เมื่อผมไปเป็นกรรมการยกร่างรายงานแก้ไขสถานการณ์ภาคใต้

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 12 มิถุนายน 2009 เวลา 15:44 ในหมวดหมู่ พระปกเกล้า, เรื่องทั่วไป, เสริมสร้างสังคมสันติสุข #
อ่าน: 1732

ผมจับพลัดจับผลูถูกแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการและอนุกรรมการยกร่างรายงานปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ ของนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง “การเสริมสร้างสังคมสันติสุข” รุ่นที่ ๑ เราประชุมทำงานกันหลายครั้ง ลงพื้นที่ก็หลายหน รับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มคนอย่างหลากหลาย เมื่อวานนี้ได้รับอนุญาตจากท่านอดีตนายกชวน หลีกภัยที่พรรคประชาธิปัตย์ ให้เข้าพบและรับฟังข้อคิดเห็นของท่าน ท่านให้เวลาตั้งแต่ ๓ โมง ถึง ๔ โมงครึ่ง แต่เอาเข้าจริงกว่าเราจะออกจากห้องก็เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็น

พบนายกชวน

สิ่งที่เราได้รับฟังจากท่านก็คือ การที่เราจะวางแผนแก้ปัญหาใดเราต้องรู้เรื่องของปัญหานั้นๆอย่างแท้จริง มิฉะนั้นการแก้ปัญหาจะผิดเพี้ยน และเรื่องของความมั่นคงเราจะแก้แบบทดลองไม่ได้เพราะเมื่อเสียหายไปแล้วจะแก้ทีหลังไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกับที่เราเห็นในปัจจุบัน

ท่านเล่าให้เราฟังเรื่องประวัติศาสตร์ของปัตตานีอย่างน่าสนใจมากๆ อดที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังไม่ได้ เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่ยืดเยื้อของเหตุการณ์ชายแดนใต้

ปัตตานีในอดีตเคยยิ่งใหญ่ เป็นเหมือนประเทศหนึ่งที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวัฒนธรรม ดูปืนใหญ่ที่ผู้ยิ่งใหญ่เอาไปไว้ที่หน้ากระทรวงกลาโหมสิครับ ในยุคสมัยนั้นอยุธยาก็สร้างให้ใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้ การที่ปัตตานีสร้างนางพญาตานีได้ขนาดนี้แสดงว่าเขามีดี การที่สยามไปรุกรานเขาในอดีต มีหรือที่คนใต้ไม่สู้ และเขาก็คอยดูว่าเมื่อไหร่ที่ซีแย(สยาม)อ่อนแอ เขาก็แข็งเมือง เมื่อไหร่ที่ซีแยเข้มแข็งเขาก็โอนอ่อนผ่อนตาม เขาผิดหรือ เขาไม่ผิดหรอกครับที่วันดีคืนดีที่เขาจะลุกมาทวงคืนพื้นที่เขา

ความจริงแล้วการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้นั้น ในสมัยรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านได้มีรัฐประศาสโนบายเอาไว้และเมื่อเรามาตรวจดูจะเห็นว่าพระองค์ท่านมองการณ์ไกล ผมขอลอกที่ท่านนายกชวนได้นำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่….มาเล่าสู่กันฟังดังนี้ครับ

“พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงมีสายพระเนตรที่ไกลมาก ทรงตระหนักและเข้าใจประวัติศาสตร์ของพื้นที่ จึงได้กำหนดรัฐประศาสโนบายสำหรับการปกครองพื้นที่นี้โดยเฉพาะครับ เมื่อปี ๒๔๖๖ บัดนี้เกือบร้อยปีแล้ว ถ้าเราไปอ่านรัฐประศาสโนบายทั้ง ๔ ข้อ เราจะต้องยอมรับว่า สิ่งที่พระองค์กำหนดไว้นั้นทันสมัยเหลือเกิน วันนี้ก็ยังทันสมัยอยู่ครับ ยังสอดคล้องกับคำเตือนว่า การปกครองรัฐนั้นควรจะทำอย่างไร หลักรัฐประศาสโนบายสำหรับมณฑลปัตตานีในขณะนั้น กระผมยกตัวอย่าง เช่น
๑.ระเบียบการหรือวิธีปฏิบัติการใดเป็นทางการให้พลเมืองรู้สึกหรือเห็นไปว่าเป็นการเบียดเบียนกดขี่ศาสนาอิสลาม ต้องยกเลิกหรือแก้ไขเสียทันที การใดจะจัดขึ้นใหม่ต้องอย่าให้ขัดกับลัทธินิยมของอิสลาม หรือยิ่งทำให้เห็นเป็นการอุดหนุนศาสดามูฮัมมัดได้ยิ่งดี
๒.การกะเกณฑ์อย่างใดๆก็ดี การเก็บภาษีอากรหรือพลีอย่างใดๆก็ดี เมื่อพิจารณาโดยส่วนรวมเทียบกันต้องอย่างให้ยิ่งกว่าที่พลเมืองในแว่นแคว้นประเทศราชของอังกฤษซึ่งอยู่ใกล้เคียงนั้นต้องเกณฑ์ต้องเสียอยู่เป็นธรรมดา เมื่อพิจารณาเทียบกันแต่เฉพาะอย่างต้องอย่าให้ยิ่งหย่อนกว่ากันจนถึงเป็นเหตุเสียหายในทางปกครองได้
๓.การกดขี่บีบคั้นแต่เจ้าพนักงานของรัฐบาล เนื่องแต่การใช้อำนาจในทางที่ผิดมิเป็นธรรมก็ดี เนื่องแต่การหมิ่นหลู่ดูแคลนพลเมืองชาติแขกโดยฐานที่เป็นคนต่างชาติก็ดี เนื่องแต่การหน่วงเหนี่ยวชักช้าในกิจการตามหน้าที่ เป็นเหตุให้ราษฎรเสียความสะดวกในทางหาเลี้ยงชีพก็ดี พึงต้องแก้ไขและระมัดระวังมิให้มีขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องให้ผู้ทำผิดต้องรับผลตามความผิดโดยยุติธรรม ไม่ใช่สักแต่ว่าจัดการกลบเกลื่อนให้เงียบไปเสียเพื่อจะไว้หน้าสงวนศักดิ์ของข้าราชการ
ดูสิครับเกือบร้อยปีพระองค์ท่านมองเห็นปัญหา
๔.กิจการใดๆทั้งหมดอันเจ้าพนักงานจะต้องบังคับแก่ราษฎร ต้องระวังอย่าให้ราษฎรต้องขัดข้องเสียเวลาในทางหาเลี้ยงชีพของเขาเกินสมควร แม้จะเป็นการจำเป็นโดยระเบียบการก็ดี เจ้าหน้าที่พึงสอดส่องแก้ไขอยู่เสมอเท่าที่สุดจะทำได้
อันนี้ก็เตือนว่าเวลาจะไปเยี่ยมก็อย่าไปเกณฑ์คนให้เสียเวลา เห็นไหมครับ เกือบร้อยปีพระองค์ท่านมองเห็นปัญหา
๕.ข้าราชการที่จะแต่งตั้งออกไปประจำตำแหน่งในมณฑลปัตตานีพึงเลือกเฟ้นแต่คนที่มีนิสัยซื่อสัตย์สุจริต สงบเสงี่ยม เยือกเย็น ไม่ใช่สักแต่ว่าส่งไปบรรจุให้เต็มตำแหน่ง หรือส่งไปเป็นทางลงโทษเพราะเลว
๖.เจ้ากระทรวงทั้งหลายจะจัดวางระเบียบอย่างใดขึ้นใหม่หรือบังคับการอย่างใดในมณฑลปัตตานีอันจะเป็นทางพาดผ่านถึงสุขทุกข์ราษฎรควรพิจารณาเหตุผลแก้ไขยับยั้ง
กระผมกล่าวโดยย่อ ๖ ประการที่เป็นหลักรัฐประศาสโนบายสำหรับมณฑลปัตตานีเพราะอะไร เพราะในขณะนั้นทรงตระหนักว่าพื้นที่นี้ไม่เหมือนที่อื่น…..”

