365×30 วันแห่งรัก
ปกติผมดูละครช่องสาม แต่ช่วงระหว่างนี้ผมไม่ค่อยได้ดูเพราะรำคาญนางเอกขี้หึงไร้เหตุผล ผมไม่ชอบดูเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ผมเกรงว่าหากเด็กที่ดูละครโดยที่ผู้ปกครองไม่ได้ห้ามแล้วเข้าใจเอาว่านางเอกจะต้องขี้หึง เอาแต่ใจตัวเอง พระเอกจะต้องง้อนางเอก แถมเด็กเพิ่งจบหลงรักพระเอกทำทุกวิถีทางให้ครอบครัวแตกแยก กับอีกคนหนึ่งที่หลงตัวเองว่าพระเอกรัก แม้เขาเพิ่งแต่งงานแต่ตัวเองครอบครัวล้มเหลวก็คิดแย่งเอาเฉยๆ ผมว่าละครเรื่องนี้ถ้าผู้ปกครองไม่ให้ความสนใจและให้เด็กดูโดยไม่มีคำแนะนำ (ซึ่งเท่าที่เห็นไม่ค่อยมีผู้ปกครองคุยกับลูกแนะนำเรื่องราวความถูกต้องในขณะดูละคร) ชีวิตครอบครัวในสังคมไทยจะน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก
แต่ละครเรื่องนี้ ก็พยายามบอกต้นสายปลายเหตุแห่งความขี้หึงของนางเอกและความวุ่นวายของครอบครัวพี่สาวนางเอก มาจากครอบครัวแตกแยกที่พ่อนางเอกไปมีภรรยาน้อย แม่นางเอกไม่ยอมจึงต้องเลิกกัน แม่นางเอกเลี้ยงลูกสองคนมาจึงเป่าหูลูกสาวทั้งสองว่าผู้ชายเลวไปหมด และไม่อยากให้ลูกแต่งงานแต่ก็ขัดลูกไม่ได้ แต่พอลูกแต่งงานก็พูดใส่หูลูกทุกวันว่าสามีของลูกไม่ดีเหมือนผู้ชายทั้งโลกที่ไม่ดี ผมว่าการสื่อแบบนี้ไม่ส่งผลดีกับครอบครัวของลูกเลย แม้การแสดงของผู้แสดงจะแสดงได้สมบทบาท ผมก็ไม่ชอบดูอยู่ดีกับละครที่สื่อให้เห็นความรุนแรงในครอบครัว ในขณะที่เรากำลังรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงกันอยู่ ทั้งยังมีกฎหมายต่อต้านความรุนแรงในครอบครัวที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังแล้ว
แม้เรื่องนี้มีดีตรงที่พ่อพระเอกเป็นคนใจเย็น มองภาพของความจริง ให้เหตุผลกับพระเอกให้เข้าใจนางเอกก็ตาม แต่ในชีวิตความเป็นจริง การกระทำของนางเอกจะมีผู้ชายสักกี่คนรับได้ในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ ตัวอย่างในเรื่องพระเอกไม่ได้สนใจหญิงอื่นเลย ทำงาน คิดแต่เรื่องงานในหน้าที่ แม้จะต้องเกี่ยวพันกับหญิงอื่นแต่ไม่ได้เกิดจากความรักเลยแม้แต่น้อย แต่นางเอกเข้าใจผิดเพราะฝังใจว่าผู้ชายเจ้าชู้เหมือนกันหมดตามที่แม่บอก แสดงอาการหึงหวงโดยไม่ดูกาลเทศะ ถ้าพระเอกเป็นคนธรรมดาเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่มีตำแหน่งงานก็คงไม่กระไรนัก แต่อย่างพระเอกเป็นทนายกำลังรุ่งหากทำคดีใดเมียตามอาละวาดลูกความผู้หญิงหรือพยานที่เป็นผู้หญิง สำนักงานทนายความไหนคงไม่อยากรับพระเอกเป็นทนายประจำสำนักงาน แม้พระเอกจะเปิดสำนักงานทนายความเองจะมีใครกล้ามาจ้างให้ว่าความเมื่อหัวหน้าสำนักงานทนายความยังจัดการกับครอบครัวตัวเองไม่ได้
