ตามลม๒ (๗) : กว่าจะเจอทางออก….ก็….เฮ้อ…เฮ้อ…เฮ้อ
เมื่อรับแจ้งว่ามีขั้นตอนอุทธรณ์เกิดขึ้น คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องก็นัดพบและทวนสอบขั้นตอนดำเนินการร่วมกัน หาว่าเหตุอุทธรณ์เกิดได้ไง ทวนไปทวนมาพบว่า เหตุเกิดจากทำงานหลุดขั้นตอน
อย่างที่เล่าไปแล้วว่า เมื่อหนังสือราชการทั้งหมดเสร็จลง มีการอุ้มและเฝ้าอย่างไม่ให้คลาดสายตาไปกระทรวงฯ การอุ้มไปมีคนในทีมคัดเลือกหมอทำคลอดตึกร่วมทางไปด้วย เป็นตัวแทนที่ทีมส่งไปรับข้อชี้แนะจากกระทรวงฯกลับมาบอกกัน แล้วจึงทำงานต่อเรื่องพิจารณาสรุปผลการคัดหมอที่มาสมัครทำคลอดตึก
ที่ว่าหลุดขั้นตอนก็เป็นอย่างนี้ เจ้าหน้าที่เข้าใจว่า เมื่อส่งทีมไปรับข้อชี้แนะจากกระทรวงฯพร้อมกันแล้ว หากคนกระทรวงฯว่ายังไงก็ทำตามคำแนะนำของกระทรวงฯได้เลย ทีมคัดเลือกฯหมดอำนาจตัดสินใจของตนเอง เมื่อเข้าใจอย่างนี้ หลังคำชี้แจงของกระทรวงฯเจ้าหน้าที่จึงลุยถั่วไปโลด แจ้งผลผางตรงไปเลยกับผู้ที่กระทรวงฯระบุชื่อมา
เมื่อทวนสอบทีมจึงอ้อ กำมือนวดขมับไปตามๆกัน ทีแรกก็จะเลยตามเลย เอาเป็นว่า ใครตกรอบก็ให้ตกรอบไปเหอะ ทำตามที่กระทรวงฯว่ามาอย่างที่เจ้าหน้าที่รับทราบมาและทำไปละกัน แต่เมื่อไตร่ตรองใคร่ครวญกันช้าๆ ก็พบว่าใจเร็วด่วนได้จะพาเสียคน
คนที่เสียก็จะมีอยู่หลายคน คนแรกคือตัวเจ้าหน้าที่ที่ใจเร็ว ด่วนแจ้งผลโดยพลการ ไม่รอให้ทีมคัดเลือกหมอทำงานต่อให้สะเด็ดน้ำ หลังได้ข้อแนะนำกลับมาจากกระทรวงฯ อีหนูนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ แถมเป็นลูกจ้างชั่วคราวด้วย….เฮ้อ…เฮ้อ…เฮ้อ….ไม่น่าทำลงไปเลยอีหนู
ที่เสียถัดมาก็ด้วยการพลอยฟ้าพลอยฝนจากการติดเบรคเจ้าหน้าที่ไม่ทัน ก็กรรมการตัดสินนางงามแหละ พลอยฟ้าพลอยฝนอย่างนี้โดนหลายเด้งได้ด้วยเลยเชียว
เด้งหนึ่งจากนางงามตกรอบ ฟ้องแพ่งว่าทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ เกิดขึ้นจริงอาจจะหมดตัว เด้งหนึ่งโดนหน่วยเหนือด่าฐานเพิกเฉยชักช้ากับการปฏิบัติหน้าที่ เด้งหนึ่งอาจโดนฟ้องศาลปกครองฐานบกพร่องต่อหน้าที่ เด้งหนึ่งอาจโดนจากนางงามเข้ารอบ ฟ้องแพ่ง ฐานลำเอียง ก็มีโอกาสหมดตูดเหมือนกัน….เฮ้อ…เฮ้อ….ความไม่รู้งานของเด็กทำเหตุ…..ไม่น่าเลย
รู้จุดเร็วที่ทำให้พลาดกันแล้ว ก็ชวนกันหาความรู้เรื่องตอบอุทธรณ์ เป็นการเรียนรู้ที่เกิดความเข้าใจอย่างปัจจุบันทันด่วน อืม เร็วเกินไม่ดี แขวนคำตัดสิน ตีความแต่ละประเด็นก่อนฟันธงกันดีกว่า โชคดีที่มีเวลาให้ตอบอุทธรณ์อยู่หลายวัน
