เจ้ามีที่มาอย่างไร(14)
อ่าน: 1299
สาวน้อยเธอเคยเล่าให้ฉันฟังว่า ในตอนเป็นเด็กนั้นแม่ไม่อนุญาตให้เธอไปคลุกคลีที่บ้านของเพื่อนบ้านเลย การเล่นกับเด็กข้างบ้านเธอได้เล่นบ้างถ้าหากการเล่นนั้นอยู่ให้สายตาที่เห็นจะๆของแม่ ชีวิตในอีกส่วนหนึ่งเธอมักตามแม่ไปบ้านเพื่อนแม่ซึ่งเขาตั้งวงเล่นไพ่กัน นอกจากเวลาที่อยู่กับเพื่อนที่โรงเรียนแล้ว เธอรำลึกขึ้นได้แล้วว่าเวลาทุกนาทีของช่วงวัยเด็กของเธอนั้นอยู่กับผู้ใหญ่แทบทั้งหมดทั้งสิ้น
การอยู่แต่กับผู้ใหญ่นั้นเองที่ทำให้เธอต้องระงับอารมณ์แสดงออกแบบเด็กๆเอาไว้ ที่ต้องระงับอารมณ์เป็นเพราะเธอกลัวแม่ตีหรือกล่าวคำว่าต่อหน้าคนแปลกหน้าให้เธออับอาย เวลาแม่พาออกแขกเธอจึงไม่เคยร้องไห้บอกถึงความต้องการใดๆกับแม่ต่อหน้าแขกเลย เธอฝึกมันจนเป็นนิสัยทำให้แม้แต่เมื่อเธออยู่ที่บ้านเธอก็ไม่เคยออดอ้อนแม่เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมา เธอได้แต่พูดคุยให้รู้แบบว่าเป็นทางการอย่างยิ่ง บอกแล้วเธอก็จบลงมิเคยเซ้าซี้ให้ได้คำตอบจากแม่ว่าได้หรือไม่ได้อย่างไร
ไม่เหมือนเธอบอกกับพ่อที่ออดอ้อนเล่นกันไปเรื่อย ที่ออดอ้อนนะเธอไม่ต้องการจะได้ ได้ไม่ได้เธอไม่สนใจ หากแต่การกระทำดังนั้นมันให้ความสุขความดีใจแก่เธอซึ่งพ่อตอบสนองให้เธอรู้สึกดีๆเสมอ พ่อไม่ได้ตามใจเธอทุกเรื่องส่วนใหญ่พ่อไม่ปฏิเสธสิ่งที่เธอขอด้วยสิ่งที่เธอขอเป็นเรื่องง่ายๆที่พ่อไม่ต้องไปซื้อหามาใหม่แต่อย่างไร
ฉันเห็นภาพที่เธอเล่าว่าแม่มองเห็นเธอเป็นตุ๊กตา เมื่อไรอยากจับแต่งตัวหรือเปลี่ยนร่างให้อย่างไรแม่บังคับทำไปตามแต่ใจแม่อยาก เธอจะไม่สามารถตอบโต้หรือบอกความต้องการในใจของเธอกับแม่ได้ในโอกาสเหล่านั้น ด้วยว่าเวลาเธอบอกแม่นั้นไม่ฟังเธอเลยหนา แถมด้วยการนำเรื่องที่เธอบอกไปพูดเล่าต่อจนเธอเสียความรู้สึก
อันที่จริงที่แม่เล่านะแม่ไม่ได้ตำหนิอะไรเธอหรอก แต่เธอไม่ชอบเป็นเพราะเธอถือว่าเรื่องที่เธอพูดบอกนั้นเธอต้องการให้แม่เท่านั้นที่รู้กัน อีกอย่างที่เธอเสียความรู้สึกคือบางครั้งแม่ยังแถมเพียะเข้าให้เมื่อเธอฮึดฮัดบ้าปล่อยตัวโมโหออกมาให้แม่เห็นจนเกิดเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งๆที่เธอแค่คิดว่า อยากแสดงออกมาให้แม่รู้ ว่าเธอไม่ชอบใจหนา เหตุใดแม่จึงต้องว่า ต้องเพียะให้เสียใจเล่า ปล่อยให้แสดงออกไม่ได้หรือ ในเมื่อมันแสดงออกมาในบ้าน ที่มีแต่พ่อแม่ลูกเท่านั้น เหตุใดจึงไม่ให้แสดง เธอบอกเธอไม่เข้าใจ
