365×30วันแห่งรัก(๒)
อ่าน: 1807เรามาว่ากันต่อเรื่องชีวิตสมรสนะครับ
ถ้าคู่สมรสต่างคิดเป็นผู้ให้ ให้เกียรติ ให้ความรัก ให้ความอบอุ่น ให้คำปรึกษา ให้ทรัพย์สินเครื่องประดับตามสมควร ให้อภัย ให้การดูแลยามเจ็บป่วย ฯลฯ ชีวิตสมรสก็จะมีความสุข แต่ถ้าคิดจะเอา สามีของฉันใครจะมาเอาของฉันไม่ได้ ทรัพย์สินนี่ก็ของฉันต้องใส่ชื่อฉัน ฉันต้องได้ทุกสิ่งที่ฉันต้องการ ลองคิดดูแล้วกันว่าชีวิตสมรสคู่ไหนจะมีความสุขกว่ากัน
จะว่าไปแล้ว ก่อนแต่งงานเขาบอกว่าให้เปิดหูเปิดตาทั้งสองข้าง เพื่อพินิจพิจารณาให้ถ้วนถี่ว่าเขาคู่ควรกับเราจริงหรือไม่ และพอแต่งงานอยู่กินแล้วเราก็ต้องปิดหูปิดตาเสียอย่างละข้าง อย่าไปฟังข้างนอกมากนัก อย่าให้เห็นอะไรมากนักชีวิตสมรสจึงจะมีความสุข แต่ที่เห็นๆมักจะกลับกัน ก่อนแต่งงานมันดีทุกอย่างเลย อะไรก็ถูกไปหมด ดีไปหมด อย่างที่เขาว่าความรักทำให้คนตาบอด ไม่มองให้เห็นความจริง แต่พอแต่งงานแล้วซอกแซกจะรู้ไปเสียทุกเรื่อง และที่สำคัญไอ้เรื่องไม่ดีเพิ่งจะมารู้หลังแต่งนี่เอง แล้วชีวิตสมรสจะมีความสุขได้อย่างไร
ไปอ่านบทความของข่าวสดมาในคอลัมน์ ธรรมะใต้ธรรมาสน์ โดย ไต้ ตามทางซึ่งเป็นนามแฝงของ “อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก” ท่านบอกว่า “สามีภรรยาที่ครองรักครองเรือนกันยาวนาน และมีความสุขตามประสาผู้อยู่ในโลกียวิสัย นอกจากเรื่องความสมดุลทางกามารมณ์ที่ผู้รู้สมัยนี้ให้ความสำคัญมากนั้น ยังต้องมีคุณสมบัติภายในซึ่งนับว่าเป็น …ความดีภายใน… ประกอบด้วย สามีภรรยาที่ต่างก็มี …ความดีภายใน… เหมาะสมกลมกลืนกันเรียกว่า …คู่สร้างคู่สม… มีลักษณะดังต่อไปนี้ คือ
1. มีศรัทธาสมกัน คือ มีความเชื่อในลัทธิศาสนาอย่างเดียวกัน หรือถ้านับถือศาสนาต่างกัน ก็ต้องรู้จักให้เกียรติ และเคารพลัทธิความเชื่อของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ไม่ก้าวก่ายดูถูกเหยียดหยาม ความเชื่อถือของอีกฝ่ายหนึ่ง อีกความหมายหนึ่ง การมีศรัทธาสมกัน หมายถึง มีแนวคิด ความเชื่อในเรื่องทั่วๆ ไปลงรอยกันได้ มีค่านิยม มีเจตคติไปในทางเดียวกัน หรือปรับเข้าหากันได้ ไม่ดึงดันเอาแต่ความคิดความเชื่อของตนว่าถูกต้องฝ่ายเดียว
2. มีศีลสมกัน คือ มีความประพฤติ มีศีลธรรมจรรยาไม่ลักลั่นกัน ถึงขนาดคนหนึ่งเป็นคนไร้ศีลไร้ธรรม อีกคนก็มีศีลธรรม อีกความหมายหนึ่ง การมีศีลสมกัน หมายเอาเพียงการปรับความประพฤติให้เข้ากันได้ในเรื่องดี เช่น ฝ่ายหนึ่งชอบเข้าวัดฟังธรรม ทำบุญตักบาตรประจำ อีกฝ่ายก็ทำด้วยหรือไม่ทำก็ไม่ถึงกับขัดขวาง ส่วนในเรื่องไม่ดีเป็นเรื่องต่างฝ่ายต่างต้อง …ปรับปรุงตัวเอง… ให้ดีขึ้น เช่น สามีเคยเที่ยวดึกๆ ดื่นๆ ดื่มเหล้าเมายา ก็ปรับให้ลดลงบ้าง ไม่ใช่เห็นฝ่ายหนึ่งไม่ดีแล้วปรับตนให้เลวตาม อย่างเช่น สามีเล่นม้า ภรรยาก็เล่นตาม อย่างนี้เรียกว่าปรับความประพฤติให้ชั่วเหมือนกัน ถึงจะไปกันได้ดี แต่ก็จะพากันลงนรก ไม่ถือว่าเป็น …คู่สร้างคู่สม
