ความในใจถึงผู้พิทักษ์
อ่าน: 1837“คุณกระทิงที่รัก ฉันอยากจะบอกคุณว่า คุณเป็นคนที่มีค่าที่ทำให้ชีวิตของฉันในวันนี้เป็นชีวิตที่ดี มีฐานที่มั่นคง มีการเรียนรู้ที่มีค่าเกิดขึ้นตลอดมานับแต่วัยเยาว์ คุณเป็นคนที่น่ารัก แม้ในเวลาที่คุณดุขึ้นมาและน่ากลัวสำหรับคนอื่น และฉันก็รู้ว่าด้วยเหตุที่คุณคอยดูแลฉันเป็นอย่างดี จึงทำให้คุณกระทำลงไปอย่างนั้น ฉันขอขอบคุณอีกครั้งด้วยความรู้สึกปิติเป็นอย่างยิ่งในความผูกพันต่อฉันที่คุณมีให้ ฉันอยากเห็นคุณเป็นคนที่น่ารักกว่านี้ เป็นคนดุที่ยังคอยดูแลฉันอยู่ต่อไป จึงขอชวนให้คุณมาช่วยกันดูแลกันด้วยมิตรภาพที่มีคุณค่าอย่างอ่อนโยนและปราศจากความกลัวจากใครๆ มาช่วยกันสร้างพื้นที่ปลอดภัยร่วมดูแลคนอื่นไปพร้อมๆกับฉัน เป็นผู้อยู่คู่เคียงข้างกับฉันอย่างใจปรารถนาเช่นเดิมในมิติใหม่ที่ทำให้โลกสดใส ผ่อนคลาย และมีความสุขสงบไปพร้อมๆกันกับคนรอบข้างของพวกเรา”
ข้อความข้างต้นคือจดหมายน้อยที่ฉันเขียนถึงผู้พิทักษ์ของฉันที่ฉันนำเอาไปอ่านให้น้องแวนฟัง ตอนที่เล่าก็แปลกใจที่เห็นน้องแวนน้ำตาร่วงค่ะ แต่ตอนที่มาเขียนบันทึกนี้ไว้ ความแปลกใจดูจะยิ่งเพิ่มขึ้น แวบไปถึงคำพูดที่น้องแวนพูดไว้ตอนหนึ่งว่า หนูคิดว่ามันมีบางอย่างชักนำให้มาเจอะเจอกับเรื่องบางอย่าง ซึ่งในตอนนั้นฉันแลกเปลี่ยนกับเธอว่า ชะตาชักนำไงเล่า มันจึงมีคำพูดว่า ดวงใครดวงมันขึ้นมา ที่แวบขึ้นมาก็เพราะว่า เธอเป็นกระทิงที่ให้ผู้พิทักษ์คือหนูเป็นผู้ปกป้องเธอค่ะ นี่กระมังคือความหมายของคำว่า “แปลงร่าง” ที่เฮียรูปงามเคยพูดเข้าหู
มีเรื่องที่อยากจะบันทึกไว้อีกว่า แลกเปลี่ยนไปรอบสองในช่วงของการเรียนรู้ผู้พิทักษ์ว่าอย่างไร ที่ฉันบอกว่าฉันกำลังทบทวนว่าตัวฉันเป็นสัตว์ทิศไหนนั้น ด้วยว่าก่อนมาที่นี่นั้นฉันรู้แล้วว่าฉันใช้ความเป็นกระทิงในการทำงานเด่นมากกว่าสัตว์อื่น แล้วทำให้ฉันอึดอัดในใจ หลังจากที่รู้ฉันรู้สึกว่า ในตัวฉันมีคนอีกคนที่ฉันกำลังดูแลกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู เวลาเขาไม่สบายใจ ฉันก็ปลอบใจเขาเหมือนแม่ที่ปลอบลูกยังไงยังงั้น และนี่คืออีกเหตุผลที่ฉันอยากรู้ว่า มีคนอื่นรู้สึกเหมือนกันไหมแล้วทำให้มาที่นี่ และหลังจากเล่าเรื่องนี้นี่แหละที่ภาคบ่ายน้องอึ่งเขาบาย ไม่ยอมจับคู่ทำกิจกรรมด้วย ส่วนจะใช่เรื่องหลักหรือไม่ น้องอึ่งเขาบอกว่า รอไว้เฉลยในกิจกรรมต่อๆไป พอวันนี้รู้ว่า เขากลัว ฉันก็เลยกอดเขาตอนไปวัดค่ะ แล้วก็ดูเหมือนว่า สองสาวจะมีความลับอะไรที่มาแซวอยู่ แย้มๆมาแต่ก็ไม่ชัด ใครที่อยากรู้ก็คงต้องติดตามต่อไปกับคำเฉลยของน้องอึ่งค่ะ