มีบ้างที่เลือกขอในสิ่งที่เธอรู้ว่าแม่ยอมให้แน่นอนหนา เธอเดาโดยการเลือกขอในสิ่งที่แม่ชอบทำและแม่ก็ไม่รู้ว่าเธอเลือกเพราะเธอรู้ว่าแม่ยอมให้เธอแน่ นั่นคือ การขอติดตามแม่ไปที่ไหนก็ได้ที่แม่ไปแล้วเธอมีเรื่องอยากรู้ อย่างเช่นการตามไปงานศพซึ่งปกติไม่มีใครเขาพาเด็กตามไปหรอกใช่ไหม ที่เธอขอตามแม่ไปก็เพื่อไปดูและชื่นชมกับการทำดอกไม้ของแม่ที่ใครๆพูดถึงฝีมือจนเธอเองอยากทำอย่างแม่เป็นมั่ง เธอขอตามแม่ไปบ้านเพื่อนแม่เวลาที่แม่ไปเล่นไพ่ด้วยรู้ว่าบ้านนี้เขามีการทำเทียนขายซะด้วย ไปด้วยอยากรู้ว่าเทียนนะนะมันทำอย่างไร ตามไปจนได้ของแถมไม่ใช่แค่รู้เห็นว่าอ้อ!เทียนแดงนะเขาทำกันอย่างนี้นะเอง หากแต่ยังได้รู้จักไพ่หลายแบบที่ผู้ใหญ่เขาเล่นให้ดูไปด้วย
เหตุการณ์ที่เผชิญอย่างนี้ทำให้เธอเคยชินจนเป็นอัตโนมัติกับการระงับอารมณ์ในเรื่องที่มีตัวแม่มาเกี่ยวข้อง เธอบอกเธอรู้แล้ววันนี้ว่าที่เธอระงับอารมณ์เป็นเพราะเธอต้องการทำให้ตัวเองมีความปลอดภัยจากเพียะ เพียะ เพียะของแม่ที่จะมาอย่างไม่รู้ตัวนะเอง เธอเพิ่งรู้ตัววันนี้ว่าเธอไม่ไว้ใจตัวแม่เท่าไรทั้งๆที่เธอรักแม่นะนี่ นี่มั๊งที่เป็นเหตุให้เธอมีปฏิกิริยาที่ช้าเมื่อได้รับข่าวการสูญเสียเรื่องแม่
หลังการเสียชีวิตของแม่เธอจึงรับรู้เพิ่มว่า พ่อมีหนี้สินเพิ่มมาจากการทุ่มเทรักษาโรคมะเร็งที่แม่เป็น พ่อต้องกู้เงินมาใช้ด้วยว่าลาออกจากงานพาแม่ตระเวนรักษา คอยอยู่เฝ้าแม่ทุกเวลานับแต่แม่ป่วยเข้านอนโรงพยาบาล เสร็จงานเผาศพของแม่ก่อนเธอลากลับมาเรียนต่อ พ่อบอกกับเธอขึ้นว่า ไม่ต้องกังวลหรอกนะลูก พ่อสัญญาว่าพ่อจะส่งเสียให้ลูกเรียนจนจบได้ พ่อดูแลตัวเองได้ไม่ต้องห่วง พ่อจะไม่หาแม่ใหม่ให้ลูก ไม่ต้องห่วงพ่อไปนา
สาวน้อยกลับมาเรียนต่อจนจบปีการศึกษา ปิดเทอมนั้นเธอไม่กลับบ้าน เธอลองสอบเอ็นใหม่เข้าแพทย์เพื่อให้พ่อแม่สมหวัง อันที่จริงพ่อแม่ไม่เคยพูดแต่เธอรู้ว่าถ้าเธอเข้าเรียนแพทย์ได้พ่อแม่จะดีใจนัก
ปิดเทอมปีการศึกษานั้นมันยุ่งนุงนังไม่เหลือดี หลายคนพลีกายล้มตายลงหลายคนพาตัวหนีเข้าป่า เมื่อข่าวคราวรู้ถึงหูที่บ้าน คำสั่งก็ถูกส่งมาให้กลับบ้านด่วนเลยอย่ารอช้าห้ามไม่ให้อยู่ในกรุงต่อไป กิ๊กเธอกลับบ้านไปก่อนแล้ว เขาแว่วข่าวเรื่องราวเข้าหูโดยดูจากหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์นะตอนนั้นดูได้ก็แต่คนกรุงเท่านั้นคนบ้านนอกไม่มีให้ดู
เมื่อเรื่องการเมืองสงบ ผลสอบเอ็นใหม่ออกมาว่า เธอได้เรียนในสถานศึกษาแห่งใหม่หนา เธอจึงผันตัวเธอมาเรียนที่มหา’ลัยใหม่ซะเลย คราวนี้เธอสอบเข้าได้คณะวิทย์อีกครั้งหนึ่งหนา แต่ว่ามีแปลกค่ะท่าน ใครสอบเข้าคณะอะไรได้ มหา’ลัยเขาไม่สนซักนิด เข้าเรียนแล้วเขายุบหมด ต้อนให้เข้าไปเรียนหลักสูตรเดียวกันผ่านสองปีแล้วจึงคัดคณะให้ใหม่