วันแรกที่รับรู้เรื่องอุทธรณ์ เจ้านายซึ่งระหว่างนั้นอยู่สวิสก็โทรมาหา คำพูดที่เปล่งออกมาเป็นคำแนะนำเพื่อชี้ทางออก เสียงบ่งบอกความร้อนใจ ก็แปลกใจที่เรื่องไปถึงหูเจ้านายได้ ไม่ได้เอะใจว่าเจ้านายรู้ได้ยังไง
ทำงานไป โทรศัพท์ก็ถูกเวียนสายไปให้ทีมเป็นรายคน เสียงโทรศัพท์ทำลายสมาธิมากมาย สุดท้ายประธานทีมเสนอกลับไปว่า ขอเวลาทำงานได้ไหมเจ้านาย กำลังชวนกันค้นหาอยู่ว่า เกิดเหตุอุทธรณ์ได้ยังไง มีความเข้าใจที่ต่างกับกระทรวงฯตรงไหน ก้าวหน้ายังไงเรื่องคำตัดสิน จะเรียนสายให้ทราบ จึงยุติการรุกฆาตของเจ้านายไปได้….เฮ้อ…เฮ้อ…ปวดขมับ
ทวนความรอบแรกกันแล้ว ก็มีร่างข้อตัดสินใจรอบแรกออกมา เสียงที่ออกความเห็นไม่เป็นหนึ่งเดียวในทุกประเด็น แต่หมดวันแล้ว ที่เห็นต่างจึงยกไปคุยต่อในวันถัดมา
เช้าวันถัดมาคุยกันต่อ เจ้านายกริ๊งมาตามผลการตัดสินใจตอบอุทธรณ์ แถมด้วยคำบอกว่า คราวนี้เห็นทีก้นจะหลุดจากเก้าอี้ ทีมจึงบอกไปว่า บางประเด็นกำลังเคลียร์กันอยู่ ขอยังไม่ตอบข้อตัดสิน ผ่านไปไม่นานก็มีกริ๊งเข้ามาใหม่ เป็นเสียงจากเจ้านายบอกมาว่า เจ้ากระทรวงฯจะขอคุยด้วย ขอเบอร์โทรประธานตัดสิน…เฮ้อ…เฮ้อ….
ได้รับคำบอกอย่างนั้น ประธานก็บอกต่อทีมตัดสิน….เฮ้อ…เฮ้อ…..บรรยากาศกดดันสิ้นดี….ทำยังไงดีหว่า สุดท้ายก็ตอบไปว่า ขอเวลาทำงานเหอะ ไม่ขอรับโทรศัพท์จากท่านละ ข้อตัดสินใจจะตอบออกมาให้ได้ทราบตามกำหนดเวลาแน่นอน ไม่เกินเวลาที่ฝ่ายอุทธรณ์รอ ขอให้เจ้านายเรียนบอกท่านให้หน่อย
แรงกดดันที่เกิด ทำให้ประธานตัดสินใจนำกระบวนการอย่างที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีนักการเมืองใหญ่มาใช้ ปล่อยให้ทุกข้อตัดสินใจเป็นเหตุผลของปัจเจก เพื่อให้แรงกดดันจากเสียงภายนอกเบาลง
ช่วยนำพาให้เกิดสติ โดยระหว่างกระบวนการ หน่วงให้แต่ละคนฟังเหตุผลของกันและกัน โยนโจทย์ให้ช่วยกันคลี่ทุกแง่มุมของผลกระทบทั้งส่วนเสียหาย และส่วนได้ที่แต่ละคนให้ความสำคัญออกมาแลกเปลี่ยนมุมมองต่าง
กระบวนการทำให้แต่ละคนก้าวข้ามความกลัว ความกังวล ความห่วงใย กล้าเดินออกจากไข่แดง มีคำตอบให้ตัวเองอย่างภาคภูมิว่า ข้อตัดสินที่เกิดขึ้นเป็นความซื่อตรงต่อความรู้สึกที่มีต่อชีวิต มีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ครอบครัว สังคม และองค์กร สติเต็มเปี่ยม มิได้ใช้ “อคติแห่งคำสั่ง” ในการตัดสินใจ
ก่อนเข้าเนื้องานพิจารณาข้ออุทธรณ์ หนึ่งในทีมก็เติมข้อมูลว่า มีโทรศัพท์จากผู้สมัครรายอื่นถามเข้ามาเรื่องนางงามตกรอบ เอาละซิ แรงกดดันมาอีกดอกแล้ว เช็คความรู้สึกเพื่อยืนยันการมีสติ เป็นตัวของตัวเองรายบุคคลซ้ำ แล้วจึงเข้าเนื้องานข้ออุทธรณ์
