ไปเยี่ยมสาวมัลดีฟส์๑

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 25 สิงหาคม 2009 เวลา 22:47 ในหมวดหมู่ ครอบครัว, เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 2542

บันทึกนี้เขียนไว้นานแล้วครับ ตั้งแต่ลูกสาวผม “หนูนิว” ถูกส่งไปทำงานที่หมู่เกาะมัลดีฟส์ เขียนเองอ่านเอง อิอิ ยังไม่ได้นำขึ้นบันทึกให้ใครอ่าน ช่วงนี้งานในหน้าที่เยอะมากกับงานเตรียมพร้อมสำหรับงานมงคลในเดือนธันวาคมนี้ก็กำลังเดินหน้า ต้องคิดต่อประสานงานหลายแห่งเลยไม่มีเวลาเขียนบันทึก เอาของเก่ามาหากินดีกว่านะ มันเป็นบันทึกเหมือนสารคดีท่องเที่ยวแต่เป็นสไตล์อัยการชาวเกาะ ลองอ่านเล่นๆเป็นการพักผ่อนสมองนะครับ….

เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๔๘ หนูนิวลูกสาวผมถูกส่งไปทำงานที่หมู่เกาะมัลดีฟส์ พรรคพวกก็ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงว่า ไม่กลัวเหรอเขาว่าที่มัลดีฟส์เจอสึนามิจมไปเป็นเกาะๆเลยนะ ผมบอกว่าไม่กลัวหรอกคนเราเมื่อถึงคราวตายก็ต้องตาย และที่มัลดีฟส์กับสึนามิดูจะปลอดภัยกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะทั้งประเทศมีคนตาย ๕๐ กว่าคนเท่านั้น ภูมิประเทศเขาเป็นเกาะเล็กๆเรียงเป็นวง แต่ละเกาะก็จะมีหาดทราย มี Reef แหล่งปะการังเหมือนกับเป็นกำแพงใต้น้ำ แล้วก็เป็นน้ำลึกไปเลย บางเกาะจากหาดทรายก็ลงน้ำตื้น มีช่องว่างของปะการัง พอว่ายเข้าไปก็เจอเหวในทะเลเลย สนใจอยากฟังผมเล่าใช่ไหมล่า….แฮ่ะๆ

ผมไม่ได้ร่ำรวยอะไรที่จะเอาเงินไปผลาญเที่ยวเล่นในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีหรอกครับ แต่หนูนิวลูกสาวผมไปทำงานหลายเดือนแล้วเริ่มเป็นโรคคิดถึงบ้าน โทร.มาอ้อนให้ไปเยี่ยม ตอนแรกก็กำหนดนัดว่าวันที่ ๑๗ กันยายน ที่ผ่านมา แต่อัยการสูงสุดจีนกับคณะจะไปภูเก็ตวันที่ ๑๖ กันยายน จึงต้องเลื่อนการเดินทาง คราวนี้มีปัญหาเรื่องที่พักเพราะลูกสาวทำงานมา ๑ ปี ได้โบนัสเป็นค่าห้องพักในเครือโรงแรมของเขา ๒,๐๐๐ เหรียญ เขาก็ใช้โบนัสเขาได้เป็นค่าห้องพักให้เราได้ ๓ คืน แต่ห้องพักมีว่างเพียง ๓๐ กันยายน ถึง ๓ ตุลาคม เท่านั้น ตัดสินใจว่าไปพร้อมกับภรรยาและเจ้าเนติ์ลูกชายซึ่งเพิ่งรับปริญญาหมาดๆอยากไปสวมครุยถ่ายรูปกับน้อง หลังจากที่เอาครุยมาถ่ายรูปกับคนทั้งตระกูลแล้ว ฮิๆๆ หมดค่าตั๋วเครื่องบินไป ๗๖,๐๐๐ บาท

ก่อนไปต้องขออนุญาตอัยการสูงสุดก่อน ด้วยความเชยทำหนังสือขออนุญาตไปประเทศมัลดีฟส์ แต่ท่านอัยการสูงสุดอนุญาตให้ไปประเทศ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ เขินง่ะ แถมยังมีปัญหาต่อไปอีกว่า ตูจะขอวีซ่าที่ไหน ให้เพื่อนติดต่อสถานทูตศรีลังกาเพราะที่นั่นน่าจะขึ้นกับศรีลังกา พอไปถามศรีลังกาบอกว่าไม่เกี่ยว ให้เพื่อนอีกคนซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทขายตั๋วเครื่องบินตรวจสอบให้ปรากฏว่า เป็น Arrival Visa ไปทำตอนเข้าเมืองเลยทีเดียว โทร.ไปถามหนูนิวก็งงเพราะก่อนเดินทางทางบริษัทเขาจัดการให้เสร็จเรียบร้อย แต่เมื่อให้เขาถามไถ่ที่โน่นก็ได้ความว่าไม่ต้องใช้วีซ่า ตอนไปเช็คอินที่สนามบินภูเก็ต เจ้าหน้าที่เขาก็ถามว่าไปทำวีซ่าตอนเข้าเมืองเหรอ เพราะเขาพลิกดูพาสปอร์ตไม่มีวีซ่าเข้ามัลดีฟส์ คราวนี้ชักเอะใจเลยถามเขาว่าแล้วปกติทำวีซ่าที่ไหน คราวนี้ได้เรื่องเลยเพราะเธอกุลีกุจอช่วย โทร.หาคนโน้นคนนี้เสียเวลาไปอีก ๑๕ นาที แล้วคำตอบก็ไม่มีใครรู้ แถมยังบอกอีกว่าพี่รู้แล้วช่วยบอกหนูหน่อยนะคะเพราะมีผู้โดยสารหลายคนที่ถาม เออ! แล้วพี่จะบอกแต่พี่จำเธอไม่ได้อ่ะ ไม่กล้ามองนานๆเมียไปยืนเกาะเคาน์เตอร์อยู่ด้วย เจี๊ยก!