ผมฟังท่านนายกฯชวน พูดแล้วก็มาคิดว่า เมื่อเราเห็นว่ารัฐประศาสโนบายนี้ดี รัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ได้นำมาใช้หรือเปล่า น่าสนใจครับ ผมมองว่าปัญหาของประเทศชาติในขณะนี้เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องช่วยกันคิดช่วยกันแก้ไข
การแก้ปัญหาภาคใต้มีการแก้ไขกันมาหลายครั้งแล้วครับ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ผมเล่าตอนที่แล้วเวลาสยามอ่อนแอ ปัตตานีก็แข็งเมือง นั่นแหละครับ แต่คนที่เข้ามาแก้ปัญหาในสมัยนั้นมีทั้งพุทธและมุสลิมช่วยกันครับ สมัยนั้น “อาณาจักรปัตตานีในสมัยของสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา พระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ ๒๖ แห่งสยามมีข้อความว่า อาณาจักรปัตตานีปฏิเสธที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการ ดังนั้นในปีที่ ๕ แห่งรัชกาล ทรงส่งแสนยานุภาพไปที่นั่น แต่กลับถูกตีแตกมา พระองค์จึงทรงให้ซ่อมแซมเรือรบและสร้างใหม่อีกหลายลำเพื่อไปโจมตีปัตตานีอีกครั้งหนึ่ง แต่ด้วยการไกล่เกลี่ยของผู้ครองรัฐเคดาห์และพระสงฆ์ชาวสยาม ในที่สุดก็มีสัญญาทางพระราชไมตรีและยุติสงคราม….” (ยังมีต่อ)

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : ความสุข

Next : เมื่อผมไปเป็นกรรมการยกร่างรายงานแก้ไขสถานการณ์ภาคใต้๒. » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

10 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มิถุนายน 2009 เวลา 19:20

    ตามติดอย่างใกล้ชิดเลยค่ะ เห็นด้วยว่าทุกครั้งที่มีภัย ไทยเคยร่วมใจตลอดมา แล้วทำไมครานี้จึงจะเผาเรือน?

  • #2 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มิถุนายน 2009 เวลา 20:59

    เริ่มจากเพียงบางอย่าง
    เวลาผ่านไป ก็ยุ่งเหยิงมากขึ้น
    จับอะไรก็ใช่ เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาต้องแก้ไขทั้งนั้น
    ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ ทั้งน้อย ทั้งมาก

    ต้องอดทน ค่อยๆแก้ไขกันไป ผู้นำสูงสุดและรองลงมา
    ต้องเข้มแข็ง และยอมเจ็บปวด เพราะเส้นทางการแก้ไขมันไม่ราบรื่น
    หากทั้งหมดยังไม่เป็นหนึ่ง ก็ต้องอดทนพยายาม
    เริ่มจากจุดใดจุดหนึ่งก่อนแล้วสร้างกระแสความสามัคคีร่วมมือกันต่อไป

    แม้จะข้าวเดือนข้ามตะวัน ก็ต้องอดทนกล้าที่จะเดินทางไป

  • #3 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 มิถุนายน 2009 เวลา 12:18

    น้องเบิร์ดเอ๋ย..
    พี่ว่าเพราะไทยเราระแวงกันเอง ขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เหตุการณ์ภาคใต้ที่เกิดขึ้นถ้าให้พี่วิเคราะห์พี่วิเคราะห์ว่าไม่ใช่คนของรัฐทำ เพราะช่วงนี้จะมีการประชุม OIC ผู้ก่อการก็อยากจะให้ปัญหาภาคใต้ไปให้ถึงความขัดแย้งระหว่างพุทธกับอิสลามให้ได้ การสร้างความบาดหมางในลักษณะอย่างนี้(ยิ่งถล่มมัสยิด และยิงพระสงฆ์ขณะบิณฑบาตร) ก็เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าทำไมทำกับมุสลิมอย่างนี้ ทำไมทำกับพุทธอย่างนี้ยั่วยุให้เกิดความผิดใจกัน และคนของรัฐก็รู้เรื่องการประชุม OIC และรู้เงื่อนไขเหล่านี้ดี จะทำไปเพื่ออะไร เพื่อให้ OIC เข้ามาจัดการกับไทยให้เร็วขึ้นอย่างนั้นหรือ รัฐไทยคงไม่โง่ขนาดนั้นหรอกครับ

    สงสัยอยู่ว่าพวกที่ทำอย่างนี้ คนมุสลิมตั้งข้อรังเกียจบ้างไหมไม่ว่าเขาจะเป็นพุทธหรือมุสลิม การกระทำอย่างนี้ไม่ว่าศาสนาพุทธหรือมุสลิม ศาสดาของทั้งสองศาสนาห้ามไม่ให้ทำทั้งสิ้นและคนไทยพุทธเข้าใจไหมว่าเรากำลังถูกเสี้ยมเขากันอยู่..