เจ้าหน้าที่แจ้งว่าในข้ออุทธรณ์มี 2 เรื่อง หนึ่งเป็นเรื่องความเรียบร้อยของเอกสาร อีกหนึ่งเป็นเรื่องเอกสารที่มีชื่อผู้มีอำนาจทำธุรกรรมกับหน่วยราชการ เรื่องแรก มีเอกสารส่งเพิ่มแนบมาพร้อมคำอุทธรณ์ เรื่องหลังมีข้อชี้แจงแนบมาว่า มีเอกสารดังกล่าวยื่นไว้แล้ว
เมื่อเห็นเนื้องานที่ต้องตัดสินใจของข้ออุทธรณ์แรก ผลตัดสินใจของทีมเลือกนางงามก็ออกมาเป็นหนึ่งเดียวว่า ไม่รัยฃบพิจารณาข้ออุทธรณ์ ด้วยกำหนดเวลาส่งเอกสารให้ครบผ่านเลยมาเนิ่นนานและสิ้นสุดลงแล้ว
ส่วนอีกข้ออุทธรณ์นั้น ทวนอ่านเอกสารโดยละเอียดกันอีกรอบก็เห็นกันว่า มีเอกสารที่บอกได้ว่าผู้มีอำนาจทำธุรกรรมชื่ออะไร ตามที่อุทธรณ์มา แต่เอกสารดังกล่าวใช้แบบฟอร์มที่ไม่เป็นสากลอย่างที่ราชการมักใช้
ทีมต้องใช้วิจารณญาณกันมากว่าหัวใจสำคัญของเอกสารอยู่ที่ “แบบฟอร์ม” หรือ “เนื้อหา” วิเคราะห์ วิจารณ์กันแล้วให้ความสำคัญกับ “เนื้อหา” เจตนารมณ์ใช้เนื้อหาเป็นข้อพิสูจน์หลักมิใช่แบบฟอร์ม จึงสรุปต่อข้ออุทธรณ์นี้ว่า แท้จริงผู้อุทธรณ์ไม่จำเป็นต้องอุทธรณ์
จบเนื้องานแล้ว ก็ผ่านเข้าขั้นตอนการบันทึกตอบข้ออุทธรณ์ และสรุปผลการคัดเลือกนางงาม กว่าจะได้บันทึกที่ตรงใจ ตรงความหมายที่ต้องการสื่อ ก็ช่วยกันงัดภูมิรู้ด้านภาษาไทยมาใช้กันหลายรอบ บันทึกดังกล่าวใช้เวลาจัดทำต่อในอีกวัน
เวียนเอกสารที่บันทึกเพิ่มในระหว่างพิจารณาข้ออุทธรณ์ผ่านมือทุกคน มีข้อสังเกตว่าุทุกคนร่วมกันทำงานและเพิ่มความละเอียดของการทำงานเอกสารมากกว่าเดิมหลายเท่า
มีบันทึกเอกสารประกอบการตัดสินข้ออุทธรณ์ไว้ในรายงานประชุมทุกฉบับ มีการอ่านข้อตัดสินใจรายบุคคลที่บันทึกไว้ ทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แก้ไขจนได้ภาษาตรงความหมายที่เจ้าตัวต้องการสื่อ ต่างคนต่างซึ้งถึงความสำคัญของวิชา “การใช้ภาษาไทย” “เรียงความ” และ “ย่อความ” ก็คราวนี้เอง
จบงานเอกสารก็สรุปผลการตัดสินนางงามเข้ารอบกันตามหน้าที่ และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทำหนังสือแจ้งไปยังทีมหมอทุกทีมที่มาสมัคร ผลการตัดสินก็คือ นางงามทุกคนได้เข้ารอบไปแข่งกันในรอบที่ 2 ได้ทีมนางงามเข้ารอบรวม 3 ทีม
ได้ผลการตัดสิน ประธานก็รายงานไปให้เจ้านายรับทราบ โอนหน้าที่รายงานผลเจ้ากระทรวงให้เจ้านายทำเอง…..เฮ้อ…เฮ้อ….กว่าจะหายปวดขมับ
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕
« « Prev : ตามลม๒ (๖) : แล้วก็มีประเด็นให้ต้องใคร่ครวญ
Next : ตามลม๒ (๘) : แล้วก็เจออีกเรื่อง…อืม..หือ…หึหึ » »
1 ความคิดเห็น
ไม่ได้เข้ามาเป็นเดือนแล้ว เพราะเข้าไม่ได้ เลยถือโอกาสพัก ไปเล่นอย่างอื่นแทน ครับ