คิดชอบ ชอบคิด
วันนี้ฟ้ายังสว่าง ฝนตั้งเค้าว่าจะตกแต่ยังไม่ตก ฉันจึงตัดสินใจเดินกลับบ้าน ให้โอกาสตัวเองได้เคลื่อนไหวร่างกายเพิ่มในชีวิตประจำวันอีกวันหนึ่ง เพื่อให้สุขภาพที่เริ่มเปลี่ยนผ่านตามวัยยังเอาอยู่
ระยะทางระหว่างที่ทำงานกับบ้านไม่ไกล เดินทอดน่องหน่อยไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงบ้าน เดินเร็วหน่อยก็ไม่เกินยี่สิบนาที
ทุกๆวันที่เดินกลับบ้าน จะเดินผ่านบ้านหลายหลัง แต่ละวันก็จะพบเหตุการณ์ที่ต่างไป
ความรู้สึกในระหว่างเดินก็ต่างไป วันที่มีเรื่องงานติดค้างพกพาไปในหัวด้วย ก็มีความรู้สึกที่ต่างไป
บางวันรู้สึกว่าเดินไกล บางวันรู้สึกว่าเดินใกล้ แป๊บเดียวถึง บางวันก็เพลิน รู้สึกว่าไม่น่าถึงเร็วอย่างนี้ เห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปทันบ้างไม่ทันบ้างอยู่เรื่อยๆ
บางวันได้เห็นชีวิตนก ชีวิตสุนัขที่พาเพลิดเพลิน บางวันก็มีสุนัขพาตัวมาใกล้ให้ได้ทดสอบความกล้า ความกลัว มีประสบการณ์ที่ต่างๆไปในแต่ละวันสนุกดี
บนเส้นทางที่เดินผ่าน บางวันก็พบผู้คนประปราย บางวันก็ไม่พบใครเลย และบนเส้นทางนี้ก็ได้พบขาประจำที่ปะหน้าค่าตากันอยู่เรื่อยๆ
ครั้งแรกที่ได้พบกันนั้น เธอกำลังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านกับใครคนหนึ่ง อายุของเธออยู่ในวัยอนุบาล ใครคนหนึ่งที่เธอกำลังเล่นด้วยอยู่ในวัยสูงกว่าราวๆ ๒ ปี
วันนั้นเพื่อนเล่นของเธอปลีกตัวไปเล่นตามลำพัง จังหวะที่เดินผ่านเธอกำลังมีอารมณ์บางอย่างเกิดขึ้น จำได้ว่าทักเธอไปว่า “หนูกำลังโกรธอยู่เหรอ”
ปล่อยคำพูดพร้อมรอยยิ้มแล้วก็เดินผ่านตัวเธอไปช้าๆ เหลือบตามองระหว่างเดินผ่าน ดูเหมือนจะเห็นว่าเธออึ้ง หน้าตาไม่บอกอารมณ์เปลี่ยน
ไม่บ่อยเท่าไรหรอกที่เดินกลับบ้านแล้วพบเจอเธอ ครั้งที่สองที่เจอหน้ากันอีกครั้ง คราวนี้เธออยู่บนอานจักรยานเล็กๆคันหนึ่ง กำลังพยายามที่จะทำให้จักรยานนั้นเคลื่อนตัวไป
รู้ทันทีที่เห็นว่าความหวังของเธอเป็นไปไม่ได้ ด้วยเธอนั่งหันหลังให้หัวรถจักรยานแล้วเอี้ยวตัวมาเพื่อบังคับแฮนด์รถเพื่อพารถเคลื่อนไป
จังหวะที่เดินผ่านเธอ เป็นจังหวะเธอหมุนตัวใหม่บนอาน หันตัวกลับและจับแฮนด์รถใหม่ ทั้งตัวทั้งหน้าหันในทิศเดียวกับหัวรถ
ไม่ได้นึกอะไรในหัว แต่ปากพูดออกไปว่า “ไม่กล้าถีบหรือลูก เก่งจัง ถีบซิลูก” ส่งยิ้มให้เธอแล้วก็เดินผ่าน เหลือบตาหันไปมองนิดนึง ก็เห็นเธอส่งสายตามองตามหลังมา ส่งยิ้มกลับไปให้ แล้วก็เดินต่อกลับบ้าน
วันนี้เป็นอีกวันที่เดินกลับบ้านแล้วพบหน้ากัน คราวนี้จุดที่ได้พบกันอยู่ห่างจากหน้าบ้านของเธอไกลโข
เมื่อเดินผ่านกัน ก็มีเรื่องที่เธอทำให้ประหลาดใจ จู่ๆเธอก็ยกมือขึ้นไหว้และส่งยิ้มให้ก่อน ก็ส่งยิ้มตอบการทักทายนั้น
ในหัวได้ยินเสียงคำว่า “เอ๊ะ” ดังอื้ออึง เป็นเอ๊ะที่มีเสียงตามมาว่า “อีหนูคิดอะไร วันนี้ทำไมยกมือไหว้เราหว่า ไหว้สวยแฮะ”
ตลอดทางจนถึงบ้าน ก็ทบทวนค้นหาคำตอบที่ดังขึ้นในหัวนั้น แล้วคำของเด็กรุ่นลูกคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา “ทำไมผู้ใหญ่ชอบคิดกันจัง คิดมากจัง”
จึงได้สติ เออจริง เป็นผู้ใหญ่นี่ชอบคิด วันนี้ อีหนู “คิดชอบ” สืบทอดมารยาทไทยให้เห็นจะๆ ยังจะหาคำอธิบายเล้ย
ได้เรียนจะจะว่า “ผู้ใหญ่” ต่างจาก “เด็ก” ตรง “ชอบคิด” นี่แล
ได้เรียนว่าความอยากรู้เป็นตัวดึงให้ตั้งต้นการคิด
บันทึกนี้เขียนไว้เพื่อเตือนใจเวลาจะคุยกับเด็ก แล้วเผลอตั้งคำถามกับเด็ก เวลาเด็กไม่ได้คิด หรือตอบตามที่เขาคิดได้ หรือไม่ตอบคำถาม ไม่ทำตามคำบอก จะได้ไม่ตำหนิ ไม่เผลอปี๊ดแตก
ก็มันเป็นธรรมดาของเด็กนี่นา ถ้าอยากให้เด็กคิดก็ต้องชวนให้อยากรู้
๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
Next : ในความเบื่อ มีเรื่องดีๆซ่อนอยู่มากมาย แค่มองหาก็จะเจอ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "คิดชอบ ชอบคิด"