  • #4 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 มิถุนายน 2009 เวลา 12:25

    ช่วงนี้เราต้องทนอย่างสูงอย่างที่พี่บู้ธว่านั่นแหละครับ
    แต่ผมสงสัยว่าทำไมเราไม่แก้ปัญหาแบบแพคเกจกันครับ

    เช่น แก้ที่กระทรวงศึกษาปัญหาเรื่องผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา การที่จะให้เด็กมุสลิมเรียนสองภาษาไทยกับมุสลิมมลายู ทำได้ไหมครับ ทำไมเรียนไทย-อังกฤษ ไทย-จีนได้ ทำไมเรียนไทย-มลายูไม่ได้ ผมว่าจะได้นักเรียนเข้ามาเรียนอีกเยอะ

    แก้ที่กฎ ก.พ.เกี่ยวกับเรื่องการแต่งกายของสตรีมุสลิม ให้ใช้ฮิญาบในการแต่งชุดราชการ มีผ้าคลุมผมแต่ต้องเก็บชายฮิญาบภายในเสื้อให้เรียบเรียบร้อย

    กระทรวงยุติธรรมเป็นตัวตั้งตัวตีในการเสนอ ตั้งศาลชารีอะห์ อาจจะให้ใช้สี่จังหวัดภาคใต้ก่อนหรือจะใช้เต็มพื้นที่ก่อนก็ได้ โดยให้มีการทำประชามติของชาวมุสลิมให้ชัดเจนว่าต้องการหรือไม่ การที่เราไปตั้งข้อสังเกตว่าสตรีมุสลิมจะพอใจหรือไม่ เพราะตามกฎหมายไทยเมื่อเป็นสินสมรสต้องแบ่งครึ่ง แต่กฎหมายอิสลามได้แค่หนึ่งในสาม ซึ่งมุสลิมต้องคุยกันหาข้อยุติให้ได้
    อย่างนี้เป็นต้น ถ้าต่างคนต่างแก้เมื่อไหร่มันจะจบก็ไม่รู้..ครับ

  • #5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 มิถุนายน 2009 เวลา 10:05

    แก้ผ้าเอาหน้าไม่รอดมันก็อย่างนี้แหละ

  • #6 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 มิถุนายน 2009 เวลา 10:40

    เสียดายที่ไม่มีเวลาขึ้นไปปลูกต้นไม้ครับพ่อ..วันราชการไม่สะดวก
    ตอนนี้ยิ่งกว่านักร้องลูกทุ่ง บรรยายอุตลุต วันที่ ๒๓ นี้บรรยายเช้าครั้งหนึ่ง บ่ายครั้งหนึ่ง แล้วขึ้นเครื่องไป กทม. วันที่ ๒๔ นำเสนอเรื่องภาคใต้ เสร็จนั่งเครื่องกลับ วันที่ ๒๕ เช้าบรรยายที่ภูเก็ต อีกรอบครับ
    แต่ช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ต้องไปเป็นเจ้าภาพงานศพ ๒ งาน จัดการ KM ให้สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต/สำนักงานคดีแรงงานเขต ๘ วันจันทร์ผู้ตรวจราชการมาตรวจงานที่สำนักงาน ไปไหนไม่ได้เลยครับ
    จะเล่าเรื่องไปคุยกับนายกชวนแล้วจะนำเสนอผลสรุปจากการที่ไปจำลองสถานการณ์ประเทศไทยครับ

  • #7 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 มิถุนายน 2009 เวลา 13:48

    ปัญหาภาคใต้เกิดจากอะไรคะพี่ฑูร (ถามดื้อๆอย่างนี้แหละ) เพราะเวียนหัวกับข้อมูลที่รายงานจากหลายฝ่ายเหลือเกินค่ะ