3. มีน้ำใจสมกัน คือ มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ เสียสละเหมือนๆ กัน ถ้าฝ่ายหนึ่งงกเห็นแก่ได้ อีกฝ่ายใจกว้างเป็นมหาสมุทร เรียกว่าน้ำใจยังไม่สมกัน ควรปรับให้พอเหมาะพอสมกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งคิดเล็กคิดน้อย ไม่เคยให้อะไรใครเปล่าๆ ทุกอย่างจะต้องได้คืนหรือมีผลตอบแทนหมด แม้กระทั่งกับคนในครอบครัว อย่างนี้ก็ยากที่จะอยู่กันยืด
4. มีปัญญาสมกัน คือ มีความรู้ความเข้าใจไปกันได้ในเรื่องหลักๆ ไม่ใช่ต่างกันหรือสวนทางกันชนิดขาวกับดำ ความรู้ในที่นี้เน้นความมีเหตุมีผล ยอมรับฟังกันมากกว่า…ปริญญาบัตร…โดยนัยนี้ คนที่จบแค่มัธยมศึกษา ถ้ามีความรู้ มีเหตุมีผลเข้ากันได้ทางด้านความคิดกับคนระดับปริญญาเอก ก็สามารถเป็น …คู่สร้างคู่สม…กันทางความรู้ได้ สามีภรรยาที่ปรับศรัทธา-ความประพฤติ-น้ำใจ และปัญญาให้กลมกลืน ชีวิตคู่ก็จะราบรื่นชั่วกาลนาน
ทีนี้ก็มาดูกันว่า ถ้าจะเลือกภรรยานั้นหนุ่มๆทั้งหลายจะเลือกอย่างไรดี สมัยก่อนเราแซวกันว่าถ้าจะเลือกเมีย ให้เลือก “รูปสวย รวยทรัพย์ อับปัญญา พ่อตาตาย แม่ยายโง่” อย่าถือเป็นเรื่องจริงจังนะครับ เพราะเขาแซวกันเล่นๆในหมู่ผู้ชายว่าหากจะมีเมียสักคนโดยไม่ต้องลำบากในภายหน้าต้องเลือกแบบนี้ รูปสวย ใครๆก็อยากได้เมียสวย รวยทรัพย์ ใครๆก็อยากได้เมียรวย อับปัญญา เมียไม่ต้องฉลาด หลอกง่ายว่างั้นเหอะ..อิอิ พ่อตาตาย คงหมายถึง ถ้าพ่อตาตายไปแล้วหลอกเมียง่ายขึ้นเพราะคนที่จะตามลูกเขยทันก็มีแต่พ่อตาเท่านั้นสุดท้าย แม่ยายโง่ นอกจากหลอกเมียง่ายแล้วยังหลอกแม่ยายง่าย อย่างนี้ก็แฮบปี้มีความสุขเหลือเกิน ฮ่าๆ
ผู้หญิงเขาก็อาจจะมีวิธีเลือกผู้ชายนะ แต่ผมไม่รู้ ใครรู้ลองมาเล่าสู่กันฟังมั่งเนอะ…อิอิ (ตามอ่านกันต่อเน้อ..)
Next : 365×30วันแห่งรัก(๓) » »
6 ความคิดเห็น
สนุกค่ะ พี่ หนูคิดสเปค ตั้งแต่เรียนระดับปริญญาตรีแล้ว ดูเพื่อนๆไว้ หน้าตาดี (ถ้ามีลูกจะได้น่ารัก) ต้องไม่อบายมุข ต้องมารยาทดี แต่งกายดี (เค้าก็ได้มารยาทดีเด่นแต่งกายดีเด่นของวิทยาลัยครู )ไม่สูบบุหรี่ (เตี่ยชอบเล่นกับลูกด้วยพ่นบุหรี่ใส่ หนูกลัวเป็นมะเร็งปอด คิดกาลไกล เผื่อถึงลูกแน้) เป็นนักกีฬา มีรูปร่างดี มีจิตใจดี มีน้ำใจ จะได้เลี้ยงเราเลี้ยงลูกได้ แต่ที่ใหนได้คะ ปัจจุบันนะเสื้อไม่่รีดก็ใส่ได้ ใส่เสร็จแล้วก็ถอดเกลื่อนเต็มห้อง แต่นี่สิ ลงพุงพลุ้ยใหญ่โต เมียไล่ไปวิ่งทุกเช้า 555+ สมน้ำหน้ามันอยากเลือกมาก
ฮ่าๆ โบราณว่า “เลือกนักมักได้แร่”
ยังงี้ต้องให้เดินเอาอาหารไปส่งทุกวันเสียให้เข็ด ฮ่าๆ
แหม บันทึกนี้ของพี่ฑูรทำเอาสาวๆหายหมดเลย อิอิอิ