ถ้าพระเอกเป็นข้าราชการ ผมว่ายิ่งแล้วใหญ่(ไปอ่านเรื่องย่อบอกว่าพระเอกเป็นอัยการ ก็เซ็งเป็ดแล้ว อัยการที่ไหนจะมารับคดีฟ้องหย่าให้รชาเพื่อนเก่า(แฟนเก่า)พระเอก อัยการที่ไหนมีออฟฟิสเป็นสำนักงานทนายความ เฮ้อ…ไม่ศึกษากันเลย) เพราะนางเอกไม่สนใจกาลเทศะอย่างที่ว่า หน้าอินทร์หน้าพรหมไหนก็ไม่กลัวถ้าเห็นผู้หญิงมาอี๋อ๋อสามีตัวเอง คนที่เดือดร้อนก็คือสามีของตัวซึ่งเป็นข้าราชการ เพราะถ้าภรรยาก้าวล้ำมาถึงที่ทำงาน ก็ต้องมีปัญหามาถึงผู้บังคับบัญชาของพระเอก เป็นลูกโซ่ และภรรยาแบบนี้ถ้าจับคู่ให้ถูกต้องคงต้องจับคู่ให้กับสามีขี้กลัวภรรยา ยอมภรรยาทุกอย่าง (พวกกลัวเมียนั่นแหละ อิอิ)
เขียนเรื่องนี้เพราะอยากให้ผู้อ่านได้เข้าใจชีวิตครอบครัวว่า การหึงหวงอย่างไร้เหตุผลนั้น ในละครคุณอาจจะเป็นนางเอกที่แสดงว่าคุณรักพระเอกเหลือเกิน แต่ในชีวิตจริงคุณเป็นนางร้ายต่างหากแถมผู้ชายไม่น้อยที่มีภรรยาขึ้หึงกลับมีเมียน้อยเพราะรู้สึกตื่นเต้นที่แอบภรรยาไปหากินนอกบ้านได้ และยิ่งตัวนางเอกได้ดื่มสักหน่อยพอได้ที่ก็ครองสติไม่ได้เที่ยวขึ้นเวทีร้องเพลงมั่วไปหมด ในชีวิตจริงคงไม่ได้เหลือมาถึงพระเอกหรอก ไม่รู้จะโดนลากไปข่มขืนที่ไหนเพราะขาดสติ แรงไปหรือเปล่าเนี่ย…อิอิ
นึกถึงกลอนบทหนึ่ง ไม่รู้ใครเขียนเป็นกลอนที่เขียนโดยภรรยาขี้หึง เธอว่า
คนเดียวที่กูกลัวก็คือผัวของกูเอง คนเดียวที่กูเกรงผัวกูเองไม่ใช่ใคร
วันไหนที่กูรู้ว่าผัวกูมีเมียใหม่ วันนั้นจงจำไว้ถ้าไม่ตายไม่ใช่กู…ฮา
ชีวิตสมรสมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอก มันต้องมีปัญหากันบ้าง อยู่ที่คู่สมรสจะจัดการปัญหากันอย่างไร ผมเพิ่งไปอวยพรให้ลูกสาวเพื่อนแต่งงานก็บอกกับเจ้าสาวว่าอย่าหึงหวงสามีจนขาดสติแบบในละคร ปัญหาครอบครัวจะไม่เกิดหากคู่สมรสเป็นผู้ให้ซึ่งกันและกัน การให้เกียรติกันเป็นเรื่องสำคัญของชีวิตสมรส ในละครเรื่องนี้นางเอกมิได้ให้เกียรติสามีเพราะถ้าให้เกียรติสามีต้องเคารพสถานที่ทำงานของสามี ต้องเคารพในตัวสามี ต้องเชื่อใจในตัวสามี และต้องพิจารณาความจริงให้ถูกต้องชัดเจนก่อน ไม่ใช่เห็นสามีคุยอยู่กับผู้หญิงก็เข้าใจเอาว่าผู้หญิงมาอ่อยสามีและสามีเราต้องชอบผู้หญิงคนนั้นแล้วอาละวาดทันที เราต้องดูให้เข้าใจ อย่าทำให้สามีรู้สึกว่าคุณกำลังไม่ให้เกียรติเขา ครั้งสองครั้งคงไม่เป็นไรแต่ถ้าหลายครั้งต่อให้รักอย่างไรความรู้สึกที่จะเริ่มเกิดขึ้นคือรำคาญ…ลองคิดดูหากสามีไปเจอผู้หญิงที่เจอหน้ากันมีแต่ยิ้มแย้มแจ่มใส เอาอกเอาใจสารพัด พูดแต่คำหวานๆ เขาจะชอบแบบไหน…