๓๐ กันยายน ๒๕๔๘
และแล้วเราก็ได้บินไปจนได้เนื่องจากตั๋วไปกัวลาลัมเปอร์ไม่มีจึงต้องนั่งสิงคโปร์แอร์ไลน์ แต่ว่าก็ว่าเหอะเขาบริการดีมาก ผมว่าดีกว่าการบินไทยนะ ขนาดบินไม่ไกลกว่ากรุงเทพฯ เขายังเสิร์ฟอาหารเลย แล้วแถมจะเอาอะไรได้ทั้งนั้น ออกจากภูเก็ตประมาณบ่าย ๓ โมง ไปถึงสิงคโปร์ก็ประมาณ ๕ โมงเศษของสิงคโปร์ เวลาสิงคโปร์เร็วกว่าประเทศไทย ๑ ชั่วโมง จากนั้นเราก็เดินดูของในสนามบิน ได้แต่เดินดูไม่ได้ซื้อสักชิ้น เดินไปเดินมาจนได้เวลาขึ้นเครื่อง บนเครื่องบริการดีมาก จะดื่มอะไรได้ทั้งนั้น ไหนๆก็มาสิงคโปร์แอร์ไลน์แล้ว ถามว่าจะดื่มสิงคโปร์สลิงได้ไหม แอร์โฮสเตสมองหน้าทีนึง คงนึกในใจว่าไอ้แก่หัวล้านนี่เรื่องมาก คนอื่นเขาดื่มไวน์ แชมเปญ เบียร์ น้ำผลไม้ ไอ้นี่จะเอาสิงคโปร์สลิงอีก เพราะเขาต้องเสียเวลาไปผสม ไอ้เราเสียตังค์แล้วเขามีอะไรให้บริการก็ต้องได้ตามที่ต้องการสิ แต่ในที่สุดเขาก็เอามาเสิร์ฟจนได้ ก็อร่อยดี อาหารที่ให้ทานบนเครื่องก็ใช้ได้ ผมขอ Satay chicken with yellow rice……ผมว่าต้องนึกเหมือนผม คุณกำลังนึกถึงข้าวหมกไก่ใช่ไหมล่า…ฮา…ไม่ถูกต้องนะคร๊าบ….มันเป็นข้าวผัดเนย แล้วมีแกงไก่ รสชาติของคล้ายกะทิจืดๆ ถ้าถามว่าอร่อยไหม ก็ดีกว่าเอาไม้ดีดปากเล่นแหละครับ ฮิฮิ….

เดินทางไปมัลดีฟส์

ภาพที่เห็นเป็นภาพระหว่างการเดินทางนั่งรอเครื่องต่อที่สิงคโปร์ ส่วนที่นอนนั้นถึงที่พักแล้วครับสวยแมะ…

ผมถึงมัลดีฟส์แล้ว เมื่อเวลาที่สิงคโปร์ ๐๐.๔๕ น.ของวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๘ แต่พอดูเวลาที่สนามบินมัลดีฟส์กลับเป็นเวลา ๒๑.๔๕ น. ส่วนเวลาที่ภูเก็ตเป็นเวลา ๒๓.๔๕ น. พอไปถึงก็ไม่ต้องทำวีซ่า เขาตรวจเช็คแป๊บเดียวก็เสร็จ ประทับตราให้เข้าเมืองได้ สิ่งที่เขาห้ามคือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผมเอาน้ำผึ้งไปฝากลูกสาวจึงถูกตรวจ เพราะเขาเห็นเป็นขวดจากจอคอมพิวเตอร์ แต่พอเปิดกระเป๋าดูรู้ว่าเป็นน้ำผึ้งก็ให้ผ่านได้ ลูกสาวมารอรับที่สนามบินกับพนักงานของโรงแรม แล้วพากันนั่งเรือไปที่เกาะที่พัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมบันยันทรี มัลดีฟส์ วับบินฟารู แต่ที่ยิ่งทำให้งงลูกสาวบอกว่าที่มัลดีฟส์เวลาห่างจากสิงคโปร์ ๓ ชั่วโมง แต่ที่เกาะซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมบันยันทรีนี่เขาเซทเวลาให้เร็วขึ้นจากมาเล่ซึ่งเป็นเมืองหลวงอีก ๑ ชั่วโมง จึงมีเวลาห่างจากสิงคโปร์ ๒ ชั่วโมงและห่างจากเมืองไทยเพียง ๑ ชั่วโมง มันจึงเท่ากับว่า ผมเดินทางออกจากเมืองไทยวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๘ ไปสิงคโปร์ แล้วออกเดินทางจากสิงคโปร์ไปมัลดีฟส์ถึงมัลดีฟส์วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๘ ตามเวลาสิงคโปร์ แล้วต้องหมุนนาฬิกากลับทันทีมาเป็นวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๘ อีกที มันก็เลยสับสนแต่ก็ได้พูดได้คุยกับลูกสาวและเพื่อนร่วมงานของลูกสาว และหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่คงประมาณตี ๒ ตี ๓ ได้กระมัง (ยังมีต่ออีกหลายตอน อิอิ)

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : ผมรักแม่๔

Next : ไปเยี่ยมสาวมัลดีฟส์๒ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.70961499214172 sec
Sidebar: 0.93306708335876 sec