เดินเข้ามาบอกเสป็คเพื่อตอบคำถามเพราะงี้(ไง) ถึงอยู่นานนนนนนนนน กั่กๆๆๆ
เบิร์ดจะมองผู้ชายที่ความรับผิดชอบ มั่นคง หนักแน่น วางใจได้ เพราะผู้หญิงไม่ว่ายังไงก็ยังต้องการมือที่มั่นคงกว่าในการวางมือลงในมือเค้าอย่างวางใจ และที่สำคัญคือเป็นคนน่ารักค่ะ ขอยกความหมายของคนน่ารักของอ.วิทยา นาควัชระมาอธิบายแล้วกันนะคะ คือคนที่รักมนุษย์เป็น (มีคนหลายคนที่รักสัตว์ รักต้นไม้ รักรถ ฯลฯ แต่ขาดความรักมนุษย์อย่างลึกซึ้งจึงไม่รู้จักการให้อย่างเต็มใจ รวมทั้งผูกพันและเข้าใจคนไม่ได้) , มีความสมดุลในชีวิต เพื่อเป็นหลักให้กับตัวเอง คนอยู่ด้วย และสังคมได้ , มีบุคลิกของความสุขคือคิดบวกเป็น คนที่เอาใจยากอันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่ชอบ แต่จะเอาอะไรไม่รู้ แถมยังบ่นทุกเรื่องนั้นอยู่ด้วยแล้วเหนื่อย แหะแหะ และ”มีคุณธรรม”ค่ะ เพราะมันบ่งถึงความมีคุณภาพของมนุษย์น่ะค่ะ
แมะล่า เพราะอย่างนี้ ถึงเป็นแบบนี้ไง 5555555555
เดี๋ยวนี้ผู้ชายหายากนะน้องเบิร์ด
ผู้ชายรูปหล่อ มักมีแฟนแล้ว
ผู้ชายรวยมักมีภรรยาแล้ว
ผู้ชายมีความรู้มักมีคนจองแล้ว
ผู้ชายสะอาดสะอ้านมักเป็นเกย์
ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่างถูกคนอื่นคว้าไปเรียบร้อยแล้ว
ผู้ชายมีคุณธรรมมักอยู่ที่วัด ฮ่าๆๆ
ตัดสินใจถูกแล้วล่ะ…อิอิอิ
อ้อ…สาวๆหายไปแต่เรตติ้งคนอ่านสูงขึ้นนะ อิอิ
อ่านความเห็นของน้องนิดและน้องเบิร์ดแล้ว หนุกๆ
เลยอยากเล่านิทานให้ฟังสักเรื่อง..เรื่องสเปคผู้ชายในสายตาผู้หญิง….เรื่องเก่าเล่าซ้ำ…อย่างไงก็หัวเราะมารยาทสัก กิ๊กก็ได้…อิอิ
ก็ว่าที่พ่อตาล่ะค่ะ มีลูกสาวสวยระดับน้องๆ นางงาม…ส่งเรียนจนจะจบปริญญาตรีล่ะ ก็เห็นลูกไปไหนมาไหนคนเดียวไม่มีแฟนว่าอวดซักที ถามลูกว่า
“ลูกมีแฟนหรือยัง”
ลุกสาวสุดสวยวัยยี่สิบเอ๊าะๆ ตอบว่า “ยังค่ะพ่อ ตอนนี้สนุกกับงานอยู่ แฟนหนูจะต้องหล่อ รวย มีรถขับ มีบ้านอยู่ ไม่เป็นหนี้ค่ะพ่อ”
สิบปีผ่านไป พ่อถามใหม่ “ผู้ชายในสเปคลูกน่ะ ยังไม่เจอหรือลูก”
ลูกสาวตอบแบบสาวมั่น “ตอนนี้ลูกโตแล้วและเปลี่ยนความคิดล่ะค่ะพ่อ …แฟนหนูจะต้องเป็นคนที่พูดกันรู้เรื่องทุกเรื่อง ชอบกีฬากลางแจ้งเหมือนกัน รักธรรมชาติ ไม่ดูถูกคนจน ไม่รังเกียจคนรวยค่ะพ่อ”
ผ่านไปอีกสิบปี ลูกสาวอายุ สี่สิบนิดหน่อย จบปริญญาโทมาสองใบ และกำลังหาทางเรียนต่อปริญญาเอก
พ่อถามใหม่ “ลูกเอ๋ย ตอนนี้ลูกก็ได้ครบปริญญา เงิน ชื่อเสียง ลูกยังไม่เจอผู้ชายในสเปคอีกหรือ”
ลูกสาว สวนกลับพ่อทันที ติดเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย “…พ่อ….ยังมีผู้ชายอายุเท่ากับลูกที่เป็นผู้ชายจริงๆ อยู่หรือคะพ่อ”
(บอกแล้วนะคะว่า อ่านแล้วช่วยหัวเราะมารยาทสักหน่อยก็ยังดี…ฮ่าๆ)
ฮ่าๆ ลูกสาวคนนั้นยังไม่จบปริญญาเอกเน๊าะ..