ทุกคนมาเรียนร่วมกันไม่ว่าใครเอ็นติดวิทย์-แพทย์-ทันต-เภสัช มหา’ลัยใช้อักษรชื่อจัดนักศึกษาร่วมเรียนเป็นกลุ่มจากเอถึงเอฟแล้วให้เรียนวนเวียนกันอยู่ที่ตึกที่อยู่ใกล้รามาที่มีรูปเหมือนจานบินไงหละ เรียนไปสองปีแล้วจึงให้ทุกคนเข้าสอบสัมภาษณ์เพื่อคัดคณะให้เรียนต่อไป เธอได้รับการคัดเลือกให้เข้าเรียนต่อคณะแพทย์สมใจของพ่อแล้วคราวนี้ รอยยิ้มที่ประดับใบหน้ายิ้มกว้างที่บอกความสดชื่นเมื่อพ่อคุยเล่าเพื่อนๆเรื่องลูกสาวแล้วพ่อก็ไม่เคยเบื่อคุยเรื่องของเธอกับใครเลย ภาพที่มองเห็นอยู่นั้นมันเป็นสิ่งซึ่งบ่งบอกว่าพ่อรู้สึกภูมิใจในตัวเธอนักหละ
บทเรียนจากชีวิตจริง
ภาพเด็กที่อยู่ในใจผู้ใหญ่มักจะเป็นภาพร่างเงาของความฝันใฝ่ที่ผู้ใหญ่เองอยากแก้ไขตัวเองถ้าหากกลับไปเป็นเด็กได้อีก
ภาพที่เด็กมีต่อตัวเองอยู่ในใจมักจะเป็นเงาร่างที่เด็กฝันใฝ่อยากให้ตัวเองเป็น ณ เวลาสั้นๆนั้นเอง
ภายใต้นิสัยดีๆทั้งหลายของเด็กที่ผู้ใหญ่ชื่นชมนั้น ผู้ใหญ่ไม่รู้หรอกว่าเด็กมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ในใจจึงแสดงออกมาอย่างนั้น
ข้อดีของเด็กที่ได้ใช้ชีวิตท่ามกลางผู้ใหญ่ที่เข้มงวด คือ การได้ฝึกความคิดวิเคราะห์และสรุปผล
ข้อเสียของเด็กที่ได้ใช้ชีวิตท่ามกลางผู้ใหญ่ที่เข้มงวด คือ ด้อยทักษะของการปรับตัวใช้ชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติตามวัยให้เหมาะสมกับตัวเขาเอง
เด็กๆนะเขาต้องการให้พ่อแม่เก็บเรื่องราวเฉพาะตัวของเขาไว้เป็นเรื่องเล่าขานกันเฉพาะในครอบครัวเท่านั้น
การที่ผู้ใหญ่นำเรื่องของเด็กไปพูดคุยเล่าต่ออย่างถือสิทธิว่ามีวัยวุฒิมากกว่านั้น เด็กเขารู้สึกว่าผู้ใหญ่ละเมิดสิทธิส่วนตัวของเขานะ
การที่ผู้ใหญ่นำเรื่องของเด็กมาเล่าต่อบ่อยๆ เด็กไม่เข้าใจหรอกว่านั่นคือความเอ็นดูรักใคร่ภูมิใจต่อตัวเขา ความไม่เข้าใจนี้ทำให้เด็กเกิดความไม่ไว้ใจผู้ใหญ่คนนั้นโดยเขาก็ไม่รู้ตัว
เด็กที่ไม่ไว้ใจผู้ใหญ่จะไม่เล่าเรื่องเกี่ยวกับตนเองให้ผู้ใหญ่ฟังไม่ว่าเรื่องนั้นสำคัญอย่างไร การทำให้เด็กไว้ใจนั้น ผู้ใหญ่ไม่สามารถใช้คำพูดประกันให้เด็กไว้ใจได้ การลงมือกระทำเรื่องใดๆด้วยความจริงใจให้เด็กรับรู้ได้ต่างหากที่ประกันให้เด็กไว้ใจได้
เพียงแค่ทำให้เด็กเกิดความไม่ไว้ใจแค่ครั้งเดียว การกู้คืนความไว้ใจของเด็กให้กลับคืนมา ใช่ว่าจะทำได้ง่ายดาย เผลอๆก็ไม่สามารถกู้คืนมาได้ด้วยนะ หากเด็กเขายังรู้สึกไม่ปลอดภัย
Keywords :
เมื่อผู้ใหญ่เข้มงวดกับเด็กตลอดเวลา เด็กจะหยิบเอาเสื้อที่มองไม่เห็นตัวที่ทำให้มองโลกในแง่ลบมาสวมใส่ตลอดเวลา ส่งผลให้เด็กเก็บความกลัวไว้ในตัวและฝังลึกลงในใจหลากรูปแบบ เมื่อเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความกลัวนี้จะปิดกั้นการเรียนรู้และการปรับตัว ส่งผลทำให้เด็กขาดทักษะชีวิตในแง่มุมของการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (change agent)
« « Prev : เจ้ามีที่มาอย่างไร(13)
Next : มุมดีๆของชีวิตในปี 2551 » »
ความคิดเห็นสำหรับ "เจ้ามีที่มาอย่างไร(14)"