ฝ่ายสามีก็ต้องให้เกียรติภรรยาไม่ไปเกาะแกะหญิงอื่น เราเลือกที่จะแต่งงานอยู่กินกับเขาก็ต้องมีความรับผิดชอบ เมื่อเราทุกข์ก็ต้องทุกข์ด้วยกัน เมื่อเราสุขเราก็ต้องสุขด้วยกัน ไม่ใช่ไปหาความสุขแต่ลำพังภรรยาจะเป็นอย่างไรบ้างช่างมัน ทำอย่างนั้นไม่ได้… เพราะชีวิตสมรสเป็นเรื่องของคู่สามีภริยาที่จะต้องเอื้อให้กันและกัน ประคับประคองชีวิตคู่ให้ยืนยาวไปตลอดรอดฝั่ง (ยังมีต่อ)
« « Prev : เรื่องมันๆของลูกทัวร์
Next : 365×30วันแห่งรัก(๒) » »
8 ความคิดเห็น
อิอิ…ชอบตรงสุดท้าย (ยังมีต่อ)..จะได้อ่านอีก…อิอิ
เรื่องนี้ไม่เคยดูเลยค่ะ ไม่รู้ว่ามีละครที่นางเองขี้หึงด้วย….จริงๆแล้วหลายเรื่องก็ไม่ค่อยได้ดู
สังคมจริงๆ บางชีวิตยิ่งกว่าละครน้ำเน่าอีกนะคะ …ช่วงนี้เจอ case ที่ซับซ้อนมากๆ เยอะขึ้น….ชีวิตจริงๆของคนเหล่านั้นไม่ค่อยแตกต่างจากละครที่เปลี่ยนคู่ แย่งคู่ เอาชนะกันด้วยการมีคู่ครองนั้นเลยค่ะ จนเห็นว่าความรุนแรงที่เราห่วงๆ กันนั้น อาจจเปลี่ยนจากแบบกรี๊ดกร๊าดเหมือนละครแล้ว…แต่เป็นความรุนแรงแฝงที่แสดงออกในรูปแบบของการเปลี่ยนคู่นอนเพื่อแสวงหาความมั่นใจอย่างผิดๆ ทั้งในกลุ่มผู้หญิงและผู้ชาย เป็นการเอาชนะคะคานกันด้วยความซับซ้อนของอารมณ์คนที่ถูกเลี้ยงดูอย่าง “ขาด” ความอบอุ่น จนคนกลุ่มนี้พอกเปลือกนอกแบบแข็งกร้าว แต่ภายในโหยหาคนที่เติมเต็มอย่างไม่ถูกวิธี แล้วใช้กามารมณ์เป็นตัวเสนอชดเชยทนแทน ..
คนไทยมีความซับซ้อนทางอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ..มั้งนะคะ
ไม่หึงไม่หวง แล้วจะเป็นยังไงต่อ อิอิ
ทีวีเขาสอนวิธีหวงหึงให้แก่คนไทย
อุ๊ยครับ
ผมเป็นห่วงกับสภาพสังคมปัจจุบันที่ปล่อยปละละเลยในการให้ลูกดูทีวีโดยไม่มีการชี้แนะสิ่งถูกผิด
เด็กคิดวิเคราะห์เองไม่เป็น เราก็โทษการศึกษา โทษสังคม โทษโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย แต่ไม่เคยโทษตัวเองกันเอง โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครอง
การแสวงหาความรักแบบผิดๆมีอยู่้มากมายในสังคมนี้ เราหลงไปคว้าสิ่งไม่ดีของคนอื่นมาเป็นของดีของเรา
เราไปคว้าความเป็นอิสระทางความคิดจากตะวันตก โดยหลงลืมวิธีคิดวิเคราะห์แบบตะวันออกที่มีกรอบระเบียบศีลธรรมคอยกำหนด
เราถูกสอนให้มีสติปัญญา ให้ใช้สติกำกับปัญญา แต่เราก็เน้นแต่ปัญญากันอย่างเดียว
บ่นๆไปเรื่อย เริ่มเป็น ส.ว.ก็แบบนี้แหละ ..อิอิ
พ่อครูครับ
ผมยังนึกถึงคำสอนคู่บ่าวสาวที่เคยสอนเขาว่า เจ้าสาวต้อง อย่ามี ห.4 ห.