เล่าเรื่องตัวเองแล้วก็ขอเอาเรื่องน้าอึ่งมาเผาต่อซะหน่อย เรื่องที่จะเอามาเผาก็เป็นเรื่องของจดหมายถึงผู้พิทักษ์ที่น้าเขาเขียนไว้ซะหวานแหววค่ะ ขอเล่าเลยนะว่าเขียนไว้อย่างไร
ถึงเธอที่รัก ฉันดีใจที่มีวันนี้และที่สำคัญคือฉัน……”มีเธอ” เคียงข้างเสมอ ไม่ว่าฉันจะสุข สนุกสนาน ร่าเริงเบิกบาน หรือแม้กระทั่งการจมอยู่ใน”ห้วง” แห่งความทุกข์ “ห่วง”ที่ผูกกันไว้อย่างมีพันธนาการตราบที่เวลาได้ผ่านไปอย่างช้าๆ “เรา”จะบอกกันเสมอว่าอย่าให้มีสิ่งใดที่เป็นพันธะทำให้จินตนาการของเราต้องขาดลง การดำเนินอย่างเคียงคู่กันนั้นย่อมมีอิสระ อย่าได้ให้มีสิ่งใดขวางกั้น เราเคยเดินเคียงข้าง ขึ้นเขาลงห้วยช่วยกันอย่างไร้สติมาก็มาก เราต่างโทษกันเสมอว่า”เธอ”ว่า “ฉัน” แต่กาลเวลาได้ช่วยให้เราผูกพันอย่างอิสระ ด้วยวัยทำให้เราอยู่กันด้วยเหตุผล ฉันแยกเธอออกจากฉัน เธอแยกฉันออกจากเธอ “เรา” มองเห็นกันและกันมากขึ้น ต่างก็บอกกันว่า “ขอบคุณ”ที่มีวันดีที่เคียงข้างกัน “ฉัน”ขอบคุณเธอทุกครั้ง ทุกวัน ทุกเวลา ทุกนาที ที่อยู่กับฉันเสมอ “ฉันรักเธอ…แต่ฉันต้องบินไป” ขอบคุณ”หัวใจดวงน้อยๆ”ของฉันที่อยู่เคียงข้างกันเสมอมา ขอบคุณ….ขอบคุณ….ขอบคุณ…..แล้วเราจะไม่จากกัน
ขอบันทึกกิจกรรมสี่ช่องของวันแรกไว้อีกหน่อย มีคำอธิบายว่า ให้ใส่เรื่องราวที่คนภูมิใจใส่ลงในช่องที่สามก่อน แล้วใส่เรื่องที่จี๊ดใครใส่ลงในช่องที่สอง เวลาที่ให้ใส่ความเห็นที่ตรงข้ามกันกับทั้งสองช่องลงในช่องหนึ่งและสี่แล้ว ผู้คนจะเรียนรู้มุมบังตาความเป็นตัวตนจากช่องสี่ และเรียนรู้ข้อมูลคุณภาพของตัวตนจากช่องหนึ่งและสามค่ะ
« « Prev : วันที่สองของกิจกรรม
Next : วันที่สามของกิจกรรม » »
4 ความคิดเห็น
บันทึกหมอเจ๊นี่ เป็นแนวทางให้คนที่เริ่มทำงานกับตัวเองได้ศึกษา ดีมากๆ ขอบอก
จะพยายามถอดสิ่งที่รับรู้ของตัวเองออกมาแลกเปลี่ยนค่ะพี่ ก็เราสัญญากันไว้ว่าจะดูแลกันตั้งแต่ตอนนี้ไง
หลังจากที่สมองว่าง
ถึงบทนี้ เวลานี้
เริ่มมีคำถามให้ใคร่ครวญ
การถอดบทเรียน แล้วเล่าสู่กันฟัง
เป็นสิ่งที่ดี
ไม่อยากให้เกิดความ “อยาก” แต่อยากให้เกิดความ “อยาก”
น้าเริ่มกวนในใจอีกแล้ว
#3 กลยุทธที่ใช้คือ ปล่อยอารมณ์ไปกับเพลงให้มีสติ แล้ววางสักครู่ ก่อนเริ่มฟัง รับรู้ คิด ใคร่ครวญ หน่วง(แขวน) สรุป(รับรู้)
รู้จักบ้างมั๊ยจำแบบไม่จำ เคยผ่านมาแล้วนี่นา นึกถึงตอนย้อนรอยเด็กน้อยดูนะ