    อดีตที่รุ่งเรือง ประวัติศาสตร์ที่มีตัวตน ศาสนา ความไม่เท่าเทียม สร้างผลงาน การเมืองท้องถิ่นและระดับชาติ ฯลฯ เรามีแพ็คเก็จที่จะแก้ไขมั้ยคะ? เห็นตั้งธนาคารอิสลาม สนใจนำแนวคิดธนาคารคนจน กรามีนแบงค์ ของมูฮัมหมัด ยูนุสไปใช้มั้ย(ไม่ใช่โครงการ SML ที่เอามาแต่เศษเสี้ยวของเขานะคะ) ..หรือธนาคารต้นไม้ของธกส.ที่ปลูกป่าแล้วเอาความสูงของต้นไม้มาค้ำประกันเงินกู้ของตัวเอง

    สนใจแพ็คเก็จการแก้ปัญหานะคะ และเห็นด้วยว่าเน้นคนปกติ  ก็คนต้องกินต้องใช้อยู่แล้วนี่เนาะคะพี่ฑูร อะไรที่ทำให้ปากท้องเขาขับเคลื่อนได้ก็น่าจะดี (ตามหลักความต้องการพื้นฐานของมนุษย์)

    จะรออ่านๆๆๆๆ ค่ะ ไม่ได้กดดันนะคะเนี่ย อิอิอิ

  • #8 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 มิถุนายน 2009 เวลา 15:35

    ถามดื้อๆก็ตอบดื้อๆว่าไปอ่านตอนสอง แฮ่…
    พี่อยากแก้แบบแพคเกจ เพราะมีการพูดกันเยอะถึงอัตลักษณ์ของมลายูปัตตานี ความต้องการให้มีศาลชารีอะห์เพื่อจะได้ตัดสินความกันเอง อยากให้ภาษามลายูเป็นภาษาใช้ในราชการได้ พี่จึงนำเสนอให้แก้ทั้งการศึกษา ให้โรงเรียนรัฐสอนสองภาษาไปเลย ก็ในเมื่อเขาอยู่ที่บ้านเขาพูดภาษามลายู ทำไมมาโรงเรียนไม่ให้เขาพูดมลายู ทำไมต้องบังคับว่าต้องเป็นภาษาไทยอย่างเดียวล่ะ ทีฝรั่งมังค่าไม่ได้อยู่ใกล้บ้านเราด้วยซ้ำยังให้เปิดสอนสองภาษา/ภาษาที่ใช้ราชการนอกจากภาษาไทยก็ให้เขาใช้ภาษามลายูได้ด้วยไม่เช่นนั้นแล้ว เขามาติดต่อราชการแล้วพูดกับราชการไม่รู้เรื่องเป็นความผิดของชาวบ้านหรือราชการ เพราะราชการต้องบริการประชาชนไม่ใช่เป็นเจ้านายของประชาชนใช่หรือไม่/ แก้ทางด้านกฎหมายในส่วนที่เขาอยากให้มีศาลชารีอะห์ไว้ตัดสินความเรื่องครอบครัวมรดกของมุสลิมกันเอง โดยให้มุสลิมเขาเลือกกันเองว่าจะใช้หรือไม่ใช้หรือให้เป็นสิทธิแต่ไม่ให้บังคับ ถ้าใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมก็ต้องขึ้นศาลยุติธรรม  เป็นต้น นอกจากนี้ควรแก้สังคม การเมือง เศรษฐกิจ ไปพร้อมๆกับการศึกษาหรือฝ่ายยุติธรรมในทำนองนี้แหละ…
    อย่าลืมไปอ่านตอนสอง และสงสัยว่าต้องมีตอนสามด้วย อิอิ

  • #9 Uggs Outlet Online ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ตุลาคม 2014 เวลา 3:32

    Its like you read my mind! You appear to know so much about this, like you wrote the book in it or something. I think that you could do with some pics to drive the message home a little bit, but other than that, this is great blog. A great read. I’ll certainly be back.
    Coach Factory Sale Coach Factory Store Coach Handbag Sale Cheap Uggs Sale.

  • #10 Uggs Outlet Store ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ตุลาคม 2014 เวลา 10:26

    Its like you read my mind! You seem to know a lot about this, like you wrote the book in it or something. I think that you can do with some pics to drive the message home a bit, but other than that, this is magnificent blog. A great read. I will definitely be back.
    Coach Factory Outlet Online Sale Invitation
    Uggs Outlet Store
    Coach Outlet Purses
    Coach Factory Store


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.086886882781982 sec
Sidebar: 0.05466103553772 sec