อย่าหึง อย่าห่วง อย่าห่าง อย่าเหี่ยว
เจ้าบ่าวควรมี 4 ค.
ควรนิ่ง ควรนอน ควรหนี ควรนันทนาการ
สงสัยเรื่องนี้ต้องขยาย ฮ่าๆ
สวัสดีค่ะพี่ หนูรอดไปลูกไม่ดูละคร ดูการ์ตูน กับฟังเพลง แล้วอยู่กับลูกตลอด
ละครเรื่องนี้ดูแล้วเวียนหัวค่ะ เพราะความรุนแรงมากไป
พี่อัยการคะ ไอ้อย่าห่วงคงไม่ได้นะคะ เดี๋ยวจะต้องเหนื่อยเลี้ยงลูกคนเดียว เหี่ยวนี่กลัวค่ะ คือกลัวไม่สวยนะคะ อิอิ
สามีหนูก็เข้าทาง 4 ค มั้ยคะ นานทีเมียเฉ่งสักครั้ง พ่อเล่นนิ่ง หนีเข้าห้อง นอนเงียบ ขำค่ะ
ผมนั้นไม่เอาเลย ไปไกลๆเลย คุณตุ๊เธอเข้าใจจะบอกว่าจะดูละคอนน้ำเน่าแล้วนะ ไปทำอะไรก็ไป ห้า ห้า ห้า
เคยถกกันว่ารู้ว่าน้ำเน่าแล้วไปดูทำไม เธอตอบว่าในชีวิตนี้จริงจังกับชีวิตมาตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องงาน ตึงเปี๊ยะมาตลอด ขอสักเรื่องเถอะ ขอดูละคอนน้ำเน่า หน่อย ปล่อยให้มันไร้สาระบ้าง ดูแบบไม่คิดอะไร ที่เน่าจนเละตุ้มเป๊ะ เธอก็ปิดหนีเหมือนกัน
หากผมอยู่คนเดียวก็ดูกีฬา ดูหนังฝรั่งไป หรือไม่ก็ฟังเพลงไปเลย ไม่ดูเลยละคอน อ่านหนังสือดีกว่า อิอิ
สวัสดีพี่นิด
ถ้าลูกดูละครก็ต้องคอยอธิบายก็ได้ ไม่อธิบายตรงๆก็มำบ่นให้ลูกได้ยินว่า ในละครเขาทำไม่ถูก ไม่ดีอย่างไร ที่ถูกควรเป็นอย่างไร อาจชวนเขาแสดงความคิดเห็น จะได้มีเรื่องคุยกันแนะนำกันครับ
สำหรับเรื่อง ๔ ค. อาจารย์ผมสอนว่า ถ้าเมียขึ้นเสียงดังให้นิ่งเสีย ฮ่าๆ…นิ่งแล้วไม่ยอมหยุดก็หนีไปนอนซะ…แฮ่ๆ…เข้าไปนอนแล้วยังตามมาอาละวาดอีก ก็ควรหนีออกจากบ้านซะ…อิอิ พอกลับมายังไม่ยอมเลิกก็ควรจะนันทนาการเมียซะ…เหอๆ…แล้วทุกอย่างจะกลับมาดีเหมือนเดิม กร๊าก….
พี่บู้ธครับ
เรื่องนี้คุณแอ๊ดเขาดู ผมหลับประจำ เมื่อคืนเขาก็ดูอีกผมก็หลับก่อนอีก ฮ่าๆ
แต่จริงอย่างพี่ผู้หญิงเขาว่า ในชีวิตจริงเราจริงจังกับงาน ชีวิตครอบครัว ถึงเวลาพักผ่อนเราก็ปล่อยให้มันไร้สาระบ้าง ชีวิตจะได้ไม่เครียดจนเกินไป ช่วงที่ประท้วงกันหนักผมไท่ดูข่าวเลย ดูรายการคันปาก ไร้สาระดี อิอิ