างที่ได้ทำกัน เขาก็คงตื่นเต้นเช่นกัน ในการนั่งคุยครั้งนี้ ฉันชวนลูกจ้างในหน่วยโภชนาการมานั่งฟังด้วย ก่อนเลิกวงทั้งหมดที่มานั่งฟังดูเหมือนจะสนใจที่จะมาร่วมวงสนทนากันที่หน่วยงานของฉัน ดูเหมือนว่าถ่านที่ก่อไฟเอาไว้เริ่มคุขึ้นอีกหน่อยแล้ว ดูเหมือนเจ้าหล่อนที่เล่าว่าตื่นเต้นซ๊าจน….ไม่ใคร่สนใจกับการชวนมาฟังและสนทนากัน อย่างเพิ่งตัดสินละกน รอประเมินต่อวันพฤหัสหน้าว่าใครจะมาร่วมบ้างดีกว่า
« « Prev : ทางเบี่ยงก่อนตกร่อง
Next : ถามใจ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ควันหลงสอบสัมภาษณ์"